แล้วอีกหนึ่งวันที่คอบอลทั่วโลกโดยเฉพาะของทีมชาติเยอรมนีและอาร์เจนตินารอคอยก็มาถึง ซึ่งบรรยากาศที่ทอดตัวไปสู่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกนั้น ไม่ว่าเจ้าภาพจะเป็นประเทศใด ในทวีปไหน คึกคักเสมอ
ดั่งที่สังเกตได้ด้วยตาตัวเองแถวบริเวณชายหาดโคปาคาบาน่า ซึ่งตั้งแต่วันศุกร์ กองเชียร์ชาวอาร์เจนไตน์เต็มหาดไปหมด บ้างก็แยกตัวกันนั่งทอดอารมณ์ คุยกันเพลินๆ ริมหาด บ้างก็รวมกลุ่มกันร้องรำทำเพลงเป็นที่สนุกสนาน และมีบ้างที่สนุกมากไปถึงขั้นลงมาเฮฮากันกลางถนน พริบตาเดียวเท่านั้น ตำรวจรีโอมาขอคืนพื้นที่เพื่อเปิดการจราจรให้เป็นปกติ เนื่องจากถนนหน้าหาดเลื่องชื่อแห่งนี้รถติดหนักอยู่แล้ว โดยเฉพาะในวันศุกร์ ที่การจราจรหนาแน่นเป็นพิเศษ ติดหนักเป็นกิโลแม้ไม่มีเทศกาลงานรื่นเริงใดๆ
เจอรถตำรวจคันสองคันยังพอทำเนา แรกๆ สาวกฟ้า-ขาวก็แห่กันล้อมหน้าล้อมหลัง ร้องเพลงประกาศศักดาความเป็น ''อาร์เคนติ๊น่า'' อยู่หรอก แต่พอตำรวจมามากเข้า วิ่งกันกระเจิง โธ่! นึกว่าจะแน่ 555...
จริงๆ แล้วตัวเองจะหลีกเลี่ยงการไปแถวโคปาคาบาน่าในวันศุกร์ หรือช่วงเวลาที่ผู้คนน่าจะหนาแน่น เพราะขี้เกียจติดแหง็กอยู่กลางถนน ให้เผอิญในวันศุกร์ที่ผ่านมา กองบัญชาการซอคเก้อร์พลัดถิ่น ที่มาเกาะขอบสนามศึกบราซิล 2014 เพิ่งมีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นวันแรกของทัวร์นาเมนต์ เมื่อ ''แก๊งเบโล'' อันมี ''ไก่ป่า'', ''ซันเดย์'', ''เจมส์ ลา ลีกา'' และ ''เบิร์ด พิตส์'' พากันกลับถึงรีโอ เด จาเนโร เสียที
และที่ต้องนัดไปเจอกันที่โคปาคาบาน่าก่อนก็เพื่อทำตามสัญญา คือเตะบอลริมหาดโคปาคาบาน่าซักครั้งหนึ่งในชีวิต ว่าแล้วก็มีคนสวมรอยเป็นนักเตะดังแห่งแดนแซมบ้าทั้งหลาย ที่เคยมีโคปาคาบาน่าเป็นสถานที่วิ่งไล่เตะลูกหนังมาตั้งแต่เด็กก่อนจะกลายเป็นสุดยอดนักฟุตบอล
เรื่องฝีเท้าของทีมงานเรานี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะแค่เดาะบอลให้เกิน 5 ทียังลำบากทุกคน เตะบอลเล่นแค่ไม่ถึงชั่วโมงจึงทำเอาเหนื่อยหอบ หมดสภาพไปตามๆ กัน...
