มีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้จากบริษัทวิริยะประกันภัยบ้างคะ หรือว่าดวงเราซวยเอง?
ขอบ่นและแชร์เรื่องการเคลมประกันเมื่อรถจักรยานถูกชนหน่อยนะคะ เผื่อวันหลังมีเพื่อนคนไหนเจอบ้างอาจเป็นประโยชน์ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า รถจักรยานของเราถูกชน ณ หัวหิน เจ้าของรถที่ชนใช้ประกันชั้น 1 ของวิริยะประกันภัย
หลังจากแจ้งเหตุแล้วเกือบชั่วโมงเจ้าหน้าที่จากศูนย์จึงเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ตัวเราเจ็บ ตัวคนชนซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นก็ตกใจ
เจ้าหน้าที่มาถึงก็ถ่ายรูปรถเพื่อบันทึกความเสียหายไว้ และก็ออกใบเคลมให้กลับมาทำเรื่องต่อที่ กทม
สาเหตุที่เราเลือกกลับมาทำเรื่องที่ กทม เพราะ
1. ถ้าทำเรื่องที่หัวหิน เราก็ต้องไปๆมาๆ หัวหินเพื่อยื่นเอกสาร เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ศูนย์วิริยะใกล้บ้านก็มี ทำเรื่องที่ กทม น่าจะสะดวกกว่า
2. รถเราซื้อจากที่ร้านที่ไว้ใจ เราก็อยากจะให้ช่างที่ดูแลเป็นคนซ่อมให้
3. ร้านจักรยานที่หัวหินมี แต่อะไหล่ต่างๆไม่แน่ใจว่าจะเยอะเท่าร้านที่ กทม ถ้าซ่อมที่หัวหินอาจจะต้องกลับไปกลับมาอีกหลายรอบกว่าจะเรียบร้อย
เราจึงตัดสินใจกลับมาทำเรื่องที่ศูนย์ กทม
หลังจากโทรเช็คไปมากับศูนย์วิริยะหลายรอบเรื่อง process การเคลม
เช้านี้ก็ได้เวลาไปทำเรื่องที่ศูนย์รามอินทรา เจ้าหน้าที่ในศูนย์ดูแลเราดี แต่คนที่จะรับเรื่องเคลมยังไม่มาทำงาน (คือลุงมาสายคะ)
เราก็นั่งรอ ไม่เป็นไร แต่พอเจ้าหน้าที่รับเคลมมาถึง เค้าถามว่าจะเคลมซ่อมอะไร เราก็แจ้งไปว่ารถจักรยานคะ ถูกลูกค้าคุณชน
เจ้าหน้าที่ถามราคาว่าค่าซ่อมประมาณเท่าไหร่ เราก็ชี้แจงไปว่า 2 หมื่นค่ะ เท่านั้นละ เจ้าหน้าที่คนนี้หัวเราะเสียงดังลั่นสำนักงาน แล้วหันไปพูดกับคนอื่นๆว่า "จักรยานอะไรมันจะซ่อมเป็นหมื่น ศูนย์ที่ไหนมันตีราคาให้คุณเหรอ รู้เรื่องมั้ยเนี่ย ไปตกลงราคาอะไรมา เรื่องเกิดที่เพชรบุรีแล้วมาทำเรื่องที่นี่ ตีราคามั่วมารึเปล่า ส่วนอะไรที่ซ่อมไปแล้วผมไม่รับรู้นะ เพราะเราไม่ได้ตกลงราคากันก่อน"
ณ จุดนี้ถึงกับปรี๊ดแตกไปแล้ว...คือ
1. มารยาทในการพูดกับลูกค้าเป็นแบบนี้เหรอ
2. คุณเห็นแล้วเหรอว่าจักรยานที่ชนเป็นจักรยานแบบไหน ก่อนที่จะพูดจาดูถูก
3. แล้วศูนย์เพชรบุรี กับ รามอินทรา ใช่ศูนย์ของวิริยะมั้ย? หรือเป็นคนละบริษัทกัน?
4. จักรยานต้องใช้แข่ง จะไม่ให้ซ่อมรอทำเรื่องก่อนงั้นเหรอ? แล้วค่าเสียโอกาสจะให้ตีราคาเป็นเท่าไหร่ คุณจะจ่ายให้มั้ย?
