มหากาพย์น้ำไหล คนไกลบ้าน

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิพย์
  ต้องขออภัยไว้ตั้งแต่หัวเรื่อง เรื่อง คำพูด ภาษา ไวยากรณ์ และความถูกต้องด้วยนะครับ                                
                                   นี่เป็นกะทู้แรกของผมที่เว็บนี้นะครับไม่แน่ใจว่าแท็กถูกต้องหรือเปล่าแต่ไล่ดูจนละเอียดละนะ แหะๆ เนื่องจากเมื่อก่อนผมกลัวเว็บนี้เอามากๆมาอ่านอย่างเดียว เพราะขึ้นชื่อเรื่องอีโก้ของคนตอบกะทู้และนักเผือกผจญภัย เวลาจะตอบอะไรทีนี่ขุดข้อมูลขึ้นมาวัดกันเหมือนจะแข่งขันโอลิมปิคหรืออะไรซักอย่างทั้งที่พอเวลาย้อนไปอ่านหัวกะทู้ดูแล้วมันก็เป็นแค่คำถามง่ายๆแต่ทำไมต้องตอบให้เข้าใจยากกันด้วยก็ไม่รู้(แต่คนที่ตั้งใจมาตอบกะทู้ดีๆก็เยอะครับพวกบ้าข้อมูลนี่ถือว่าส่วนน้อย)

                                  แล้วถ้าเป็นเรื่องผัวเขาเมียใครหรือใครด่าใครก่อนนี่มาเลยครับนักเผือกพันทิพย์ขึ้นชื่อเรื่องขุดคุ้ยข้อมูลมากๆบางทีขุดไปข้อมูลสมัยที่แม้แต่ คนตั้งกะทู้เองก็จำไม่ได้ว่าเคยลงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเป็นไงสุดท้ายเกมพลิกเข้าตัวโดนด่ายับ 555+(ผมจะโดนมั้ยนะ อิอิ) แต่เวลาเปลี่ยนคนเล่นก็เปลี่ยนครับถึงเดี๋ยวนี้จะมีเกรียนและนักเลงคีบอร์ดซะเยอะแต่ก็มีคนดีๆปะปนอยู่ทุกหย่อมเหมือนกัน ส่วนพวกเกรียนก็ถือว่าเลี่ยงไม่ได้จริงๆมีทุกที่ทุกเว็บมันตามไปสิงหมด 555+

                                  อ่ะเข้าเรื่องดีกว่าพล่ามมาซะยาว พอดีว่าผมเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่ต่างจังหวัดจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานซึ่งเดิมก็อยู่ภาคอีสานครับแค่ย้ายไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน(พูดซะเหมือนคนภาคกลางย้ายไป ตจว.555+) ย้ายมาช่วยแม่ทำมาหากินหาเงินใช้หนี้ครับ หลังจากที่ผมไปกู้เงินมาลงทุนแล้วไม่ประสบความสำเร็จเป็นหนี้ท่วมหัวอยู่ 400,000 บาท  และเป็นหนี้ก้อนแรกของผมด้วย แม่เลยบอกให้มาช่วยดูแลกิจการร้านอาหารที่แกจะขยับขยายเพิ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้เพื่อหาเงินใช้หนี้ครับ

                                  แต่ช้าก่อนครับ...เรื่องที่ผมจะเล่าคงมีเรื่องของผมเองเป็นส่วนน้อย(รึเปล่า)ครับถือว่าเป็นตัวประกอบ แต่ประเด็นที่จะพูดถึงคือภาพรวมของตัวจังหวัดและคนในจังหวัดนี้ที่ผมได้ประสบพบเจอมากับตัวเองทั้งทางตรงและทางอ้อมเพราะฉะนั้นผมจึงเลี่ยงที่จะพูดถึงตรงๆเพื่อเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นนะครับ จังหวัดนี้ถือว่ามีภูมิทัศน์สวยงามมีภูเขาล้อมรอบและมีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจังหวัดใกล้เคียงนะครับ  

