*สุดาหญิงใบ้วัย 44 ปี นั่งอยู่หน้าบ้านเก่าๆ ดวงตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย อากาศของเดือนธันวาคมที่หนาวเย็นทำให้สุดาคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต
“คุณแม่คะเอาน้องหมาขึ้นมานั่งบนรถได้ไหมคะ” ดาราพูด
ดาราลูกสาววัย 6 ขวบนั่งอยู่บนรถสามล้อซาเล้งเก่าๆ บนรถมีถุงกระสอบใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยขวดน้ำพลาสติกอีกมากมาย
“อาๆ อาๆ” สุดาหญิงใบ้ผู้เป็นแม่อุ้มลูกสุนักขึ้นไปว่างบนรถข้างๆดาราลูกสาวอันเป็นที่รัก
ภาพอันแสนอบอุ่นระหว่างช่วงเวลานั้นยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของสุดาได้เป็นอย่างดี
*ลมหนาวพัดมาเบาๆ สุดายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ข้างๆที่สุดานั่งมีกระถางต้นไม้และมงกุฎที่ถูกประดิษฐ์จากขวดน้ำพลาสติกแลดูสวยงาม สายตาของสุดามองดูกระถางต้นไม้และมงกุฎอย่างอาลัยอาวรณ์
“แม่คะๆ” เสียงลูกสาววัย 17ปี เรียกหาแม่ดังมาแต่ไกลจากนอกบ้าน
“แม่คะหนูมีของขวัญมาฝากแม่ค่ะ” ดาราพูดพร้อมอมยิ้ม
“อาๆ อาๆ”สุดายิ้มและตื่นเต้น
“แต่แม่ต้องหลับตาก่อนนะ” จบประโยคที่ดาราพูด สุดาผู้เป็นแม่ก็รีบหลับตา
หลังจากนั้นดาราก็ค่อยๆเอากระถางต้นไม้ที่ถูกประดิษฐ์จากขวดน้ำพลาสติกที่ซ่อนอยู่ด้านหลังขึ้นมาให้แม่
“ลืมตาได้แล้วคะแม่” สุดาลืมตาขึ้นพร้อมความดีใจเมื่อได้เห็นของขวัญจากลูกสาว เธอรับกระถางต้นไม้จากลูกสาวด้วยความทะนุถนอม
*น้ำตาผู้เป็นแม่เริ่มเอ่อล้นออกจากสองเบ้าตา สายตาคู่เดิมยังคงเลื่อนลอยไร้จุดหมาย อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นจากลมฤดูหนาว สุดายังคงนั่งที่หน้าบ้านที่เดิม เธองอตัวหนาวสั่น ลมหายใจเข้า-ออก ของเธอทำให้มองเห็นไอหมอกจากบรรยากาศที่หนาวเย็นได้อย่างชัดเจน
“แม่คะ หนูมีข่าวดีมาบอก” พูดจบดาราก็วิ่งกระโดดเข้ากอดสุดาผู้เป็นแม่
“หนูสอบได้ที่หนึ่งคะแม่ นี่ๆ” ดาราพูดด้วยความดีใจพร้อมชูใบเกรดให้แม่ตัวเองดู
“ลูกสาวแม่เก่งใช่ไหมคะ เนี้ยนะหนูจะตั้งใจเรียนให้เก่งๆและจะทำให้คนอื่นๆรู้ว่าลูกคนเก็บขยะอย่างลูกแม่สุดานี้ทั้งสวยทั้งเก่ง” ดาราพูดพร้อมสายตาที่มุ่งมั่น
“อาๆ อาๆ”สุดายิ้มและลูบหัวลูกสาวด้วยความรักและเอ็นดู
ช่วงเวลาอาหารค่ำ เป็นช่วงเวลาที่สองม่ลูกจะได้อยู่ใกล้ชิดกันมากที่สุด ดารานั่งทานข้าวเงียบๆกับแม่เหมือนทุกๆวัน เธอมองดูแม่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆกางเกงมีลอยประและลอยขาดหลายจุด ดาราหันกลับมาดูตัวเองกลับมีเสื้อผ้าที่สวยและสะอาดใส่ ดาราอดสงสารแม่ตัวเองไม่ได้
“แม่คะ แม่เหนื่อยไหมคะ”ดาราก้มหน้าถามแม่ที่นั่งทานข้าวอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
