สวัสดีค่ะ !! เพื่อนๆชาวพันทิพ
ขอตั้งกระทู้ใหม่นะค่ะ เนื่องจากกระทู้ที่แล้วเป็นกระทู้รีวิว เรากลัวผิดกฏพันทิพอ่ะค่ะ
http://ppantip.com/topic/32525967
ปกติแล้วเราจะไม่ค่อยได้อยู่ห้องไกลบ้านนะค่ะ เราจะอยู่แต่ห้องศุภชลาศัย(โดยเฉพาะห้องวอลเลย์บอล)
กระทู้นี้จะมารีวิวเที่ยวประเทศมอลตากันค่ะ ก็ผ่านมาเกือบจะเดือนแล้วนะค่ะ ตอนนั้นไปเที่ยวมอลตา
ก่อนวอลเลย์บอลเวิล์ดกรังปรีซ์จะแข่งค่ะ (คือแบบว่ารีบไปเที่ยวต่างประเทศแล้วกลับมาดูวอลเลย์บอลที่ไทย อิอิ)
ก่อนอื่นขอแนะนำประเทศมอลตาก่อนนะค่ะ
มอลตานะค่ะเป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป
เป็นหมู่เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ทางตอนใต้ของเมืองชิชิลี ประเทศอิตาลี
มีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางกิโลเมตร (พอๆกับภูเก็ตบ้านเราเลยค่ะ)
เมืองหลวงชื่อเมือง วัลเลตตา มีประชากรประมาณ 400000 คนค่ะ
ประเทศมอลตาคนเกือบทั้งประเทศพูดภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ และมีภาษามอลติสปะปนเล็กน้อย
เข้าเรื่องเที่ยวกันเลยค่ะ เราเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรส (ดูไบ)
แล้วต่อเครื่อไปถึงมอลตา ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 18 ชั่วโมง
ก้อถึงมอลตาค่ะ ลงเครื่องแล้วก้อมีพนักงานโรงเเรม British Hotel วัลเลตตา (โรงแรมที่เราจองไว้)
มารับไปพักที่โรงแรมค่ะ ในโรงแรมก็ถือว่าค่อนข้างน่าอยู่เลยนะค่ะ เป็นโรงเเรมสองหรือสามดาวนี่แหละค่ะ
แถมเป็นหนึ่งในโรงเเรมที่เก่าแก่ในมอลตา พนักงานก้อบริการดีสะดวกสะบายอำนวยความสะดวกดีเริศ (คืนละ 2000 บาท/คน)
เช้าวันรุ่งขึ้นเราก้อเริ่มเที่ยวเลยค่ะ อ้อ ! คนมอลตาพูดอังกฤษนี่สำเนียงอังกฤษมาเต็มเลยนะค่ะ
ซึ่งเราเป็นคนพูดอังกิดสำเนียงอเมริกาก้อฟังคนมอลตาที่พูดอังกฤษสำเนียงอังกฤษไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่
แต่ด้วยประสบการณ์ที่เราพูดอังกฤษค่อนข้างคล่องก้อเอาตัวรอดจากสำเนียงอังกฤษได้ค่ะ
แนะนำคนไปมอลตาควรฝึกฟังสำเนียงอังกฤษบ่อยๆนะค่ะ ^^ อ้อ ก่อนไปก้อต้องศึกษาที่เที่ยวก่อนด้วยนะค่ะ
ทีแรกเราก้อคิดว่าประเทศเล็กนิดเดียว จะมีที่เที่ยวเหร๊อ แต่กลับกันค่ะ ที่เที่ยวเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกก
เอาล่ะค่ะออกจากโรงแรมก้อนั่งรถบัสไปเที่ยวที่แรกเลยคือ
เมือง MDINA
พอไปถึงก้อนั่งรถม้าชมเมืองต่อค่ะ รถม้า 2 คันค่ะ (เรียกคันรึป่าว)เรานั่งกับน้องสาว แม่นั่งกับพ่อ
รถม้าคันหนึ่งนั่งได้ 3 คนค่ะ (สองคนนั่งข้างหลังอีกคนนั่งกับคนขับม้า *เรียกว่าคนขับม้ารึป่าว จขกท ก้อเรียกไม่ถูก)
