ประสบการณ์หลอน!!
โดนผีหลอก!!
เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ ยังไม่มีใครรู้ นอกจากคนที่ไปด้วยกันทั้งหมดที่รู้ (ไม่มีใครรู้เลยสาดดดดดด)
เมื่อ ส-อ. ที่ผ่านมา ผมไปถ่ายงานที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในอัมพวา ประเทศไทย
รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ริมคลองอัมพวา ฝั่งตรงข้ามมีต้นลำพู 3 ต้น ใครว่าเดี๋ยวนี้หิ่งห้อยไม่มีแล้ว
ให้มาดูใหม่ หิ่งห้อยเต็มเลย แต่ต้องปิดไฟให้หมดนะจะเห็นชัด!!
เรื่องที่จะเล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหิ่งห้อย ต้นลำพู หรือคลองอัมพวา ไม่เกี่ยวกับโกโบริ หรือ อังสุมาริน
ที่พลอดรักกันใต้ต้นลำพู (ใช่หรือเปล่าวะ) เอาเถอะ ใช่ไม่ใช่ก็ช่างมัน เอาเป็นว่า ไม่เกี่ยวกันเลย
หลังจากที่ทำงานเหนื่อยเส้นสองสลึงแทบขาด ก็ถึงเวลาพักผ่อน กินข้าว และ สร้างแลนด์มาร์ค เล่นเกมส์เศรษฐี!!
ดูเหมือนทุกคนจะจริงจังกับ การสร้างแลนด์มาร์ค มากกว่าการทำงานที่ผ่านมาเสียอีก
เดินตก คูณ 10 ถึงกับร้องล้มละลายกันเลยทีเดียว
ทุกคนมาพักผ่อนกันที่ห้องผมได้ซัก 1 ชั่วโมง ก็แยกย้ายไปห้องใครห้องมัน ทิ้งผมไว้ที่ห้องเพียงลำพัง
กับ โน๊ตบุค 1 เครื่อง ทีวี 1 เครื่อง ตู้เย็น 1 ตู้ กล้องถ่ายรูป 1 ตัว เลนส์ 3 ตัว ขาตั้งกล้อง 1 ขา นี่ผมจะพูดทำไม!!!
ความมืดมิดของเมืองกรุง กับ อัมพวาไม่เหมือนกัน เมื่อรีสอร์ทดับไฟ แม้จะเป็นเวลาแค่ 4 ทุ่ม แต่มันก็มืดมิดจนมองอะไรแทบไม่เห็น
ผมออกมายืนชมวิวทิวทัศน์ที่หน้าห้อง แต่น่าเสียดายที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงกระพริบจากหิ่งห้อย บนต้นลำพูฝั่งตรงข้าม
รับลมเย็นที่พัดผ่านสวน สายลมพัดผ่านตัวจนเริ่มหนาว และ คิดว่า นี่กุจะออกมายืนทำมะเขืออะไร!!
ว่าแล้วก็เข้าห้อง เวลานั้นมันเป็นเวลาประมาณ ห้าทุ่มนิด ๆ มันไม่ใช่เวลานอนของผม ปกติผมนอนตอนประมาณตี 2 ถึง ตี 3
นีเพิ่ง 5 ทุ่ม ไม่รู้สึกง่วงซักนิด แต่จะทำยังไงได้ รีสอร์ทปิดแล้ว ของขายก็ไม่มี มื้อดึกที่เคยกินก็ไม่ได้กิน เพราะไม่มีอะไรให้กิน
ถ้าอยากกินต้องออกไปเซเว่น ที่อยู่หน้าถนนใหญ่ ต้องขับรถผ่านสวนมะพร้าวออกไปประมาณ 3 กิโล ผ่านทางคดเคี้ยวเล็ก ๆ ในสวน
ซึ่งคาดว่า หากขับออกไปตอนนี้ คงไม่ได้กลับมา เพราะอาจจะโดนหิ่งห้อยคาบไปแหล่กกลางทางแน่นอน!!
อย่ากระนั้นเลย นอนแม่มก็แล้วกัน จะเล่นเน็ต เน็ตก็ช๊าาาา ช้า จนหอยทากเรียกพี่ ใช้ได้พอแก้ขัดเท่านั้น
ทีวีก็ไม่มีอะไรจะดู หาช่องสารคดีไม่เจอ ไม่รู้มันหายไปไหน ปกติทีวีตามรีสอร์ท จะมีช่องพวก Next Step สำรวจโลก แต่คราวนี้ไม่มีแหะ
เตียงตั้งอยู่กลางห้อง ทางซ้ายมือเป็นผนังและห้องน้ำ ปลายเตียงมีตู้เย็นและทีวีติดผนัง ขวามือเป็นหน้าห้อง
เตียงตั้งตรงกลาง มีพื้นที่ซ้ายและขวา ผนังด้านซ้ายมือติดแอร์ตัวขนาดพอเหมาะ 25000 BTU หนาวสัส!!