“ทำไมเขาคนนั้น ถึงทิ้งแม่ไปหรอคะ”
“หรือเพราะแม่มีหนู” ดาราถามด้วยความสงสารแม่
“หนูไม่โกรธที่เขาทิ้งแม่ไป หนูไม่โกรธที่เขาเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ” ดารายังคงก้มหน้าพูดกับแม่
“แต่หนูโกธรที่เขาคนนั้นคือพ่อของหนู.....” ดาราพูดพร้อมกับวางช้อนลงที่จานอาหารตรงหน้า
“หนูรักแม่นะคะ…รักมากด้วย...” พูดจบดาราก็ลุกเดินเข้าห้องนอนไปอย่างเงียบๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นดาราแต่งตัวไปโรงเรียนเหมือนปกติ เธอดูสดใสเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เกิดขึ้น
“โฮ่งๆ” น้องหมาน้อยวิ่งกุลีกุจอวนไปวนมารอบๆตัวดารา
“น้องหมาน้อยอย่าดื้อเดี๋ยวชุดนักเรียนดาราเปื่อน” ดารากระโดดโลดเต้นหนีสุนัขตัวโปรด
“แม่คะ ขอหนูกอดหน่อย” ดาราวิ่งเข้ากอดแม่ที่กำลังวุ่นๆกับการแยกขวดพลาสติก
“แม่คะ หนูรักแม่นะคะ หนูเป็นลูกของแม่ เป็นลูกของคนเก็บขยะ หนูไม่อายใครหรอก เพราะแม่เป็นแม่ของหนู” ดาราพูดพร้อมแลบลิ้นปลิ้นตา ใส่แม่
“หนูไปเรียนละแม่” ดาราลาแม่และวิ่งออกจากบ้านไป สุดามองตามลูกด้วยรอยยิ้มเปียมล้นด้วยความสุข
สุดาหญิงใบ้คนขยะได้กำลังใจจากลูกสาวออกทำงานพร้อมรถสามล้อซาเล้งเก่าๆ คู่ใจ เหมือนทุกๆ วัน เธอต้องคุ้ยขยะตามถังขยะข้างท้องถนน ตามที่ทิ้งขยะของชุมชนเพื่อหาขวดน้ำพลาสติกหรือขยะที่พอจะขายได้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเธอคิดในใจเสมอว่าลูกสาวโตขึ้นเรียนสูงขึ้นคงต้องใช่เงินเยอะขึ้น สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้คือต้องหาขยะขวดพลาสติกให้เยอะขึ้น นั้นหมายถึงเธอจะได้เงินเยอะขึ้น หญิงใบ้ตั้งหน้าตั้งตาคุ้ยขยะจนลืมเวลา ว่าจวนจะค่ำมืดแล้ว
วันนี้กลับถึงบ้านค่ำหน่อยได้ขวดเยอะจนเต็มถุงกระสอบบนหลังรถสามล้อ และที่โชคดีคือสุดาได้เก็บตุ๊กตาเจ้าหญิงเก่าๆได้จากกองขยะได้ เธอคิดในใจว่าลูกสาวเธอต้องชอบมันแน่ๆ
ถึงบ้านวันนี้บรรยากาศเงียบผิดปกติ ไม่มีแสงไฟภายในบ้านทำให้สุดาประหลาดใจเพราะในทุกๆ วันช่วงเวลานี้ดาราจะอยู่บ้านไม่เคยหายไปไหน
สุดาเก็บรถและเดินเข้าบ้านที่มืดมิดแทบมองอะไรไม่เห็น เธอใช้ความคุ้นเคยควานหาสวิตซ์ไฟจนเจอ ทันใดที่เธอเปิดไฟขึ้นเธอก็ตกใจ!! เมื่อเห็นดารานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเงียบๆ สุดาตั้งสติและพยายามเปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านโดยเอาตุ๊กตาที่เก็บมาได้โชว์ให้ดาราดู
“อาๆ อาๆ อา” สุดาชูตุ๊กตาเจ้าหญิงเก่าๆให้ลูกสาวดู
“…………” ไม่มีคำพูดหรือท่าทีโต้งตอบจากดารา
“…………” สุดาเงียบและประหลาดใจจากพฤติกรรมที่ไม่เคยพบเห็นของลูกสาว
