เราตั้งใจมาบ่นนะ อยากรู้ว่า ชีวิตในมหาวิทยาลัยของแต่ละคนเป็นยังไง
เราเป็นคนที่ไม่ชอบกิจกรรมเลย
โดนด่านี่ เจอประจำตั้งแต่อยู่ม.ปลาย ทุกงานเรากับเพื่อนในกลุ่มจะโดนว่าเรื่องช่วยงานประจำ ด้วยความที่ไม่ชอบกิจกรรมอยู่แล้วมันก็เลยทำให้เราไปช่วยทำงานน้อย
ตอน ม.ปลาย งานมันก็ไม่เยอะมาก งานกีฬาสีบ้าง งานของเมเจอร์ตัวเองบ้าง เรายอมรับเราช่วยน้อยจริงๆ เป็นคนผิด
แต่เราที่ไปทุกครั้งเราเต็มที่กับงาน เพื่อนบางคนที่ไม่ค่อยทำอะไรที่เป็นงานเป็นการเลย นั่งเล่นไพ่บ้าง ตีแบตบ้าง เตะบอลบ้าง คือเล่นอะ แล้วที่เล่นๆนี่มาทุกวัน เพื่อนๆเห็นหน้าบ่อย ช่วยงานไม่บ่อย แต่ก็เป็นคนเริ่มเรื่องด่าลอยๆ ซึ่งเราก็อาจจะดิ้นไปเอง
หรือว่าไม่แน่ก็อาจจะเป็นกลุ่มเราจริงๆ โดนบ่อยโดนทุกงาน โดนตบท้ายก่อนจะเรียนปี1 ทำให้มองหน้ากับเพื่อนไม่ติดอีกเลย
ช่วงนั้นคือสงครามสเตตัสลอยๆมาก
เรากล้าพูดเลย เรากับเพื่อนเราไม่ได้เป็นคนเริ่ม
เออ พอจบเราก็ออกมาเรื่องก็จบแบบค้างๆนั่นแหละ
เข้าปี1 มหาวิทยาลัยเรา เป็นของรัฐไม่ดัง ที่เข้าเพราะรู้สึกถูกชะตากับสถานที่มาก ไปเยี่ยมครั้งเดียวติดอกติดใจมากจะเข้าให้ได้
ชีวิตปี1ที่เราคิดว่าคงจะไม่มีอะไรมาก ผิดคาดจ้า กิจกรรมเยอะเป็นสองเท่า เรียนไม่เคยเครียดขนาดนี้ 55 ตอนปี1งานมันก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่
เพราะมีพี่ปี2เป็นคนดำเนินงานให้ เข้าไปมีตั้งแต่ รับน้องคณะ รับน้องสาขาแขวนป้ายชื่อฉายาตลก
ล่าลายเซนต์พี่ มีตั้งแต่วิ่งเด้งเป้ารอบสนาม ยันแห่ขันหมากขอรุ่นพี่แต่งงาน แต่งตลกตั้งเป็นดิสเพลยแท็กเฟสพี่เพราะลืมรายงานตัว โทรไปหาพี่สายรหัสที่จบไปแล้วย้อนขึ้นไป10กว่าคน บลาๆ ช่วงนั้นกลับบ้านเย็นบ่อย
ด้วยความที่ไม่ชอบกิจกรรม รถเมล์กลับบ้านนานจะมาคันเบียดทุกคัน รถติด การบ้านอีก โอ้ยย เบื่อสุดๆ แล้วยังมีรับน้องสาขาที่ต่างจังหวัดอีก เราขอไม่ไป รุ่นพี่เรียกเย็นทุกวัน บางวันเลิกเที่ยงนัด4โมง บางวันนัดกลางวันต้องเรียนบ่ายนั่งบ่นนั่งด่ากันไปเป็นครึ่งชั่วโมง
เหลือครึ่งชั่วโมงเดินไปเรียนก็10นาทีละ ข้าวก็ไม่ต้องกิน แต่ยังดีเพราะไม่ได้นัดเวลาพักบ่อย
จนมันมีเรื่องเลิกเที่ยงนัดเย็น ก็ต้องมานั่งเคลียร์เรื่อง เวลาไม่ตรงกัน
บ่อยๆที่เราไม่ไปตามนัด เพราะเบื่อ นั่งบ่นเรื่องเดิมๆ เรื่องผิดระเบียบ อยู่เย็นไม่ได้ บลาๆ จนช่วงนั้นเครียด ตั้งสเตตัส อยู่เย็นได้นั้นคือที่รัก อยู่เย็นไม่ได้มักเป็นที่ชัง เป็นเรื่องเป็นราว