เนื่องจากผมชาร์ทโทรศัพท์บนที่นอนด้านขวา ผมจึงขยับมานอนด้านซ้าย ปิดไฟ
เปิดทีวีทิ้งไว้ เพราะปิดไม่เป็น (กดรีโมทแล้วมันไม่ดับ ไม่รู้จะทำยังไงเปิดมันไว้ซะเลย)
แสงจากทีวีพอทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรภายในห้องได้แบบเลือนลาง
วินาทีที่กลุ่มแว๊นซ์ห้องข้างล่างเงียบเสียง เวลาประมาณเที่ยงคืน ผมกำลังจะเคลิ้มหลับ พลันก็ได้ยินเสียง
"ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก"
เสียงมันดังมาจากทางฝั่งซ้ายของที่นอน!!!
ผมนอนหงาย หลับตา ตอนแรกไม่คิดอะไร แต่อีกซักพักก็ดังอีก
"ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก"
เสียงเหมือนมีอะไรกระทบพื้น จากทางหัวเตียง ไปท้ายเตียง บริเวณตู้เย็น และ จากท้ายเตียง มากระทบผนังหัวเตียงด้านข้าง!!!
อุทานในใจ "เสียงส้วนเตียนอะไรวะ"
พลัน ความทรงจำเก่า ๆ กับผีสก๊อยส์กางเกงแดง ที่ผมเคยเจอเธอมานั่งอยู่ข้าง ๆ ตู้เย็นเมื่อหลายปีก่อน
ที่สระบุรีก็ค่อย ๆ หวนกลับเข้ามาในความคิดผมอีกครั้ง................... ไม่นะ มันหลายปีมากแล้ว
คิดว่า สก๊อยส์คนนั้นน่าจะไปเกิดใหม่ได้แล้ว และเรื่องของเรื่องคือ มันคนละจังหวัดกันนะไอ้สัส
ถ้าเมิงจะตามหลอนออนเดอะเวย์ขนาดนี้ !!!
อ่านเรื่องผีสก๊อยส์ได้ที่นี่
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=smannoi14&month=06-2009&group=11
นาทีนั้น ขนลุกเกลียว เสียงดังที่ว่าก็ยังอยู่ รู้สึกได้ถึงบางจังหวะมันมาปะทะกับข้างเตียง .....
"โอว ถึงขนาดเตะเตียงกันเลยเหรอ"
รู้สึกหัวโตขึ้นเท่ากระบุงเลยครับตอนนั้น
ความกลัวเข้าถาโถม ผมหลับตาอยู่ ภาพในหัวตอนนั้นคือ มีอะไรซักอย่างที่อดีตเคยเป็นคนมาก่อน
กำลังเดินไปเดินมาลั๊นลาอยู่ข้างเตียง และ กำลังเตะที่ขอบเตียงที่ผมนอนอยู่!!
ทำไงดี ๆ ๆ พยายามหาบทสวดไล่ผี แต่ให้ตายเถอะ อะระหังสัมมา ผมยังจำไม่ได้
กลัวมาก!!
คนเราครับ พอเวลามันกลัวมาก ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่ง ความกลัวมันจะเปลี่ยนเป็นความกล้า และ บ้าระห่ำ
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ให้มันรู้กันไปสิวะ ผีก็ผีเหอะ ถ้าเป็นผีผู้หญิง จะจับปล้ำ
ซะเลย
ดดดดด
ผมสวมวิญญาณ บรุ๊ช วิลลิส คนอึดตายยาก............... ผมลืมตา
สิ่งที่มองเห็นคือทีวีที่เปิดอยู่ แต่หางตาทางด้านซ้ายสังเหตุเห็นเงาตะคุ่ม ๆ กำลังเคลื่อนที่ไปมาอยู่ข้างเตียง
พร้อมเสียงดัง ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก!! วิญญาณแรงกล้างปรากฎขึ้นเป็นรูปร่าง เจ๊ดเข้!!! อะไรมันจะเฮี้ยนปานนั้น
ขนที่ลุกอยู่แล้ว คราวนี้มันแทบจะกระโดดออกมาจากรูขุมขน หัวหนักประมาณ 8 กิโล .... แต่นาทีนั้น ความบ้าบิ่นเริ่มครอบงำ เอาวะ!!!