“แม่....คะ....”ดาราเรียกหาแม่ น้ำตาคอเบ้า
“แม่คะหนูท้องค่ะแม่” ดาราพูดพร้อมเอามือทั้งสองกุมหน้าตัวเองเพราะกลัวแม่ด่า
สุดาช็อคกับประโยคที่ลูกสาวพูด ตุ๊กตาที่อยู่ในมือตกลงพื้นไปพร้อมกับหัวใจผู้เป็นแม่ สุดาอาการสั่นไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด
“มันรู้ว่าหนูท้องและเป็นลูกของคนเก็บขยะมันก็ทิ้งหนู” ดาราพูดพร้อมร้องไห้สะอึก
ดารานั่งร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า สุดาผู้เป็นแม่ตั้งสติอีกรอบหนึ่งจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาลูกสาวและโอบกอดด้วยอาการที่สั่นคลอนทั้งคู่
วันเวลาผ่านไปสุดาหญิงผู้เป็นแม่พยายามรักษาแผลใจของลูกสาวให้ดีขึ้น สุดาทำทุกอย่างเพื่อให้ดารายิ้มและสดใสเหมือนเดิมและแน่นอนว่าสุดาต้องเหนื่อยขึ้นอีกเยอะเพราะเธอต้องมีหลานเพิ่มมาอีกคน
------------------------------------------------------------------------------------
ณ. โรงพยาบาลผู้คนวุ่นวายมากมาย สุดานั่งข้างเตียงของลูกสาว มือทั้งสองข้างที่แห้งและหยาบกระด้างกุมมือของลูกสาวไว้
“แม่คะพรุ่งนี้หนูก็จะคลอดแล้ว หนูกลัวจังแม่” ดาราพูดพร้อมจับมือสุดาผู้เป็นแม่
“แม่เหนื่อยไหมคะ แม่...?”
“ทำไมแม่ไม่ซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่บ้างคะ” ดาราพูดพร้อมร้องไห้ไปด้วย
“แม่รู้ไหมคะ ตั้งแต่หนูจำความได้ จากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตมาในมุมมองของหนูโลกใบนี้มันกว้างใหญ่มากเลยคะแม่... หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพลิกโลกทั้งใบของหนูได้” ดาราร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม
สุดาพยายามลูบแขนดาราหวังให้ลูกสาวหยุดร้องไห้
“แม่ที่เป็นคนเก็บขยะเก็บขวดน้ำ เดินไปไหนมาไหนเหมือนคนเร่รอนไปไหนก็มีแต่คนรังเกียจ วันนี้แม่ได้เปลี่ยนโลกทั้งใบของหนูให้ดีขึ้นอยู่ตลอด” ดาราร้องไห้หนักขึ้น
“หนูไม่ใช่เจ้าหญิงของแม่หรอกคะ แม่ต่างหากที่เป็นเจ้าหญิงของหนู”
“แม่รู้ไหมคะว่าแม่เป็นเจ้าหญิงที่สวยงามที่สุดในชีวิตหนู” ดารายังคงร้องไห้และจับมือแม่ไว้แน่น
ไม่นานนักดาราก็หลับไป สุดาหญิงใบ้ผู้เป็นแม่นั่งมองดูลูกสาวหลับจนสนิท ก่อนที่จะลุกเดินไปหาพยาบาลที่เคาน์เตอร์
“อาๆ อาๆ” สุดาพยายามที่จะสื่อสารกับพยาบาล
“มีอะไรให้ ฉันช่วยไหมคะ?” พยาบาลสาวยิ้มให้สุดา
สุดาหันไปเห็นกระดาษและปากกาที่เคาน์เตอร์เธอจึงหยิบมาเขียนข้อความเพื่อจะสื่อสารกับพยาบาล เธอเขียนว่า ค่าใช้จ่ายในการทำคลอดของลูกสาวฉันเท่าไหร่หรอคะ
“อ๋อ รอสักครู่นะคะ” พยาบาลสาวหันไปเช็คข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