แต่ไม่ค่ะ ครอบครัวเราไม่นั่งคันล่ะสามคนค่ะ ครอบครัวเรานั่งคันละสองคนค่ะ (เสียดายมากค่ะไม่ได้ถ่ายรูปตอนนั่งรถม้า)
เมือง เอ็มดิน่าเป็นเมืองเก่าประมาณ 1200 ปี เป็นเมืองมรดกโลกด้วยนะค๊าาาาาาาาาา
เมืองเอ็มดิน่ามีกำแพงสูงล้อมรอบ คล้ายๆเมืองพวกอาหรับอ่ะค่ะ อากาศข้างนอกกำแพงเมืองเก่า
คือร้อนมากเลยนะค่ะ แต่เข้ามาในตัวกำแพงเมืองจะเย็นสบายเลยค่ะ เป็นเพราะว่ากำแพงจะป้องกันความร้อน
นอกจากนั้นถนนหนทางในตัวเมืองยังคดเคี้ยวไปมาเพื่อป้องกันความร้อนและป้องกันศรัตรู เอ็มดิน่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเนินสูงค่ะ
บ้านเรือก้อเป็นสไตส์โรมัน-บาร็อค และสร้างเรียงติดกันเป็นแถวยาว มีถนนลดเลี้ยวไปมา ปูถนนด้วยหิน
วัสดุที่ใช้สร้างบ้านเรือนก้อเป็นหิน มีสีเหลืองนวลเหมือนน้ำผึ้ง สามารถสะท้อนแสงดวงอาทิตย์ได้
ที่บ้านในเอ็มดินาแต่ละหลังจะมีรูปแกะสลักในนิยายกรีกติดอยู่ทุกบ้านค่ะ
วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนนะค่ะพรุ่งนี้เดี๋ยวมารีวิวต่อ
ปล เสียดามากเลยค่ะไม่ได้ไปเกาะโกโซ T_T
ปล คนประเทศมอลตาส่วนมากจะอ้วนมากค่ะเหมือนคนอเมริกาเลย
ปล ผู้ชายมอลตาหล่อมากเลยค่ะ เรานี่เที่ยวไปห้ามใจตัวเองไปค่ะ
ปล อย่าลืมติดตามนะค่ะวันต่อไปจะมาเล่าเมืองอะไรในมอลตาคอยติดตามคร่าาาาาาาา
เที่ยวประเทศมอลตากับครอบครัว !! (ประเทศในยุโรปที่หลายๆคนอาจไม่รู้จัก)
ขอตั้งกระทู้ใหม่นะค่ะ เนื่องจากกระทู้ที่แล้วเป็นกระทู้รีวิว เรากลัวผิดกฏพันทิพอ่ะค่ะ
http://ppantip.com/topic/32525967
ปกติแล้วเราจะไม่ค่อยได้อยู่ห้องไกลบ้านนะค่ะ เราจะอยู่แต่ห้องศุภชลาศัย(โดยเฉพาะห้องวอลเลย์บอล)
กระทู้นี้จะมารีวิวเที่ยวประเทศมอลตากันค่ะ ก็ผ่านมาเกือบจะเดือนแล้วนะค่ะ ตอนนั้นไปเที่ยวมอลตา
ก่อนวอลเลย์บอลเวิล์ดกรังปรีซ์จะแข่งค่ะ (คือแบบว่ารีบไปเที่ยวต่างประเทศแล้วกลับมาดูวอลเลย์บอลที่ไทย อิอิ)
ก่อนอื่นขอแนะนำประเทศมอลตาก่อนนะค่ะ
มอลตานะค่ะเป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป
เป็นหมู่เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ทางตอนใต้ของเมืองชิชิลี ประเทศอิตาลี
มีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางกิโลเมตร (พอๆกับภูเก็ตบ้านเราเลยค่ะ)
เมืองหลวงชื่อเมือง วัลเลตตา มีประชากรประมาณ 400000 คนค่ะ
ประเทศมอลตาคนเกือบทั้งประเทศพูดภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ และมีภาษามอลติสปะปนเล็กน้อย
เข้าเรื่องเที่ยวกันเลยค่ะ เราเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรส (ดูไบ)
แล้วต่อเครื่อไปถึงมอลตา ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 18 ชั่วโมง
