จากมติชนออนไลน์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ธ คาโรไลน่า ของสหรัฐได้พัฒนา"ยาทาเล็บพิเศษ"เพื่อป้องกันปัญหาหญิงถูกมอมยาข่มขืน
โดยสามารถใช้นิ้วที่มีเล็บถูกทาด้วยสารพิเศษ จุ่มลงในเครื่องดื่ม เพื่อสังเกตว่า ตัวเองกำลังถูกมอมยาหรือไม่ โดยหากมีการวางยาดังกล่าว สีของเล็บก็จะเปลี่ยนไป
รายงานระบุว่า สารทาเล็บพิเศษนี้ ได้รับการคลิกไลค์เป็นจำนวนมากในเฟซบุ๊คจากเหล่าสตรีเพศ โดยกลุ่มได้จัดตั้งเว็บเพจระบุว่า สารทาเล็บพิเศษนี้ เปรียบเสมือนสินค้าของบริษัทแฟชั่นแห่งแรกที่ทำเพื่อป้องกันไมให้ผู้หญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยผู้หญิงจะสามารถใช้มันได้ขณะไปงานเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานปาร์ตี้ต่าง ๆ โดยจุดประสงค์การของผลิตสารทาเล็บพิเศษนี้ เพื่อให้ผู้หญิงมีอำนาจที่จะปกป้องคุ้มครองตัวเองจากอาชญากรรมเงียบที่เลวร้าย ขณะที่กลุ่มยังได้เรียกร้องเงินบริจาคเพื่อพัฒนาและขายสารทาเล็บนี้อย่างเป็นทางการด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หน่วยงานอาหารและยาของสหรัฐรายงานว่า มีผู้หญิงสหรัฐ 1 ใน 5 เคยเผชิญประสบการณ์ถูกข่มขืนอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต นอกจากนี้ ผู้หญิง 1 ใน 3 เผยว่า พวกเธอได้ถูกข่มขืนเมื่ออยู่ในวัยเรียนมหาวิทยาลัย ขณะที่ยาข่มขืนมักถูกนำมาใช้บ่อยครั้ง และเป็นยาอันตรายที่ยากจะป้องกันเนื่องจากเป็นยาที่ไร้สีและกลิ่น โดยผู้ดื่มยานี้จะมีอาการอ่อนแรงและหมดสติ
ฮือฮา นักศึกษามหาวิทยาลัยสหรัฐเจ๋ง พัฒนาผลิต"ยาทาเล็บป้องกันหญิงถูกเหล้าใส่ยามอมยาข่มขืน"!?
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ธ คาโรไลน่า ของสหรัฐได้พัฒนา"ยาทาเล็บพิเศษ"เพื่อป้องกันปัญหาหญิงถูกมอมยาข่มขืน โดยสามารถใช้นิ้วที่มีเล็บถูกทาด้วยสารพิเศษ จุ่มลงในเครื่องดื่ม เพื่อสังเกตว่า ตัวเองกำลังถูกมอมยาหรือไม่ โดยหากมีการวางยาดังกล่าว สีของเล็บก็จะเปลี่ยนไป
รายงานระบุว่า สารทาเล็บพิเศษนี้ ได้รับการคลิกไลค์เป็นจำนวนมากในเฟซบุ๊คจากเหล่าสตรีเพศ โดยกลุ่มได้จัดตั้งเว็บเพจระบุว่า สารทาเล็บพิเศษนี้ เปรียบเสมือนสินค้าของบริษัทแฟชั่นแห่งแรกที่ทำเพื่อป้องกันไมให้ผู้หญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยผู้หญิงจะสามารถใช้มันได้ขณะไปงานเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานปาร์ตี้ต่าง ๆ โดยจุดประสงค์การของผลิตสารทาเล็บพิเศษนี้ เพื่อให้ผู้หญิงมีอำนาจที่จะปกป้องคุ้มครองตัวเองจากอาชญากรรมเงียบที่เลวร้าย ขณะที่กลุ่มยังได้เรียกร้องเงินบริจาคเพื่อพัฒนาและขายสารทาเล็บนี้อย่างเป็นทางการด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หน่วยงานอาหารและยาของสหรัฐรายงานว่า มีผู้หญิงสหรัฐ 1 ใน 5 เคยเผชิญประสบการณ์ถูกข่มขืนอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต นอกจากนี้ ผู้หญิง 1 ใน 3 เผยว่า พวกเธอได้ถูกข่มขืนเมื่ออยู่ในวัยเรียนมหาวิทยาลัย ขณะที่ยาข่มขืนมักถูกนำมาใช้บ่อยครั้ง และเป็นยาอันตรายที่ยากจะป้องกันเนื่องจากเป็นยาที่ไร้สีและกลิ่น โดยผู้ดื่มยานี้จะมีอาการอ่อนแรงและหมดสติ