“ทั้งหมด ห้าพันแปดร้อยห้าสิบบาทถ้วนค่ะ” พยาบาลสาวสวยยิ้มด้วยความเป็นกันเอง
สิ่งแรกที่สุดาคิดได้คือต้องหาเงินให้มากเท่าที่จะทำได้ เธอไม่รอช้ารีบกลับบ้านและออกทำงานพร้อมรถสามล้อคู่ใจของเธอ
สุดาตั้งหน้าตั้งตาเก็บขยะขวดน้ำพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลมและอื่นๆที่พอจะสามารถนำมาแลกเป็นเงินได้ และเธอก็ทำสำเร็จ เงินที่เก็บหอมรอมริบบวกกับเงินที่พึ่งขายขยะได้ครบพอกับค่าพยาบาลของลูกสาวเธอ
สุดาดีใจที่จะได้เห็นหน้าหลานจนลืมกินข้าวกินปลาและแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน รีบตรงดิ่งไปโรงพยาบาล ในมือเธอถือถุงเงินเหรียญขนาดใหญ่เป็นค่าพยาบาลที่เตรียมไว้
สุดามาถึงห้องลูกสาวที่โรงพยาบาลกลับต้องหยุดชะงักกับภาพที่ตัวเองเห็น มีหมอ สองคนและพยาบาลสามคนยืนรอเธออยู่ในห้อง ที่เตียงผู้ป่วยมีผ้าสีขาวห่มร่างที่ไร้วิญญาณของดาราอยู่ เธอเสียชีวิตจากการตกเลือดอย่างมากในการทำคลอดเพราะเธอยังอายุน้อยเกินไปที่จะเป็นแม่คน
“อาๆ อาๆ!!!!” สุดาทิ้งถุงเงินเหรียญที่เตรียมมาตกกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง ก่อนที่จะถลาเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของลูกสาวและร้องไห้ โฮ เหมือนคนเสียสติ
*อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหมาน้อยวิ่งมาเลียขาสุดาที่ยังนั่งหน้าประตูบ้าน สุดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งอึดใจ ก่อนจะลุกไปที่สามล้อซาเล้งคู่ใจ
“อาๆ อาๆ” สุดาคุยกับสุนัขตัวโปรดของลูกสาวและหันไปยิ้มให้รูปภาพของดาราที่ติดที่ผนังบ้าน ก่อนจะออกเก็บขยะตามกิจวัตรประจำวันของเธอ
......
เจ้าหญิงพลาสติก
“คุณแม่คะเอาน้องหมาขึ้นมานั่งบนรถได้ไหมคะ” ดาราพูด
ดาราลูกสาววัย 6 ขวบนั่งอยู่บนรถสามล้อซาเล้งเก่าๆ บนรถมีถุงกระสอบใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยขวดน้ำพลาสติกอีกมากมาย
“อาๆ อาๆ” สุดาหญิงใบ้ผู้เป็นแม่อุ้มลูกสุนักขึ้นไปว่างบนรถข้างๆดาราลูกสาวอันเป็นที่รัก
ภาพอันแสนอบอุ่นระหว่างช่วงเวลานั้นยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของสุดาได้เป็นอย่างดี
*ลมหนาวพัดมาเบาๆ สุดายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ข้างๆที่สุดานั่งมีกระถางต้นไม้และมงกุฎที่ถูกประดิษฐ์จากขวดน้ำพลาสติกแลดูสวยงาม สายตาของสุดามองดูกระถางต้นไม้และมงกุฎอย่างอาลัยอาวรณ์
“แม่คะๆ” เสียงลูกสาววัย 17ปี เรียกหาแม่ดังมาแต่ไกลจากนอกบ้าน
“แม่คะหนูมีของขวัญมาฝากแม่ค่ะ” ดาราพูดพร้อมอมยิ้ม
“อาๆ อาๆ”สุดายิ้มและตื่นเต้น
“แต่แม่ต้องหลับตาก่อนนะ” จบประโยคที่ดาราพูด สุดาผู้เป็นแม่ก็รีบหลับตา