รุ่นพี่มาเม้นต์ พี่รหัสมาถามทำไมเขียนงั้นคิดงี้ สรุปเหมือนโดนรุม เครียด เบื่อ
พี่นัดคุยเย็นเรื่องนี้อีก เราตัดสินใจหนีปัญหา หยุดเรียนแม่ม ใครจะอยากฟังบ่น ช่วงนั้นคือไม่อยากคุย อารมณ์ตายซาก ให้เวลารักษาแผลใจ แล้วเรื่องก็ถูกลืมไปเอง งานดาวเดือนคณะไม่เอาไม่ไป แล้วงานกีฬาสีก็มาลงแสตนด์เชียร์จ้า ตอนแรกก็จะไม่เอา เกรงใจพี่รหัส ไปก็ได้ ซ้อมแทบเป็นแทบตาย ได้เป็นตัวสำรองเพราะความไม่แม่นแล้วก็หลุดจากการเป็นตัวสำรอง เพราะความโคตรไม่แม่น
เข้าใจเพื่อนที่ลงอยู่เย็นทุกวันเพื่อสาขาแล้วเราจะหนีกลับได้ไง มันก็เป็นความผิดเราที่เห็นแก่ตัวด้วย งานกีฬาสีผ่านไป กิจกรรมอื่นก็ไม่ค่อยมีแล้ว จะมีเล็กๆน้อยๆช่วยได้ก็ยังไม่ค่อยช่วย เป็นไงล่ะใครผิด เราเองเว้ยเราผิด ปี1ส่วนมากแรงกดดันมาจากรุ่นพี่
เพื่อนที่จะไม่เอาสายรหัสไม่เอากิจกรรมก็มี จะออกสายไม่เอากิจกรรมจ่ายเงินอย่างเดียว ก็โดนรั้งไม่ต้องออกสายรหัส เราเห็นอยากออกบ้างดูทรงแล้วคงไม่ได้ออก เลยไม่ได้คุยกับรุ่นพี่เรื่องออกสาย
บวกกับคิดว่าจะจบปี1แล้วงานก็คงไม่เยอะแล้ว
ผิดคาดอีกทีจ้า แต่ปี1นี่เก็บเงินห้องเยอะมาจากค่าเรียนที่ว่าถูกแล้วเจอค่าห้องเข้าไปเงิบ ปี2ปุ๊บงานแม่มมาตั้งแต่กุปิดอาทิตย์แรกเลย เรื่องดูแลน้องที่จะเข้ามาเรียนที่สาขา เราไม่ไปอีกอะ ผิดที่เราอีก รู้ไหมว่าการปฎิเสธเพื่อนแต่ละครั้งมันลำบากใจเรามาก ด้วยความที่รักสันโดษไม่ชอบโดนด่าและไม่อยากด่าใครไม่ชอบมีเรื่องและเกลียดกิจกรรมมาก แต่เฮ้อ จะมีช่วงนึงที่เราทำงาน แล้วงานทางมหาวิทยาลัยยังไม่มีเราก็ทำงานพิเศษ
จนมันถึงเดือนงานกีฬาสีงอก ปีนี้มันเลื่อนมันก่อนเปิดเทอม เพื่อนๆขอความร่วมมืออันนี้เราไปนะแต่ก็ไม่บ่อยเหมือนเดิม ระบุวันที่ชัดเจนว่าวันไหนไปไม่ได้ มิวายยังโดนด่าค่ะ ด่าลอยๆที่เกลียดเหมือนเดิมค่ะ เฉยอีกค่ะ เพราะผิดที่ช่วยน้อยค่ะ เพื่อนบางคนมันก็พูด งานก็ลาออกก่อนมาช่วยเพื่อนก่อนเถอะ เราว่าเป็นประโยคที่ไม่น่ารักเลย เราจำได้เพราะอึ้งที่นางพูดออกมามาก ที่บ้านมีกินมีใช้ค่ะออกได้
แต่นึกถึงคนที่มันต้องขอทุนเรียน แล้วทำงานเลี้ยงตัวเองเดะ คิดว่าพูดถูกละเหรอ เราไปช่วยเรื่อยๆแต่ไม่บ่อยมาก ปี2ไม่มีปัญหาเพื่อนมัวแต่เล่น จะมีปัญหาตรงแค่ว่าเพื่อนมาช่วยน้อย
งานยังไม่เสร็จ บวกกับคนดำเนินงาน ระบุหน้าที่ไม่ชัดเจน ดำเนินงานอย่างคนเรื่องเยอะไม่ดีไม่สวยทำใหม่ แล้วเพราะระบุงานทั้งหมดไม่ชัดเจน เวลาเพื่อนขอความเห็นเราก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ความเห็นเลยไม่ได้ถูกแสดงไป จนบางทีเรื่องง่ายๆ
เราไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาต้องทำให้มันวุ่นวาย แต่จอรจ์มันสายไปที่ฉันจะบอก เราเลยไม่มีสิทธิ์พูดว่าทำไมไม่ทำอย่างงั้นอย่างงี้ เพราะเขาเปิดโอกาสให้เสนอความคิดเห็นแล้ว เงียบและทำต่อไปซะแก
และเมื่อแบ่งงานไปทำตามหน้าที่ของทุกคนเสร็จ บอกเลยเราก็มีไปช่วยกลุ่มอื่นที่ยังไม่เสร็จนะ จนบางทีเราถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ผู้ดำเนินงานเค้าพูดเสมอว่าไม่มีแล้วนะ เราเลยกลับบ้าน จนวันกีฬาสีใกล้เริ่ม
งานเสร็จไม่ทันก็เกิดดราม่า ทำไมไม่มาช่วย กลุ่มอื่นบอกว่าง่านกลุ่มตัวเองเสร็จแล้ว ผู้ดำเนินงานเขาบอกว่า งานตัวเองเสร็จแล้วก็ไม่ต้องมาช่วยคนอื่นหรือไง เพื่อนกลุ่มอื่นเลยบอกว่าก็ใช่ ไม่งั้นจะแบ่งกลุ่มทำงานกันไปเพื่ออะไร อันนี้เราเห็นด้วยตามประสาคนเกลียดกิจกรรม แล้วก็เป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต พี่นัดอีก ถามมีเรื่องอะไร เราอุตส่าห์เฉยๆ ยังโดนด่าเรื่องทำงานเลยจ้า หาว่าช่วยน้อย
ไรวะทีชั้นถามแก่บอกงานไม่มีแล้ว แล้วจะมากล่าวหาชั้น เอ้อลืม ก่อนงานกีฬาสีจะมีงานจับสายรหัส ได้น้องคนละ2คนเพราะปีนี้เด็กสมัครได้สาขานี้ที่นี่เพิ่มขึ่นเป็นหนึ่งเท่าตัวรุ่นพี่ เราก็ต้องเทคน้องด้วยเงินที่กำลังช๊อตในกระเป๋า เป็นไงล่ะเทคน้องไม่ดีเพื่อนด่าอีกจ่ะ เกลียดสุดก็ด่าลอยๆนี่แหละ จบงานกีฬาสี ยังมีงานค่าย งานนี้เรารับรองว่าช่วยเยอะกว่างานอื่นเยอะ แล้วงานนี้ถ้าไม่มีรุ่นพี่ช่วยบอกเลยพัง
จบมาแบบทุลักทุเลมาก เหลืองานให้ลายเซนต์น้องที่กำลังโดนด่าอยู่ว่าไม่เข้าตึกสาขาน้องไม่ได้ลายเซนต์
แล้วทำไมอะ ลายเซนต์มันวัดอะไรได้ อยากได้เฟสมันแอดต่อๆมาก็ได้ปะวะ
เราช่วยเรื่องการเรียนน้องได้นะ จนทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าน้แงต้องการพี่เพร่ะขนมหรือสายสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องกันแน่ ไม่รู้โดนด่ากันไปกี่เรื่องละ
เราอยู่คณะบริหารนะ ไม่รู้ว่าคณะบริหารของมหาวิทยาลัยที่อื่นจะเป็นแบบเราหนักกว่าเราหรือยังไง บางทีมันก็เกี่ยวด้วยที่เพื่อนชอบเน้นความอลังขอผลงาน จนบางทีเราคิดว่ามันเกือบพังเพราะความเยอะนะ แต่เราคิดว่ากิจกรรมของเราที่ทำกันมันเยอะจนเกินไปนี่ มันวัดได้เหรอว่าจบออกไปแล้วจะมีงานทำ และถ้ามันเยอะหนักทำไมต้องทำให้เรื่องมาก มันเป็นความผิดเรา มาบ่นความชั่วของตัวเอง เบื่อ เรียบเรียงคำไม่สวยเพราะตอนพิมพ์โมโหมากกกก