                                   เอาล่ะเรามาเริ่มกันเลย แรกเริ่มเลยนั้นผมก็แค่เคยได้ยินแม่บ่นๆมาบ้างว่าคนที่นี่เค้านิสัยค่อนข้างแปลกๆ เหมือนกับเราแทบจะไม่สามารถไปผูกมิตรหรือสนิทสนมกับใครได้แบบจริงจัง เพราะพอถึงเวลาเค้าอยากจะหักเค้าก็หักเอาดื้อๆแบบนั้นเลย ผมก็คิดในใจว่าอะไรมันจะขนาดนั้นทุกที่มันก็ต้องมีดีมีแย่ปะปนกันไปแหละมันถึงได้เรียกว่าสังคม จนตอนหลังมาได้ยินเรื่องจากฝั่งป้าผม(พี่สาวของแม่)

                                      ป้าผมมาเริ่มบุกเบิกที่ทำมาหากินที่จังหวัดนี้ก่อนแม่ผมแต่ว่าอยู่ต่างอำเภอส่วนแม่ผมจะเข้ามาหากินในตัวจังหวัด ส่วนหนึ่งที่เหมือนกันระหว่างป้ากับแม่คือชอบขายของขายอาหารถึงจะรู้ว่ามันเหนื่อยกว่างานอย่างอื่นๆแต่ก็อย่างว่าแหละครับงานที่รักงานที่ชอบเหนื่อยแค่ไหนก็ยอม(ส่วนตัวผมไม่ชอบครับไอ้ขายของเนี่ย 555+) แกก็เล่าให้ฟังว่าลูกน้องของแกที่เคยทำงานอยู่กับแกเค้าออกไปเปิดร้านอาหารแข่งกับแกทีแรกผมก็คิดในใจร้านอื่นเค้าก็เปิดกันเยอะแยะก็เรียกว่าคู่แข่งทั้งนั้น

                                      แต่แล้วผมก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ตอนที่แกบอกว่าเค้าเอาสูตรอาหารของเราไปเปิดแข่งกับเราในอำเภอเดียวกันกับแกอีกต่างหาก ผมขอย้อนนิดนึงนะครับคือตอนสมัยที่ลูกน้องคนนี้ทำงานอยู่กับแกเนี่ยแกก็ไว้ใจครับให้เห็นพวกเครื่องปรุงส่วนผสมทั้งหมดบางทีก็ให้เป็นคนทำด้วยบางครั้ง(อันนี้ต้องโทษตัวเราเองครับ) ทีนี้ลูกน้องก็เลยคิดว่าในเมื่อเรารู้สูตรแล้วทำไมไม่ออกไปทำของเราเอง ทีนี้ก็เลยมาหาเรื่องทะเลาะกับป้าผมแล้วออกไปจนป้าผมมารู้ความจริงอีกทีก็ตอนไปเห็นเค้าเปิดร้านน่ะแหละครับ ตอนนั้นแหละผมถึงได้เข้าใจความหมายของสำนวนศิษย์ล้างครูจริงๆ

                                     ลูกค้าที่ไปซื้อกินก็พากันมาบ่นว่าทำไมร้านนู้นทำรสชาติไม่เห็นเหมือนร้านนี้ คือลูกน้องแกก็ดันไปโฆษณาว่าสูตรเดียวกัน สูตรเดียวกัน ก็จริงครับแต่ว่าขั้นตอนการทำและรสชาติมันไม่เหมือนกันไง สุดท้ายก็ต้องปิดไปครับเพราะขายไม่ดี เลยทำให้ผมนึกถึงประโยคหนึ่งที่ญาติผู้ใหญ่ที่ผมเคารพแกเคยบอกไว้ว่า “ไม่ว่าเราจะทำอาชีพไหนหรือทำงานเกี่ยวกับอะไรก็ตาม เราควรจะมีความกระจ่างแจ้งและรู้จริงในสิ่งที่เราทำ” ผมคิดว่ามันเป็นคำพูดที่จริงมากๆและยังคงใช้ได้เสมอๆ แต่ตัวผมเองยังทำไม่ได้นะครับ 555+