หลังจากนั้นดาราก็ค่อยๆเอากระถางต้นไม้ที่ถูกประดิษฐ์จากขวดน้ำพลาสติกที่ซ่อนอยู่ด้านหลังขึ้นมาให้แม่
“ลืมตาได้แล้วคะแม่” สุดาลืมตาขึ้นพร้อมความดีใจเมื่อได้เห็นของขวัญจากลูกสาว เธอรับกระถางต้นไม้จากลูกสาวด้วยความทะนุถนอม
*น้ำตาผู้เป็นแม่เริ่มเอ่อล้นออกจากสองเบ้าตา สายตาคู่เดิมยังคงเลื่อนลอยไร้จุดหมาย อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นจากลมฤดูหนาว สุดายังคงนั่งที่หน้าบ้านที่เดิม เธองอตัวหนาวสั่น ลมหายใจเข้า-ออก ของเธอทำให้มองเห็นไอหมอกจากบรรยากาศที่หนาวเย็นได้อย่างชัดเจน
“แม่คะ หนูมีข่าวดีมาบอก” พูดจบดาราก็วิ่งกระโดดเข้ากอดสุดาผู้เป็นแม่
“หนูสอบได้ที่หนึ่งคะแม่ นี่ๆ” ดาราพูดด้วยความดีใจพร้อมชูใบเกรดให้แม่ตัวเองดู
“ลูกสาวแม่เก่งใช่ไหมคะ เนี้ยนะหนูจะตั้งใจเรียนให้เก่งๆและจะทำให้คนอื่นๆรู้ว่าลูกคนเก็บขยะอย่างลูกแม่สุดานี้ทั้งสวยทั้งเก่ง” ดาราพูดพร้อมสายตาที่มุ่งมั่น
“อาๆ อาๆ”สุดายิ้มและลูบหัวลูกสาวด้วยความรักและเอ็นดู
ช่วงเวลาอาหารค่ำ เป็นช่วงเวลาที่สองม่ลูกจะได้อยู่ใกล้ชิดกันมากที่สุด ดารานั่งทานข้าวเงียบๆกับแม่เหมือนทุกๆวัน เธอมองดูแม่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆกางเกงมีลอยประและลอยขาดหลายจุด ดาราหันกลับมาดูตัวเองกลับมีเสื้อผ้าที่สวยและสะอาดใส่ ดาราอดสงสารแม่ตัวเองไม่ได้
“แม่คะ แม่เหนื่อยไหมคะ”ดาราก้มหน้าถามแม่ที่นั่งทานข้าวอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
“ทำไมเขาคนนั้น ถึงทิ้งแม่ไปหรอคะ”
“หรือเพราะแม่มีหนู” ดาราถามด้วยความสงสารแม่
“หนูไม่โกรธที่เขาทิ้งแม่ไป หนูไม่โกรธที่เขาเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ” ดารายังคงก้มหน้าพูดกับแม่
“แต่หนูโกธรที่เขาคนนั้นคือพ่อของหนู.....” ดาราพูดพร้อมกับวางช้อนลงที่จานอาหารตรงหน้า
“หนูรักแม่นะคะ…รักมากด้วย...” พูดจบดาราก็ลุกเดินเข้าห้องนอนไปอย่างเงียบๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นดาราแต่งตัวไปโรงเรียนเหมือนปกติ เธอดูสดใสเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เกิดขึ้น
“โฮ่งๆ” น้องหมาน้อยวิ่งกุลีกุจอวนไปวนมารอบๆตัวดารา
“น้องหมาน้อยอย่าดื้อเดี๋ยวชุดนักเรียนดาราเปื่อน” ดารากระโดดโลดเต้นหนีสุนัขตัวโปรด
“แม่คะ ขอหนูกอดหน่อย” ดาราวิ่งเข้ากอดแม่ที่กำลังวุ่นๆกับการแยกขวดพลาสติก
“แม่คะ หนูรักแม่นะคะ หนูเป็นลูกของแม่ เป็นลูกของคนเก็บขยะ หนูไม่อายใครหรอก เพราะแม่เป็นแม่ของหนู” ดาราพูดพร้อมแลบลิ้นปลิ้นตา ใส่แม่
“หนูไปเรียนละแม่” ดาราลาแม่และวิ่งออกจากบ้านไป สุดามองตามลูกด้วยรอยยิ้มเปียมล้นด้วยความสุข