5. ได้มีการเชคกับเจ้าหน้าที่วิริยะแล้วว่าจะต้องซ่อมบางส่วนก่อน ซึ่งเค้าก็บอกว่าทำได้แล้วค่อยมาดูราคากันอีกทีว่าจะเคลมได้หมดมั้ย เราไม่ได้ทำไปโดยไม่คิดนะ จึงซ่อมในสิ่งที่จำเป็นไปก่อน
คนถูกชน เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจเพราะรถดีๆต้องมามีตำหนิ นอกจากจะไม่ดูแลคู่กรณีแล้วยังมาดูถูกกันอีก มันใช่วิสัยใช่จริตที่พึงกระทำมั้ย?
สุดท้ายเรื่องจึงไปจบที่ร้านจักรยาน เจ้าหน้าที่ไม่ยอมดูรถจักรยานที่อุตสาห์ขนใส่รถมา ทั้งๆที่บอกให้เอามา
ใบเสนอราคาที่ร้านส่งมาให้ทางอีเมลก็ไม่ยอมดู แต่กลับให้เราเอารถไปทิ้งไว้ที่ร้านจักรยานแล้วจะส่งคนไปดูที่ร้านและต่อรองราคากับช่างที่ร้านเอง
พอถามว่าแล้วเจ้าหน้าที่จะไปกี่โมงจะได้เข้าไปเจอ ก็บอกไม่รู้ อาจจะเป็นบ่ายๆ ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจะจ่ายตามจริงที่ต้องซ่อมมั้ย
รู้สึกได้ถึงความไม่ professional และบริการที่แย่มากจากวิริยะประกันภัย
ถ้าเป็นแบบนี้ปีหน้าก็ขอไม่ซื้อประกันจากที่นี่อีกเลย...
บริษัทประกันที่ดีควรจะดูแลดีทั้งลูกค้าตัวเองและคู่กรณี ไม่ใช่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวแบบนี้
ฝากถึงคนปั่นจักรยานเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็คงต้องระวังเรื่องทำเคลมกันให้ดีๆ เพราะอาจเจอเจ้าหน้าที่ที่ไม่รับผิดชอบแบบนี้ได้นะคะ
สู้กันต่อไปนะคนที่รักการปั่นอย่างเรา
มีใครเคยเจอแบบนี้บ้างคะ? โดนรถยนต์ชนไม่เจ็บเท่าคำพูดร้ายๆจากบริษัทประกันชื่อดัง"วิริยะประกันภัย"ศุนย์รามอินทรา
ขอบ่นและแชร์เรื่องการเคลมประกันเมื่อรถจักรยานถูกชนหน่อยนะคะ เผื่อวันหลังมีเพื่อนคนไหนเจอบ้างอาจเป็นประโยชน์ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า รถจักรยานของเราถูกชน ณ หัวหิน เจ้าของรถที่ชนใช้ประกันชั้น 1 ของวิริยะประกันภัย
หลังจากแจ้งเหตุแล้วเกือบชั่วโมงเจ้าหน้าที่จากศูนย์จึงเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ตัวเราเจ็บ ตัวคนชนซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นก็ตกใจ
เจ้าหน้าที่มาถึงก็ถ่ายรูปรถเพื่อบันทึกความเสียหายไว้ และก็ออกใบเคลมให้กลับมาทำเรื่องต่อที่ กทม
สาเหตุที่เราเลือกกลับมาทำเรื่องที่ กทม เพราะ
1. ถ้าทำเรื่องที่หัวหิน เราก็ต้องไปๆมาๆ หัวหินเพื่อยื่นเอกสาร เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ศูนย์วิริยะใกล้บ้านก็มี ทำเรื่องที่ กทม น่าจะสะดวกกว่า
2. รถเราซื้อจากที่ร้านที่ไว้ใจ เราก็อยากจะให้ช่างที่ดูแลเป็นคนซ่อมให้
3. ร้านจักรยานที่หัวหินมี แต่อะไหล่ต่างๆไม่แน่ใจว่าจะเยอะเท่าร้านที่ กทม ถ้าซ่อมที่หัวหินอาจจะต้องกลับไปกลับมาอีกหลายรอบกว่าจะเรียบร้อย