ผมรวบรวมความกล้า หันไปมองพร้อมยันตัวขึ้น กะว่าจะกระทืบผีให้จมตีน!!
สิ่งที่ผมเห็นคือ วิญญาณ ที่มีสภาพ เรียบ ๆ มน ๆ มีลักษณะคล้ายวงรี
กำลังลอยขึ้นลงตามแรงลมจากแอร์ กระทบพื้นเสียงดัง ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก
"ผีหัวขาด"!!!! ชัวร์ 100 เปอร์เซนต์ มาแต่หัว แถมลอยได้
วินาทีนั้น หัวใจแทบหยุดเต้น
มันลอยขึ้น ลงแบบไร้ทิศทาง กระทบพื้น กระเด้งไปชนผนัง ซ้ายที ขวาที
สติเริ่มเข้าร่าง พยายามเพ่งมองมันให้ชัด พร้อมความตะหงิด ๆ
ไอ้สัส!!!
ใครแม่มเอาลูกโป่งมาไว้ในห้องกุวะ
ผมเดินไปเปิดไฟ มันคือลูกโป่ง สีน้ำเงินเข้มสดใส กำลังลอยไปลอยมา ตามแรงลมจากแอร์ที่อยู่ด้านบน
มันไปทางซ้าย กระแทกผนังห้อง แล้วก็กระเด้งมาทางขวา ไปหลบมุมตู้เย็น แล้วก็โดนลมพัดออกมา ย้อนกลับไปทางเดิม!!
นาทีนั้น แทบวิ่งออกจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องน้องทีมงาน ลากออกมากระทืบให้จมดิน ที่ตอนก่อนจะออกไป
มันดันทิ้งลูกโป่งไว้ในห้องผมลูกนึง ลูกโป่งที่ใช้เป็นพร๊อบสำหรับถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ พรีเวดดิ้ง มันเอามาทิ้งไว้ โดยที่ผมไม่ทันได้สังเกตุ
ประสบการณ์ชวนขนหัวลุก
"ผีลูกโป่ง"!!
เจอมากับตัว ประสบการณ์หลอนนอนแทบไม่ได้ "ผีหลอก"
โดนผีหลอก!!
เรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ ยังไม่มีใครรู้ นอกจากคนที่ไปด้วยกันทั้งหมดที่รู้ (ไม่มีใครรู้เลยสาดดดดดด)
เมื่อ ส-อ. ที่ผ่านมา ผมไปถ่ายงานที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในอัมพวา ประเทศไทย
รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ริมคลองอัมพวา ฝั่งตรงข้ามมีต้นลำพู 3 ต้น ใครว่าเดี๋ยวนี้หิ่งห้อยไม่มีแล้ว
ให้มาดูใหม่ หิ่งห้อยเต็มเลย แต่ต้องปิดไฟให้หมดนะจะเห็นชัด!!
เรื่องที่จะเล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหิ่งห้อย ต้นลำพู หรือคลองอัมพวา ไม่เกี่ยวกับโกโบริ หรือ อังสุมาริน
ที่พลอดรักกันใต้ต้นลำพู (ใช่หรือเปล่าวะ) เอาเถอะ ใช่ไม่ใช่ก็ช่างมัน เอาเป็นว่า ไม่เกี่ยวกันเลย
หลังจากที่ทำงานเหนื่อยเส้นสองสลึงแทบขาด ก็ถึงเวลาพักผ่อน กินข้าว และ สร้างแลนด์มาร์ค เล่นเกมส์เศรษฐี!!
ดูเหมือนทุกคนจะจริงจังกับ การสร้างแลนด์มาร์ค มากกว่าการทำงานที่ผ่านมาเสียอีก
เดินตก คูณ 10 ถึงกับร้องล้มละลายกันเลยทีเดียว
ทุกคนมาพักผ่อนกันที่ห้องผมได้ซัก 1 ชั่วโมง ก็แยกย้ายไปห้องใครห้องมัน ทิ้งผมไว้ที่ห้องเพียงลำพัง
กับ โน๊ตบุค 1 เครื่อง ทีวี 1 เครื่อง ตู้เย็น 1 ตู้ กล้องถ่ายรูป 1 ตัว เลนส์ 3 ตัว ขาตั้งกล้อง 1 ขา นี่ผมจะพูดทำไม!!!