                                      จบไปเรื่องแรกทีนี้มาถึงส่วนของแม่ผมบ้างตอนที่แม่ย้ายมาอยู่ใหม่ๆผมก็เห็นแกบ่นตลอดเรื่องน้ำรั่วน้ำซึมของตึกที่แกไปเช่าอยู่ตอนนั้นยังไม่ได้ซื้อและผมยังไม่เคยมาก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ทีนี้คราวหลังผมมาเยี่ยมแม่ แม่ก็พาเดินดูตึกแล้วบอกว่ามันมีปัญหาเรื่องน้ำตรงไหนบ้างจนมาเจอเรื่องประทับใจตอนคืนแรกที่ผมนอนที่นี่ครับ ผมสังเกตว่าเวลากดชักโครกที่ชั้นสองและชั้นสามมันจะมีเสียงปุดๆๆบุ๋งๆๆทุกครั้งที่กด คือสมมตินะครับว่าผมกดน้ำที่ชั้น 2 ชั้น 3 จะบุ๋งถ้ากดที่ชั้น 3 ชั้น 2 ก็บุ๋งสลับกันแบบนี้ครับ

                                        ผมก็เลยถามแม่ว่าชักโครกมันเป็นไรแม่ก็บอกว่าเค้าทำไม่ดีวางท่อระบายไว้ต่ำกว่าระดับของบ่อเกรอะ บอกตรงๆว่าตอนฟังทีแรกผมยังไม่คิดอะไรมากครับจนมาเจอทีเด็ดเวลาคนเข้าห้องน้ำและนั่งส้วมพร้อมกัน...เหอะๆ ไปจินตนาการต่อกันเอาเองนะครับผมขอไม่เล่าเดี๋ยวกินข้าวไม่ลง 555+ อันนี้ปัญหาเรื่องน้ำเรื่องแรกผ่านไป มาเรื่องอื่นกันบ้างทีนี้ พักหลังๆผมจะได้ยินแม่แกบ่นมากๆเรื่องไม่รักษาคำพูดและไม่ตรงต่อเวลาของคนที่นี่ ทีแรกผมก็ว่าแกก็เว่อร์ไปป่าวอะไรมันจะขนาดนั้น

                                      แกก็บอกว่าคนที่นี่ทำไมเป็นแบบนี้ นัดแล้วไม่เป็นนัดพูดกลับไปกลับมาแกเจอบ่อยเวลานัดช่างมาทำตึก ก็ให้มาซ่อมเรื่องน้ำเรื่องท่อนี่แหละครับแกว่าแกก็อุตส่าห์ให้ช่างเค้าเป็นคนกำหนดวันเวลาเองแล้วนะแต่แกบอกว่าไม่เคยมีใครรักษาคำพูดซักคนไม่ว่าช่างไหน(แม่ผมต้องใช้หลายช่างช่วงแรกๆเพราะร้านเพิ่งทำใหม่) นัดวันนี้อีกสองวันค่อยมาบางทีก็โทรมาบอกเอาวันนัดว่ามาไม่ได้มั่งแหละ อืมนะก็เข้าใจครับว่าคนรอไหนจะรีบอีกเพราะต้องรีบบิลด์ร้านให้เสร็จจะได้รีบเปิดรีบขาย สรุปต้องปูกระเบื้องห้องน้ำชั้นบนใหม่หมดเพื่ออุดรอยรั่วซึมแต่เรื่องที่แก้ไม่ได้คือเรื่องส้วมครับเพราะต้องรื้อทั้งบ่อเกรอะขึ้นมาทำใหม่หมด เลยไม่ได้ทำก็เลยต้องใช้แบบนี้ต่อไป T..T…น้ำตาจะไหล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่