ก้อถึงมอลตาค่ะ ลงเครื่องแล้วก้อมีพนักงานโรงเเรม British Hotel วัลเลตตา (โรงแรมที่เราจองไว้)
มารับไปพักที่โรงแรมค่ะ ในโรงแรมก็ถือว่าค่อนข้างน่าอยู่เลยนะค่ะ เป็นโรงเเรมสองหรือสามดาวนี่แหละค่ะ
แถมเป็นหนึ่งในโรงเเรมที่เก่าแก่ในมอลตา พนักงานก้อบริการดีสะดวกสะบายอำนวยความสะดวกดีเริศ (คืนละ 2000 บาท/คน)
เช้าวันรุ่งขึ้นเราก้อเริ่มเที่ยวเลยค่ะ อ้อ ! คนมอลตาพูดอังกฤษนี่สำเนียงอังกฤษมาเต็มเลยนะค่ะ
ซึ่งเราเป็นคนพูดอังกิดสำเนียงอเมริกาก้อฟังคนมอลตาที่พูดอังกฤษสำเนียงอังกฤษไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่
แต่ด้วยประสบการณ์ที่เราพูดอังกฤษค่อนข้างคล่องก้อเอาตัวรอดจากสำเนียงอังกฤษได้ค่ะ
แนะนำคนไปมอลตาควรฝึกฟังสำเนียงอังกฤษบ่อยๆนะค่ะ ^^ อ้อ ก่อนไปก้อต้องศึกษาที่เที่ยวก่อนด้วยนะค่ะ
ทีแรกเราก้อคิดว่าประเทศเล็กนิดเดียว จะมีที่เที่ยวเหร๊อ แต่กลับกันค่ะ ที่เที่ยวเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกก
เอาล่ะค่ะออกจากโรงแรมก้อนั่งรถบัสไปเที่ยวที่แรกเลยคือ เมือง MDINA
พอไปถึงก้อนั่งรถม้าชมเมืองต่อค่ะ รถม้า 2 คันค่ะ (เรียกคันรึป่าว)เรานั่งกับน้องสาว แม่นั่งกับพ่อ
รถม้าคันหนึ่งนั่งได้ 3 คนค่ะ (สองคนนั่งข้างหลังอีกคนนั่งกับคนขับม้า *เรียกว่าคนขับม้ารึป่าว จขกท ก้อเรียกไม่ถูก)
แต่ไม่ค่ะ ครอบครัวเราไม่นั่งคันล่ะสามคนค่ะ ครอบครัวเรานั่งคันละสองคนค่ะ (เสียดายมากค่ะไม่ได้ถ่ายรูปตอนนั่งรถม้า)
เมือง เอ็มดิน่าเป็นเมืองเก่าประมาณ 1200 ปี เป็นเมืองมรดกโลกด้วยนะค๊าาาาาาาาาา
เมืองเอ็มดิน่ามีกำแพงสูงล้อมรอบ คล้ายๆเมืองพวกอาหรับอ่ะค่ะ อากาศข้างนอกกำแพงเมืองเก่า
คือร้อนมากเลยนะค่ะ แต่เข้ามาในตัวกำแพงเมืองจะเย็นสบายเลยค่ะ เป็นเพราะว่ากำแพงจะป้องกันความร้อน
นอกจากนั้นถนนหนทางในตัวเมืองยังคดเคี้ยวไปมาเพื่อป้องกันความร้อนและป้องกันศรัตรู เอ็มดิน่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเนินสูงค่ะ
บ้านเรือก้อเป็นสไตส์โรมัน-บาร็อค และสร้างเรียงติดกันเป็นแถวยาว มีถนนลดเลี้ยวไปมา ปูถนนด้วยหิน
วัสดุที่ใช้สร้างบ้านเรือนก้อเป็นหิน มีสีเหลืองนวลเหมือนน้ำผึ้ง สามารถสะท้อนแสงดวงอาทิตย์ได้
ที่บ้านในเอ็มดินาแต่ละหลังจะมีรูปแกะสลักในนิยายกรีกติดอยู่ทุกบ้านค่ะ
วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนนะค่ะพรุ่งนี้เดี๋ยวมารีวิวต่อ
ปล เสียดามากเลยค่ะไม่ได้ไปเกาะโกโซ T_T
ปล คนประเทศมอลตาส่วนมากจะอ้วนมากค่ะเหมือนคนอเมริกาเลย
ปล ผู้ชายมอลตาหล่อมากเลยค่ะ เรานี่เที่ยวไปห้ามใจตัวเองไปค่ะ
ปล อย่าลืมติดตามนะค่ะวันต่อไปจะมาเล่าเมืองอะไรในมอลตาคอยติดตามคร่าาาาาาาา