ความมืดมิดของเมืองกรุง กับ อัมพวาไม่เหมือนกัน เมื่อรีสอร์ทดับไฟ แม้จะเป็นเวลาแค่ 4 ทุ่ม แต่มันก็มืดมิดจนมองอะไรแทบไม่เห็น
ผมออกมายืนชมวิวทิวทัศน์ที่หน้าห้อง แต่น่าเสียดายที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงกระพริบจากหิ่งห้อย บนต้นลำพูฝั่งตรงข้าม
รับลมเย็นที่พัดผ่านสวน สายลมพัดผ่านตัวจนเริ่มหนาว และ คิดว่า นี่กุจะออกมายืนทำมะเขืออะไร!!
ว่าแล้วก็เข้าห้อง เวลานั้นมันเป็นเวลาประมาณ ห้าทุ่มนิด ๆ มันไม่ใช่เวลานอนของผม ปกติผมนอนตอนประมาณตี 2 ถึง ตี 3
นีเพิ่ง 5 ทุ่ม ไม่รู้สึกง่วงซักนิด แต่จะทำยังไงได้ รีสอร์ทปิดแล้ว ของขายก็ไม่มี มื้อดึกที่เคยกินก็ไม่ได้กิน เพราะไม่มีอะไรให้กิน
ถ้าอยากกินต้องออกไปเซเว่น ที่อยู่หน้าถนนใหญ่ ต้องขับรถผ่านสวนมะพร้าวออกไปประมาณ 3 กิโล ผ่านทางคดเคี้ยวเล็ก ๆ ในสวน
ซึ่งคาดว่า หากขับออกไปตอนนี้ คงไม่ได้กลับมา เพราะอาจจะโดนหิ่งห้อยคาบไปแหล่กกลางทางแน่นอน!!
อย่ากระนั้นเลย นอนแม่มก็แล้วกัน จะเล่นเน็ต เน็ตก็ช๊าาาา ช้า จนหอยทากเรียกพี่ ใช้ได้พอแก้ขัดเท่านั้น
ทีวีก็ไม่มีอะไรจะดู หาช่องสารคดีไม่เจอ ไม่รู้มันหายไปไหน ปกติทีวีตามรีสอร์ท จะมีช่องพวก Next Step สำรวจโลก แต่คราวนี้ไม่มีแหะ
เตียงตั้งอยู่กลางห้อง ทางซ้ายมือเป็นผนังและห้องน้ำ ปลายเตียงมีตู้เย็นและทีวีติดผนัง ขวามือเป็นหน้าห้อง
เตียงตั้งตรงกลาง มีพื้นที่ซ้ายและขวา ผนังด้านซ้ายมือติดแอร์ตัวขนาดพอเหมาะ 25000 BTU หนาวสัส!!
เนื่องจากผมชาร์ทโทรศัพท์บนที่นอนด้านขวา ผมจึงขยับมานอนด้านซ้าย ปิดไฟ
เปิดทีวีทิ้งไว้ เพราะปิดไม่เป็น (กดรีโมทแล้วมันไม่ดับ ไม่รู้จะทำยังไงเปิดมันไว้ซะเลย)
แสงจากทีวีพอทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรภายในห้องได้แบบเลือนลาง
วินาทีที่กลุ่มแว๊นซ์ห้องข้างล่างเงียบเสียง เวลาประมาณเที่ยงคืน ผมกำลังจะเคลิ้มหลับ พลันก็ได้ยินเสียง
"ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก"
เสียงมันดังมาจากทางฝั่งซ้ายของที่นอน!!!
ผมนอนหงาย หลับตา ตอนแรกไม่คิดอะไร แต่อีกซักพักก็ดังอีก
"ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก"
เสียงเหมือนมีอะไรกระทบพื้น จากทางหัวเตียง ไปท้ายเตียง บริเวณตู้เย็น และ จากท้ายเตียง มากระทบผนังหัวเตียงด้านข้าง!!!
อุทานในใจ "เสียงส้วนเตียนอะไรวะ"
พลัน ความทรงจำเก่า ๆ กับผีสก๊อยส์กางเกงแดง ที่ผมเคยเจอเธอมานั่งอยู่ข้าง ๆ ตู้เย็นเมื่อหลายปีก่อน
ที่สระบุรีก็ค่อย ๆ หวนกลับเข้ามาในความคิดผมอีกครั้ง................... ไม่นะ มันหลายปีมากแล้ว
คิดว่า สก๊อยส์คนนั้นน่าจะไปเกิดใหม่ได้แล้ว และเรื่องของเรื่องคือ มันคนละจังหวัดกันนะไอ้สัส
ถ้าเมิงจะตามหลอนออนเดอะเวย์ขนาดนี้ !!!