เราจึงตัดสินใจกลับมาทำเรื่องที่ศูนย์ กทม
หลังจากโทรเช็คไปมากับศูนย์วิริยะหลายรอบเรื่อง process การเคลม
เช้านี้ก็ได้เวลาไปทำเรื่องที่ศูนย์รามอินทรา เจ้าหน้าที่ในศูนย์ดูแลเราดี แต่คนที่จะรับเรื่องเคลมยังไม่มาทำงาน (คือลุงมาสายคะ)
เราก็นั่งรอ ไม่เป็นไร แต่พอเจ้าหน้าที่รับเคลมมาถึง เค้าถามว่าจะเคลมซ่อมอะไร เราก็แจ้งไปว่ารถจักรยานคะ ถูกลูกค้าคุณชน
เจ้าหน้าที่ถามราคาว่าค่าซ่อมประมาณเท่าไหร่ เราก็ชี้แจงไปว่า 2 หมื่นค่ะ เท่านั้นละ เจ้าหน้าที่คนนี้หัวเราะเสียงดังลั่นสำนักงาน แล้วหันไปพูดกับคนอื่นๆว่า "จักรยานอะไรมันจะซ่อมเป็นหมื่น ศูนย์ที่ไหนมันตีราคาให้คุณเหรอ รู้เรื่องมั้ยเนี่ย ไปตกลงราคาอะไรมา เรื่องเกิดที่เพชรบุรีแล้วมาทำเรื่องที่นี่ ตีราคามั่วมารึเปล่า ส่วนอะไรที่ซ่อมไปแล้วผมไม่รับรู้นะ เพราะเราไม่ได้ตกลงราคากันก่อน"
ณ จุดนี้ถึงกับปรี๊ดแตกไปแล้ว...คือ
1. มารยาทในการพูดกับลูกค้าเป็นแบบนี้เหรอ
2. คุณเห็นแล้วเหรอว่าจักรยานที่ชนเป็นจักรยานแบบไหน ก่อนที่จะพูดจาดูถูก
3. แล้วศูนย์เพชรบุรี กับ รามอินทรา ใช่ศูนย์ของวิริยะมั้ย? หรือเป็นคนละบริษัทกัน?
4. จักรยานต้องใช้แข่ง จะไม่ให้ซ่อมรอทำเรื่องก่อนงั้นเหรอ? แล้วค่าเสียโอกาสจะให้ตีราคาเป็นเท่าไหร่ คุณจะจ่ายให้มั้ย?
5. ได้มีการเชคกับเจ้าหน้าที่วิริยะแล้วว่าจะต้องซ่อมบางส่วนก่อน ซึ่งเค้าก็บอกว่าทำได้แล้วค่อยมาดูราคากันอีกทีว่าจะเคลมได้หมดมั้ย เราไม่ได้ทำไปโดยไม่คิดนะ จึงซ่อมในสิ่งที่จำเป็นไปก่อน
คนถูกชน เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจเพราะรถดีๆต้องมามีตำหนิ นอกจากจะไม่ดูแลคู่กรณีแล้วยังมาดูถูกกันอีก มันใช่วิสัยใช่จริตที่พึงกระทำมั้ย?
สุดท้ายเรื่องจึงไปจบที่ร้านจักรยาน เจ้าหน้าที่ไม่ยอมดูรถจักรยานที่อุตสาห์ขนใส่รถมา ทั้งๆที่บอกให้เอามา
ใบเสนอราคาที่ร้านส่งมาให้ทางอีเมลก็ไม่ยอมดู แต่กลับให้เราเอารถไปทิ้งไว้ที่ร้านจักรยานแล้วจะส่งคนไปดูที่ร้านและต่อรองราคากับช่างที่ร้านเอง
พอถามว่าแล้วเจ้าหน้าที่จะไปกี่โมงจะได้เข้าไปเจอ ก็บอกไม่รู้ อาจจะเป็นบ่ายๆ ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจะจ่ายตามจริงที่ต้องซ่อมมั้ย
รู้สึกได้ถึงความไม่ professional และบริการที่แย่มากจากวิริยะประกันภัย
ถ้าเป็นแบบนี้ปีหน้าก็ขอไม่ซื้อประกันจากที่นี่อีกเลย...
บริษัทประกันที่ดีควรจะดูแลดีทั้งลูกค้าตัวเองและคู่กรณี ไม่ใช่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวแบบนี้
ฝากถึงคนปั่นจักรยานเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็คงต้องระวังเรื่องทำเคลมกันให้ดีๆ เพราะอาจเจอเจ้าหน้าที่ที่ไม่รับผิดชอบแบบนี้ได้นะคะ
สู้กันต่อไปนะคนที่รักการปั่นอย่างเรา