สุดาหญิงใบ้คนขยะได้กำลังใจจากลูกสาวออกทำงานพร้อมรถสามล้อซาเล้งเก่าๆ คู่ใจ เหมือนทุกๆ วัน เธอต้องคุ้ยขยะตามถังขยะข้างท้องถนน ตามที่ทิ้งขยะของชุมชนเพื่อหาขวดน้ำพลาสติกหรือขยะที่พอจะขายได้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเธอคิดในใจเสมอว่าลูกสาวโตขึ้นเรียนสูงขึ้นคงต้องใช่เงินเยอะขึ้น สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้คือต้องหาขยะขวดพลาสติกให้เยอะขึ้น นั้นหมายถึงเธอจะได้เงินเยอะขึ้น หญิงใบ้ตั้งหน้าตั้งตาคุ้ยขยะจนลืมเวลา ว่าจวนจะค่ำมืดแล้ว
วันนี้กลับถึงบ้านค่ำหน่อยได้ขวดเยอะจนเต็มถุงกระสอบบนหลังรถสามล้อ และที่โชคดีคือสุดาได้เก็บตุ๊กตาเจ้าหญิงเก่าๆได้จากกองขยะได้ เธอคิดในใจว่าลูกสาวเธอต้องชอบมันแน่ๆ
ถึงบ้านวันนี้บรรยากาศเงียบผิดปกติ ไม่มีแสงไฟภายในบ้านทำให้สุดาประหลาดใจเพราะในทุกๆ วันช่วงเวลานี้ดาราจะอยู่บ้านไม่เคยหายไปไหน
สุดาเก็บรถและเดินเข้าบ้านที่มืดมิดแทบมองอะไรไม่เห็น เธอใช้ความคุ้นเคยควานหาสวิตซ์ไฟจนเจอ ทันใดที่เธอเปิดไฟขึ้นเธอก็ตกใจ!! เมื่อเห็นดารานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเงียบๆ สุดาตั้งสติและพยายามเปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านโดยเอาตุ๊กตาที่เก็บมาได้โชว์ให้ดาราดู
“อาๆ อาๆ อา” สุดาชูตุ๊กตาเจ้าหญิงเก่าๆให้ลูกสาวดู
“…………” ไม่มีคำพูดหรือท่าทีโต้งตอบจากดารา
“…………” สุดาเงียบและประหลาดใจจากพฤติกรรมที่ไม่เคยพบเห็นของลูกสาว
“แม่....คะ....”ดาราเรียกหาแม่ น้ำตาคอเบ้า
“แม่คะหนูท้องค่ะแม่” ดาราพูดพร้อมเอามือทั้งสองกุมหน้าตัวเองเพราะกลัวแม่ด่า
สุดาช็อคกับประโยคที่ลูกสาวพูด ตุ๊กตาที่อยู่ในมือตกลงพื้นไปพร้อมกับหัวใจผู้เป็นแม่ สุดาอาการสั่นไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด
“มันรู้ว่าหนูท้องและเป็นลูกของคนเก็บขยะมันก็ทิ้งหนู” ดาราพูดพร้อมร้องไห้สะอึก
ดารานั่งร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า สุดาผู้เป็นแม่ตั้งสติอีกรอบหนึ่งจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาลูกสาวและโอบกอดด้วยอาการที่สั่นคลอนทั้งคู่
วันเวลาผ่านไปสุดาหญิงผู้เป็นแม่พยายามรักษาแผลใจของลูกสาวให้ดีขึ้น สุดาทำทุกอย่างเพื่อให้ดารายิ้มและสดใสเหมือนเดิมและแน่นอนว่าสุดาต้องเหนื่อยขึ้นอีกเยอะเพราะเธอต้องมีหลานเพิ่มมาอีกคน
------------------------------------------------------------------------------------
ณ. โรงพยาบาลผู้คนวุ่นวายมากมาย สุดานั่งข้างเตียงของลูกสาว มือทั้งสองข้างที่แห้งและหยาบกระด้างกุมมือของลูกสาวไว้
“แม่คะพรุ่งนี้หนูก็จะคลอดแล้ว หนูกลัวจังแม่” ดาราพูดพร้อมจับมือสุดาผู้เป็นแม่
“แม่เหนื่อยไหมคะ แม่...?”
