ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้นะครับป้า
ต้องเล่าก่อนว่า ในตอนก่อนๆ ผมเล่าไปแล้วว่ามานอนศิริราชตั้งแต่อังคารที่แล้ว ที่ไม่ได้เล่าคือมานอนเพราะจะผ่ากระเพาะลดความอ้วน หมอให้หัดนิสัยการกินใหม่ วันนึงผมกินได้แค่800 แคลลอรี่ อาหารมื้อนึงมีแค่ผัก ต้มกับน้ำเปล่า กับอาหารการแพทย์ชงมาคล้ายๆนม 200 cc แค่นั้น
ซึ่งก็ได้ผลดีมาก นน ลงไป 1-1.5กกต่อวัน แต่ก็ต้องทนหิวพอสมควร (ตลอดเกือบสิบวันมานี้อาหารที่มีรสชาดที่สุดคือบรอคโคลี่ เครื่องปรุงอื่นๆลืมไปได้ หัวหอม กระเทียม ไม่มี เค็มกับหวานยิ่งไม่ต้องพูด)
ซึ่งที่ผ่านมา ผมก็ยอมรับสภาพและอดทนกับมันมาได้แม้จะทรมาน แต่ก็ต้องทนไม่งั้นก็ตาย
แต่ข้างเตียงผมเขามีญาติเป็นป้าอายุสัก60นิดๆ แกก็ดูอัธยาศัยดี บางครั้งแกก็ชวนคุย ผมก็คุยกับแกปกติ แต่พอเวลาข้าวมาแกจะชอบทักผมประมาณว่า
โอ้โห กินหมูอีกแล้วหรอ โอ้โห หมูเยอะแยะเลย แน่ะ กินหมูใหญ่เลยนะ บลาๆๆๆๆๆ
แรกๆผมก็นึกว่าแกดูผิด ก็บอกไปว่าผมไม่มีหมูครับ อาหารผมมีแต่ผัก น้ำปลายังไม่ได้แตะเลย ป้าอย่าไปพูดถึงหมูเลยได้ไหมขอร้อง
แกก็บอกว่าต้องอดทนสิ อย่าไปท้อ
ผมก็ครับๆๆๆๆ
แต่ปรากฏว่าบ้า
ไม่เลิกครับ มุกเดิมๆยังมีมาเรื่อยๆ จนมามะกี้
กำลังนอนหงุดหงิดเพราะหิวอยู่ อยู่ดีๆก็
"ไง เด๋วเย็นนี้อย่าไปกินหมูเยอะนักนะ......"
หันมาหน้าตานรกมาก ถามเสียงเครียดเลย
"ป้าครับ ผมขอแล้วไม่ใช่หรอว่าเลิกเล่นแบบนี้ซักที"
หัวเราะเจื่อนๆรีบแก้ตัว
"ก็อย่าไปยอมแพ้มันสิ ต้องสู้ๆมันนะ"
"ไม่ยอมแพ้ครับ สู้ครับ แต่ก็ไม่ต้องให้ป้ามาย้ำเตือนทุกวันครับ ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับที่ขอป้าว่าเลิกเล่นแบบนี้เถอะ
ป้านึกดูนะครับ คนเคยมีความสุขกับการกิน ต้องมาโดนจำกัดอาหาร กินได้นิดเดว แถมต้องมากินแต่ผัก แถมทต่หนักที่สุดคิอปรุงรสยังไม่ได้ หิวทั้งวัน แถมพอถึงเวลาได้กิน กลับได้กินแต่ของรสชาดแย่ๆ
แล้วหงุดหงิดแค่นั้นยังไม่พอ วันดีคืนดีผมยังต้องมาเจอป้าเล่นมุกแบบนี้อีกเนี่ย ป้าคิดว่าผมจะรู้สึกยังไงครับ แค่เห็นพวกญาติๆนั่งกินอาหารปกติผมก็ทรมานพอแล้ว ป้าไม่ต้องหวังดีมาช่วยทรมานผมอีกก็ได้มั้ง
ป้า-เงียบ.........