อ่านเรื่องผีสก๊อยส์ได้ที่นี่
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=smannoi14&month=06-2009&group=11
นาทีนั้น ขนลุกเกลียว เสียงดังที่ว่าก็ยังอยู่ รู้สึกได้ถึงบางจังหวะมันมาปะทะกับข้างเตียง .....
"โอว ถึงขนาดเตะเตียงกันเลยเหรอ"
รู้สึกหัวโตขึ้นเท่ากระบุงเลยครับตอนนั้น
ความกลัวเข้าถาโถม ผมหลับตาอยู่ ภาพในหัวตอนนั้นคือ มีอะไรซักอย่างที่อดีตเคยเป็นคนมาก่อน
กำลังเดินไปเดินมาลั๊นลาอยู่ข้างเตียง และ กำลังเตะที่ขอบเตียงที่ผมนอนอยู่!!
ทำไงดี ๆ ๆ พยายามหาบทสวดไล่ผี แต่ให้ตายเถอะ อะระหังสัมมา ผมยังจำไม่ได้
กลัวมาก!!
คนเราครับ พอเวลามันกลัวมาก ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่ง ความกลัวมันจะเปลี่ยนเป็นความกล้า และ บ้าระห่ำ
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ให้มันรู้กันไปสิวะ ผีก็ผีเหอะ ถ้าเป็นผีผู้หญิง จะจับปล้ำซะเลย ดดดดด
ผมสวมวิญญาณ บรุ๊ช วิลลิส คนอึดตายยาก............... ผมลืมตา
สิ่งที่มองเห็นคือทีวีที่เปิดอยู่ แต่หางตาทางด้านซ้ายสังเหตุเห็นเงาตะคุ่ม ๆ กำลังเคลื่อนที่ไปมาอยู่ข้างเตียง
พร้อมเสียงดัง ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก!! วิญญาณแรงกล้างปรากฎขึ้นเป็นรูปร่าง เจ๊ดเข้!!! อะไรมันจะเฮี้ยนปานนั้น
ขนที่ลุกอยู่แล้ว คราวนี้มันแทบจะกระโดดออกมาจากรูขุมขน หัวหนักประมาณ 8 กิโล .... แต่นาทีนั้น ความบ้าบิ่นเริ่มครอบงำ เอาวะ!!!
ผมรวบรวมความกล้า หันไปมองพร้อมยันตัวขึ้น กะว่าจะกระทืบผีให้จมตีน!!
สิ่งที่ผมเห็นคือ วิญญาณ ที่มีสภาพ เรียบ ๆ มน ๆ มีลักษณะคล้ายวงรี
กำลังลอยขึ้นลงตามแรงลมจากแอร์ กระทบพื้นเสียงดัง ปุ่ก ปุ่ก ปุ่ก
"ผีหัวขาด"!!!! ชัวร์ 100 เปอร์เซนต์ มาแต่หัว แถมลอยได้
วินาทีนั้น หัวใจแทบหยุดเต้น
มันลอยขึ้น ลงแบบไร้ทิศทาง กระทบพื้น กระเด้งไปชนผนัง ซ้ายที ขวาที
สติเริ่มเข้าร่าง พยายามเพ่งมองมันให้ชัด พร้อมความตะหงิด ๆ
ไอ้สัส!!!
ใครแม่มเอาลูกโป่งมาไว้ในห้องกุวะ
ผมเดินไปเปิดไฟ มันคือลูกโป่ง สีน้ำเงินเข้มสดใส กำลังลอยไปลอยมา ตามแรงลมจากแอร์ที่อยู่ด้านบน
มันไปทางซ้าย กระแทกผนังห้อง แล้วก็กระเด้งมาทางขวา ไปหลบมุมตู้เย็น แล้วก็โดนลมพัดออกมา ย้อนกลับไปทางเดิม!!
นาทีนั้น แทบวิ่งออกจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องน้องทีมงาน ลากออกมากระทืบให้จมดิน ที่ตอนก่อนจะออกไป
มันดันทิ้งลูกโป่งไว้ในห้องผมลูกนึง ลูกโป่งที่ใช้เป็นพร๊อบสำหรับถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ พรีเวดดิ้ง มันเอามาทิ้งไว้ โดยที่ผมไม่ทันได้สังเกตุ
ประสบการณ์ชวนขนหัวลุก
"ผีลูกโป่ง"!!