“ทำไมแม่ไม่ซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่บ้างคะ” ดาราพูดพร้อมร้องไห้ไปด้วย
“แม่รู้ไหมคะ ตั้งแต่หนูจำความได้ จากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตมาในมุมมองของหนูโลกใบนี้มันกว้างใหญ่มากเลยคะแม่... หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพลิกโลกทั้งใบของหนูได้” ดาราร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม
สุดาพยายามลูบแขนดาราหวังให้ลูกสาวหยุดร้องไห้
“แม่ที่เป็นคนเก็บขยะเก็บขวดน้ำ เดินไปไหนมาไหนเหมือนคนเร่รอนไปไหนก็มีแต่คนรังเกียจ วันนี้แม่ได้เปลี่ยนโลกทั้งใบของหนูให้ดีขึ้นอยู่ตลอด” ดาราร้องไห้หนักขึ้น
“หนูไม่ใช่เจ้าหญิงของแม่หรอกคะ แม่ต่างหากที่เป็นเจ้าหญิงของหนู”
“แม่รู้ไหมคะว่าแม่เป็นเจ้าหญิงที่สวยงามที่สุดในชีวิตหนู” ดารายังคงร้องไห้และจับมือแม่ไว้แน่น
ไม่นานนักดาราก็หลับไป สุดาหญิงใบ้ผู้เป็นแม่นั่งมองดูลูกสาวหลับจนสนิท ก่อนที่จะลุกเดินไปหาพยาบาลที่เคาน์เตอร์
“อาๆ อาๆ” สุดาพยายามที่จะสื่อสารกับพยาบาล
“มีอะไรให้ ฉันช่วยไหมคะ?” พยาบาลสาวยิ้มให้สุดา
สุดาหันไปเห็นกระดาษและปากกาที่เคาน์เตอร์เธอจึงหยิบมาเขียนข้อความเพื่อจะสื่อสารกับพยาบาล เธอเขียนว่า ค่าใช้จ่ายในการทำคลอดของลูกสาวฉันเท่าไหร่หรอคะ
“อ๋อ รอสักครู่นะคะ” พยาบาลสาวหันไปเช็คข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
“ทั้งหมด ห้าพันแปดร้อยห้าสิบบาทถ้วนค่ะ” พยาบาลสาวสวยยิ้มด้วยความเป็นกันเอง
สิ่งแรกที่สุดาคิดได้คือต้องหาเงินให้มากเท่าที่จะทำได้ เธอไม่รอช้ารีบกลับบ้านและออกทำงานพร้อมรถสามล้อคู่ใจของเธอ
สุดาตั้งหน้าตั้งตาเก็บขยะขวดน้ำพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลมและอื่นๆที่พอจะสามารถนำมาแลกเป็นเงินได้ และเธอก็ทำสำเร็จ เงินที่เก็บหอมรอมริบบวกกับเงินที่พึ่งขายขยะได้ครบพอกับค่าพยาบาลของลูกสาวเธอ
สุดาดีใจที่จะได้เห็นหน้าหลานจนลืมกินข้าวกินปลาและแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน รีบตรงดิ่งไปโรงพยาบาล ในมือเธอถือถุงเงินเหรียญขนาดใหญ่เป็นค่าพยาบาลที่เตรียมไว้
สุดามาถึงห้องลูกสาวที่โรงพยาบาลกลับต้องหยุดชะงักกับภาพที่ตัวเองเห็น มีหมอ สองคนและพยาบาลสามคนยืนรอเธออยู่ในห้อง ที่เตียงผู้ป่วยมีผ้าสีขาวห่มร่างที่ไร้วิญญาณของดาราอยู่ เธอเสียชีวิตจากการตกเลือดอย่างมากในการทำคลอดเพราะเธอยังอายุน้อยเกินไปที่จะเป็นแม่คน
“อาๆ อาๆ!!!!” สุดาทิ้งถุงเงินเหรียญที่เตรียมมาตกกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง ก่อนที่จะถลาเข้ากอดร่างไร้วิญญาณของลูกสาวและร้องไห้ โฮ เหมือนคนเสียสติ
*อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหมาน้อยวิ่งมาเลียขาสุดาที่ยังนั่งหน้าประตูบ้าน สุดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งอึดใจ ก่อนจะลุกไปที่สามล้อซาเล้งคู่ใจ
“อาๆ อาๆ” สุดาคุยกับสุนัขตัวโปรดของลูกสาวและหันไปยิ้มให้รูปภาพของดาราที่ติดที่ผนังบ้าน ก่อนจะออกเก็บขยะตามกิจวัตรประจำวันของเธอ
......