ก็ได้แต่หวังว่าคงเลิกไอ้มุกแบบนี้นี่ซะที
ทีสองทีพอว่า ไม่รู้ยังพอทำเนา แต่ขอแล้วห้ามแล้วไม่เลิกนี่ไม่ไหวนะ
ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้นะครับป้า
ต้องเล่าก่อนว่า ในตอนก่อนๆ ผมเล่าไปแล้วว่ามานอนศิริราชตั้งแต่อังคารที่แล้ว ที่ไม่ได้เล่าคือมานอนเพราะจะผ่ากระเพาะลดความอ้วน หมอให้หัดนิสัยการกินใหม่ วันนึงผมกินได้แค่800 แคลลอรี่ อาหารมื้อนึงมีแค่ผัก ต้มกับน้ำเปล่า กับอาหารการแพทย์ชงมาคล้ายๆนม 200 cc แค่นั้น
ซึ่งก็ได้ผลดีมาก นน ลงไป 1-1.5กกต่อวัน แต่ก็ต้องทนหิวพอสมควร (ตลอดเกือบสิบวันมานี้อาหารที่มีรสชาดที่สุดคือบรอคโคลี่ เครื่องปรุงอื่นๆลืมไปได้ หัวหอม กระเทียม ไม่มี เค็มกับหวานยิ่งไม่ต้องพูด)
ซึ่งที่ผ่านมา ผมก็ยอมรับสภาพและอดทนกับมันมาได้แม้จะทรมาน แต่ก็ต้องทนไม่งั้นก็ตาย
แต่ข้างเตียงผมเขามีญาติเป็นป้าอายุสัก60นิดๆ แกก็ดูอัธยาศัยดี บางครั้งแกก็ชวนคุย ผมก็คุยกับแกปกติ แต่พอเวลาข้าวมาแกจะชอบทักผมประมาณว่า
โอ้โห กินหมูอีกแล้วหรอ โอ้โห หมูเยอะแยะเลย แน่ะ กินหมูใหญ่เลยนะ บลาๆๆๆๆๆ
แรกๆผมก็นึกว่าแกดูผิด ก็บอกไปว่าผมไม่มีหมูครับ อาหารผมมีแต่ผัก น้ำปลายังไม่ได้แตะเลย ป้าอย่าไปพูดถึงหมูเลยได้ไหมขอร้อง
แกก็บอกว่าต้องอดทนสิ อย่าไปท้อ
ผมก็ครับๆๆๆๆ
แต่ปรากฏว่าบ้าไม่เลิกครับ มุกเดิมๆยังมีมาเรื่อยๆ จนมามะกี้
กำลังนอนหงุดหงิดเพราะหิวอยู่ อยู่ดีๆก็
"ไง เด๋วเย็นนี้อย่าไปกินหมูเยอะนักนะ......"
หันมาหน้าตานรกมาก ถามเสียงเครียดเลย
"ป้าครับ ผมขอแล้วไม่ใช่หรอว่าเลิกเล่นแบบนี้ซักที"
หัวเราะเจื่อนๆรีบแก้ตัว
"ก็อย่าไปยอมแพ้มันสิ ต้องสู้ๆมันนะ"
"ไม่ยอมแพ้ครับ สู้ครับ แต่ก็ไม่ต้องให้ป้ามาย้ำเตือนทุกวันครับ ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับที่ขอป้าว่าเลิกเล่นแบบนี้เถอะ
ป้านึกดูนะครับ คนเคยมีความสุขกับการกิน ต้องมาโดนจำกัดอาหาร กินได้นิดเดว แถมต้องมากินแต่ผัก แถมทต่หนักที่สุดคิอปรุงรสยังไม่ได้ หิวทั้งวัน แถมพอถึงเวลาได้กิน กลับได้กินแต่ของรสชาดแย่ๆ
แล้วหงุดหงิดแค่นั้นยังไม่พอ วันดีคืนดีผมยังต้องมาเจอป้าเล่นมุกแบบนี้อีกเนี่ย ป้าคิดว่าผมจะรู้สึกยังไงครับ แค่เห็นพวกญาติๆนั่งกินอาหารปกติผมก็ทรมานพอแล้ว ป้าไม่ต้องหวังดีมาช่วยทรมานผมอีกก็ได้มั้ง
ป้า-เงียบ.........
ก็ได้แต่หวังว่าคงเลิกไอ้มุกแบบนี้นี่ซะที
ทีสองทีพอว่า ไม่รู้ยังพอทำเนา แต่ขอแล้วห้ามแล้วไม่เลิกนี่ไม่ไหวนะ