เรื่องสั้น : ร้านเดิม

“พรุ่งนี้ก็ตายแล้ว” เจ้าของประโยคนี้คือน้าหนุ่ย หนุ่มสะตอเมืองคนดี คนที่ผมขับรถมาหาคืนนี้
น้าหนุ่ยเป็นเจ้าของผับเพื่อชีวิต ที่ลูกค้าเก่าใหม่ไม่จืดจางห่างหาย ขุนพลเพลงเพื่อชีวิตทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่
แวะเวียนมาทำการแสดงไม่ได้ขาด แกยังคงเป็นน้าเป็นลุงเป็นเพื่อนของสุราชนทั้งคนคุ้นเคยและแปลกหน้าเสมอมา
“กับแกล้มไม่ต้องมากรายการ” “อยากกินของยากของอร่อยก็ไล่มันไปกินร้านอาหาร”
“เหล้าถูกหรือแพงแล้วแต่รสนิยม แต่มิกซ์เซ่อร์ราคาเดียว” “ลดได้แต่อย่าขายเงินเชื่อ”
“พรุ่งนี้กูก็ตายห่าแล้ว อย่าเป็นหนี้กูเลย” คำพวกนี้แกบอกผมเมื่อคราวมาขอวิชาแกไปลงทุนเปิดผับเพลงแด๊นซ์ที่บ้านเกิด
ยามนี้เข้ามาปีที่สองแล้วเลยหาโอกาสมาดื่มคารวะ ร้านดูคึกคักกว่าเก่า “ไง เบิ้ม ร้านเจ๊งแล้วค่อยมายังทันนะเอ็ง”
ผมยกมือไหว้ น้าหนุ่ยไม่เคยเปลี่ยน ผมไปนั่งโต๊ะประจำ ดื่มไปคุยไป อดีตเด็กชงเหล้าประจำโต๊ะขาใหญ่อย่างผมถามถึงสี่จตุรเทพ
อย่างเฮียจืด กู๋ใช้ ลุงบรรจบนักเขียนใหญ่และสารวัตรเตี้ย “ไอ้เตี้ยถูกเด้งไปอีสานรอดตัวไป
นอกนั้นหนีน้าไปดื่มชาเขียวกันบนสวรรค์หมดแล้ว นั่นไงโต๊ะพวกมัน” ผมยังตกใจไม่หาย แกก็ชี้ให้ผมดูโต๊ะที่มีป้ายเหล็กเล็กๆ
สลักชื่อเพื่อนไปติดไว้ข้างๆ “เบิ้ม ....เอาติดโต๊ะนีสักแผ้นม้าย” แกแหลงใต้โต้งๆ เสียงลั่นกลบเสียงดนตรีในร้าน
เหล้าราวครึ่งแก้วแทบจะย้อนพุ่งออกจากลำคอผมกับตลกร้ายของแก “ผมไม่รีบ” ผมยังแสบคอเพราะรสขม
แกยิ้มแป้นกับคำตอบของผมก่อนบอกว่า “กูรู้ แต่กูรีบ พรุ่งนี้กูก็จะตายห่าล่ะ” แกว่างั้นแล้วมิตรต่างวัยก็ได้หัวเราะลั่นร่วมกัน

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่