ชีวิตกิจกรรมวุ่นวาย ในรั้วมหาวิทยาลัย
เราเป็นคนที่ไม่ชอบกิจกรรมเลย
โดนด่านี่ เจอประจำตั้งแต่อยู่ม.ปลาย ทุกงานเรากับเพื่อนในกลุ่มจะโดนว่าเรื่องช่วยงานประจำ ด้วยความที่ไม่ชอบกิจกรรมอยู่แล้วมันก็เลยทำให้เราไปช่วยทำงานน้อย
ตอน ม.ปลาย งานมันก็ไม่เยอะมาก งานกีฬาสีบ้าง งานของเมเจอร์ตัวเองบ้าง เรายอมรับเราช่วยน้อยจริงๆ เป็นคนผิด
แต่เราที่ไปทุกครั้งเราเต็มที่กับงาน เพื่อนบางคนที่ไม่ค่อยทำอะไรที่เป็นงานเป็นการเลย นั่งเล่นไพ่บ้าง ตีแบตบ้าง เตะบอลบ้าง คือเล่นอะ แล้วที่เล่นๆนี่มาทุกวัน เพื่อนๆเห็นหน้าบ่อย ช่วยงานไม่บ่อย แต่ก็เป็นคนเริ่มเรื่องด่าลอยๆ ซึ่งเราก็อาจจะดิ้นไปเอง
หรือว่าไม่แน่ก็อาจจะเป็นกลุ่มเราจริงๆ โดนบ่อยโดนทุกงาน โดนตบท้ายก่อนจะเรียนปี1 ทำให้มองหน้ากับเพื่อนไม่ติดอีกเลย
ช่วงนั้นคือสงครามสเตตัสลอยๆมาก
เรากล้าพูดเลย เรากับเพื่อนเราไม่ได้เป็นคนเริ่ม
เออ พอจบเราก็ออกมาเรื่องก็จบแบบค้างๆนั่นแหละ
เข้าปี1 มหาวิทยาลัยเรา เป็นของรัฐไม่ดัง ที่เข้าเพราะรู้สึกถูกชะตากับสถานที่มาก ไปเยี่ยมครั้งเดียวติดอกติดใจมากจะเข้าให้ได้
ชีวิตปี1ที่เราคิดว่าคงจะไม่มีอะไรมาก ผิดคาดจ้า กิจกรรมเยอะเป็นสองเท่า เรียนไม่เคยเครียดขนาดนี้ 55 ตอนปี1งานมันก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่
เพราะมีพี่ปี2เป็นคนดำเนินงานให้ เข้าไปมีตั้งแต่ รับน้องคณะ รับน้องสาขาแขวนป้ายชื่อฉายาตลก
ล่าลายเซนต์พี่ มีตั้งแต่วิ่งเด้งเป้ารอบสนาม ยันแห่ขันหมากขอรุ่นพี่แต่งงาน แต่งตลกตั้งเป็นดิสเพลยแท็กเฟสพี่เพราะลืมรายงานตัว โทรไปหาพี่สายรหัสที่จบไปแล้วย้อนขึ้นไป10กว่าคน บลาๆ ช่วงนั้นกลับบ้านเย็นบ่อย
ด้วยความที่ไม่ชอบกิจกรรม รถเมล์กลับบ้านนานจะมาคันเบียดทุกคัน รถติด การบ้านอีก โอ้ยย เบื่อสุดๆ แล้วยังมีรับน้องสาขาที่ต่างจังหวัดอีก เราขอไม่ไป รุ่นพี่เรียกเย็นทุกวัน บางวันเลิกเที่ยงนัด4โมง บางวันนัดกลางวันต้องเรียนบ่ายนั่งบ่นนั่งด่ากันไปเป็นครึ่งชั่วโมง
เหลือครึ่งชั่วโมงเดินไปเรียนก็10นาทีละ ข้าวก็ไม่ต้องกิน แต่ยังดีเพราะไม่ได้นัดเวลาพักบ่อย
จนมันมีเรื่องเลิกเที่ยงนัดเย็น ก็ต้องมานั่งเคลียร์เรื่อง เวลาไม่ตรงกัน
บ่อยๆที่เราไม่ไปตามนัด เพราะเบื่อ นั่งบ่นเรื่องเดิมๆ เรื่องผิดระเบียบ อยู่เย็นไม่ได้ บลาๆ จนช่วงนั้นเครียด ตั้งสเตตัส อยู่เย็นได้นั้นคือที่รัก อยู่เย็นไม่ได้มักเป็นที่ชัง เป็นเรื่องเป็นราว
รุ่นพี่มาเม้นต์ พี่รหัสมาถามทำไมเขียนงั้นคิดงี้ สรุปเหมือนโดนรุม เครียด เบื่อ
พี่นัดคุยเย็นเรื่องนี้อีก เราตัดสินใจหนีปัญหา หยุดเรียนแม่ม ใครจะอยากฟังบ่น ช่วงนั้นคือไม่อยากคุย อารมณ์ตายซาก ให้เวลารักษาแผลใจ แล้วเรื่องก็ถูกลืมไปเอง งานดาวเดือนคณะไม่เอาไม่ไป แล้วงานกีฬาสีก็มาลงแสตนด์เชียร์จ้า ตอนแรกก็จะไม่เอา เกรงใจพี่รหัส ไปก็ได้ ซ้อมแทบเป็นแทบตาย ได้เป็นตัวสำรองเพราะความไม่แม่นแล้วก็หลุดจากการเป็นตัวสำรอง เพราะความโคตรไม่แม่น
เข้าใจเพื่อนที่ลงอยู่เย็นทุกวันเพื่อสาขาแล้วเราจะหนีกลับได้ไง มันก็เป็นความผิดเราที่เห็นแก่ตัวด้วย งานกีฬาสีผ่านไป กิจกรรมอื่นก็ไม่ค่อยมีแล้ว จะมีเล็กๆน้อยๆช่วยได้ก็ยังไม่ค่อยช่วย เป็นไงล่ะใครผิด เราเองเว้ยเราผิด ปี1ส่วนมากแรงกดดันมาจากรุ่นพี่
เพื่อนที่จะไม่เอาสายรหัสไม่เอากิจกรรมก็มี จะออกสายไม่เอากิจกรรมจ่ายเงินอย่างเดียว ก็โดนรั้งไม่ต้องออกสายรหัส เราเห็นอยากออกบ้างดูทรงแล้วคงไม่ได้ออก เลยไม่ได้คุยกับรุ่นพี่เรื่องออกสาย
บวกกับคิดว่าจะจบปี1แล้วงานก็คงไม่เยอะแล้ว
ผิดคาดอีกทีจ้า แต่ปี1นี่เก็บเงินห้องเยอะมาจากค่าเรียนที่ว่าถูกแล้วเจอค่าห้องเข้าไปเงิบ ปี2ปุ๊บงานแม่มมาตั้งแต่กุปิดอาทิตย์แรกเลย เรื่องดูแลน้องที่จะเข้ามาเรียนที่สาขา เราไม่ไปอีกอะ ผิดที่เราอีก รู้ไหมว่าการปฎิเสธเพื่อนแต่ละครั้งมันลำบากใจเรามาก ด้วยความที่รักสันโดษไม่ชอบโดนด่าและไม่อยากด่าใครไม่ชอบมีเรื่องและเกลียดกิจกรรมมาก แต่เฮ้อ จะมีช่วงนึงที่เราทำงาน แล้วงานทางมหาวิทยาลัยยังไม่มีเราก็ทำงานพิเศษ
จนมันถึงเดือนงานกีฬาสีงอก ปีนี้มันเลื่อนมันก่อนเปิดเทอม เพื่อนๆขอความร่วมมืออันนี้เราไปนะแต่ก็ไม่บ่อยเหมือนเดิม ระบุวันที่ชัดเจนว่าวันไหนไปไม่ได้ มิวายยังโดนด่าค่ะ ด่าลอยๆที่เกลียดเหมือนเดิมค่ะ เฉยอีกค่ะ เพราะผิดที่ช่วยน้อยค่ะ เพื่อนบางคนมันก็พูด งานก็ลาออกก่อนมาช่วยเพื่อนก่อนเถอะ เราว่าเป็นประโยคที่ไม่น่ารักเลย เราจำได้เพราะอึ้งที่นางพูดออกมามาก ที่บ้านมีกินมีใช้ค่ะออกได้
แต่นึกถึงคนที่มันต้องขอทุนเรียน แล้วทำงานเลี้ยงตัวเองเดะ คิดว่าพูดถูกละเหรอ เราไปช่วยเรื่อยๆแต่ไม่บ่อยมาก ปี2ไม่มีปัญหาเพื่อนมัวแต่เล่น จะมีปัญหาตรงแค่ว่าเพื่อนมาช่วยน้อย
งานยังไม่เสร็จ บวกกับคนดำเนินงาน ระบุหน้าที่ไม่ชัดเจน ดำเนินงานอย่างคนเรื่องเยอะไม่ดีไม่สวยทำใหม่ แล้วเพราะระบุงานทั้งหมดไม่ชัดเจน เวลาเพื่อนขอความเห็นเราก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ความเห็นเลยไม่ได้ถูกแสดงไป จนบางทีเรื่องง่ายๆ
เราไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาต้องทำให้มันวุ่นวาย แต่จอรจ์มันสายไปที่ฉันจะบอก เราเลยไม่มีสิทธิ์พูดว่าทำไมไม่ทำอย่างงั้นอย่างงี้ เพราะเขาเปิดโอกาสให้เสนอความคิดเห็นแล้ว เงียบและทำต่อไปซะแก
และเมื่อแบ่งงานไปทำตามหน้าที่ของทุกคนเสร็จ บอกเลยเราก็มีไปช่วยกลุ่มอื่นที่ยังไม่เสร็จนะ จนบางทีเราถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ผู้ดำเนินงานเค้าพูดเสมอว่าไม่มีแล้วนะ เราเลยกลับบ้าน จนวันกีฬาสีใกล้เริ่ม
งานเสร็จไม่ทันก็เกิดดราม่า ทำไมไม่มาช่วย กลุ่มอื่นบอกว่าง่านกลุ่มตัวเองเสร็จแล้ว ผู้ดำเนินงานเขาบอกว่า งานตัวเองเสร็จแล้วก็ไม่ต้องมาช่วยคนอื่นหรือไง เพื่อนกลุ่มอื่นเลยบอกว่าก็ใช่ ไม่งั้นจะแบ่งกลุ่มทำงานกันไปเพื่ออะไร อันนี้เราเห็นด้วยตามประสาคนเกลียดกิจกรรม แล้วก็เป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต พี่นัดอีก ถามมีเรื่องอะไร เราอุตส่าห์เฉยๆ ยังโดนด่าเรื่องทำงานเลยจ้า หาว่าช่วยน้อย
ไรวะทีชั้นถามแก่บอกงานไม่มีแล้ว แล้วจะมากล่าวหาชั้น เอ้อลืม ก่อนงานกีฬาสีจะมีงานจับสายรหัส ได้น้องคนละ2คนเพราะปีนี้เด็กสมัครได้สาขานี้ที่นี่เพิ่มขึ่นเป็นหนึ่งเท่าตัวรุ่นพี่ เราก็ต้องเทคน้องด้วยเงินที่กำลังช๊อตในกระเป๋า เป็นไงล่ะเทคน้องไม่ดีเพื่อนด่าอีกจ่ะ เกลียดสุดก็ด่าลอยๆนี่แหละ จบงานกีฬาสี ยังมีงานค่าย งานนี้เรารับรองว่าช่วยเยอะกว่างานอื่นเยอะ แล้วงานนี้ถ้าไม่มีรุ่นพี่ช่วยบอกเลยพัง
จบมาแบบทุลักทุเลมาก เหลืองานให้ลายเซนต์น้องที่กำลังโดนด่าอยู่ว่าไม่เข้าตึกสาขาน้องไม่ได้ลายเซนต์
แล้วทำไมอะ ลายเซนต์มันวัดอะไรได้ อยากได้เฟสมันแอดต่อๆมาก็ได้ปะวะ
เราช่วยเรื่องการเรียนน้องได้นะ จนทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าน้แงต้องการพี่เพร่ะขนมหรือสายสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องกันแน่ ไม่รู้โดนด่ากันไปกี่เรื่องละ
เราอยู่คณะบริหารนะ ไม่รู้ว่าคณะบริหารของมหาวิทยาลัยที่อื่นจะเป็นแบบเราหนักกว่าเราหรือยังไง บางทีมันก็เกี่ยวด้วยที่เพื่อนชอบเน้นความอลังขอผลงาน จนบางทีเราคิดว่ามันเกือบพังเพราะความเยอะนะ แต่เราคิดว่ากิจกรรมของเราที่ทำกันมันเยอะจนเกินไปนี่ มันวัดได้เหรอว่าจบออกไปแล้วจะมีงานทำ และถ้ามันเยอะหนักทำไมต้องทำให้เรื่องมาก มันเป็นความผิดเรา มาบ่นความชั่วของตัวเอง เบื่อ เรียบเรียงคำไม่สวยเพราะตอนพิมพ์โมโหมากกกก