ความคึกคักแถวโคปาคาบาน่าเป็นสัญญาณเดียวที่บ่งบอกว่าศึกล้างตาระหว่างเยอรมนีกับอาร์เจตินากำลังจะเกิดขึ้นอยู่รอมร่อ ที่เหลือเราพยายามมองหาร่องรอยแห่งความสนุกสนานกับอีก 2 นัดที่เหลืออยู่ของฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งก็แน่นอนว่าชาวบราซิเลียนยังคงเกี่ยวข้องอยู่ด้วย
แต่คงเพราะอารมณ์มันไม่ได้แล้ว เราเลยไม่รู้สึกว่าแฟนบอลชาวแซมบ้าอีนังขังขอบกับอีกหนึ่งเกมที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องเต็มๆ ซึ่งก็คือนัดชิงที่ 3 อันถือเป็นแมตช์ปลอบใจ
ให้รู้สึกวังเวงอย่างไรพิกลเมื่อพูดถึงนัดชิงที่ 3 ระหว่างบราซิลกับฮอลแลนด์ ซึ่งไม่มีใครอยู่ในอารมณ์อยากจะมีส่วนร่วม แต่เพื่อศักดิ์ศรีและการทำตามหน้าที่ ต่อให้ทั้งทีมแซมบ้าและทีมกังหันลม รวมถึงแฟนบอลของทั้งสองทีม ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เกมนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
4 วันให้หลังจากความอัปยศครั้งประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังแซมบ้า ทีมชาติบราซิลในอาการจิตตก ยังจำเป็นที่จะต้องแสดงศักดิ์ศรีของตัวเองให้ชาวโลกได้เห็น
ตั้งแต่ที่โดนทีมอินทรีเหล็กจิกตีซะขวัญกระเจิง สีเหลือง-เขียวที่เคยละลานตาไปทั่วแดนแซมบ้าก็น้อยลง ซึ่งก็คงเพราะอารมณ์มันไม่ได้ และหลายต่อหลายคนเลือกที่จะกลับไปสวมใส่เสื้อทีมสโมสรอันเป็นที่โปรดปรานเหมือนเดิม ขณะที่บางคนก็ยังคงมีรอยยิ้มบนหน้าพร้อมข้อแก้ตัวที่ว่า ''จะอย่างไรเราก็ยังเป็นชาติเดียวที่เคยเป็นแชมป์โลก 5 สมัย''
แต่ก็แน่ล่ะว่าอารมณ์ความรู้สึกของชาวแซมบ้าส่วนใหญ่ในจำนวนประชากรกว่า 200 ล้านคน ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้า คายไม่ออก แม้จะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าพวกเขาเกือบทั้งหมด จะร่วมใจกันเชียร์ทีมชาติเยอรมนีในนัดชิงชนะเลิศก็ตาม
ท่ามกลางความรู้สึกแบบ ''อาฟเตอร์ช็อก'' นัดชิงที่ 3 ที่ฮอลแลนด์ก็ไม่อยากเล่น กลายเป็นเหมือน ''เกมหาแพะ'' และนับเป็นโชคดีของดาวยิงขาเดฟ สุดสวาทขาดใจของกองเชียร์ขาโจ๋อย่าง เนย์มาร์ ที่อาการบาดเจ็บทำให้เขารอดตัวไปเป็นคนแรก
แน่นอนว่าบุคคลแรก ที่ยังคงถูกเพ่งเล็งจากกองเชียร์แซมบ้า ก็คือกุนซือวัย 65 ที่ชื่อ ''เฟลิเปา'' ผู้กำลังเหมือนคนตกน้ำ ที่ต้องว่ายทวนน้ำกลับเข้าหาฝั่ง แม้ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ จะบอกว่าเขาไม่ได้มีอะไรติดค้างเพื่อนร่วมชาติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบรรยากาศโดยรอบไม่เอื้อให้เขาทำงานต่อ
ไหนจะ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์ไรร่า ผู้ร่วมชะตากรรมในฐานะ ''ผู้อำนวยการเทคนิค'' อีกคน ยามนี้ ทั้งอดีตผู้จัดการทีมชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 และแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 คงเข้าใจกันเป็นที่สุด
ปาร์ไรร่าเพิ่งเปรยเบาๆ จนเสียงลอดออกมาจากกรันช่า โกมารี ฐานบัญชาการทีมชาติบราซิล ว่า ''การทำงานของเราสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี สิ่งเดียวที่ไม่เวิร์กคือผลการแข่งขันนัดเยอรมนี'' ซึ่งจุดหักเหของเกมในวันนั้นก็เหมือนกับที่ชาวโลกเห็นกัน คือระหว่างนาทีที่ 23 กับ 29 ที่ปาร์ไรร่าระบุว่าเป็นช่วง ''เครื่องรวนไปหมด แต่การทำงานโดยรวมไม่ได้แย่ ถึงอย่างนั้นเราก็มาถึงรอบรองชนะเลิศจนได้''
สั้นๆ ง่ายๆ ในสายตาของสตาฟฟ์โค้ชก็คือภาพรวมของทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก 2014 ยังเป็นบวก
กระนั้น นินทากันหนาหูในหมู่สื่อบราซิล ว่าชั่วโมงนี้ในแดนกาแฟแห่งนี้มีแต่คนตายเท่านั้น ที่ให้อภัยสโคลารี่ได้ เพราะเกจิฯ ข้างสังเวียนยังคงเห็นตรงกัน ว่าเกมกับเยอรมนี ทีมไม่น่าตายอนาถขนาดนั้นหากเขาเสริมแดนกลางให้แน่นหนา
สำหรับสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล หรือซีบีเอฟแล้ว ''เฟลิเปา'' ที่ชาวแซมบ้าเรียกขาน จะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป มาร์โก โปโล เดล เนโร่ ว่าที่ประธานซีบีเอฟตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2015 เป็นต้นไป กล่าวว่า ''สำหรับผม สโคลารี่อยู่ต่อ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความผิดพลาดทางแท็กติกเท่านั้น นั่นคือปัญหา แต่เราทุกคนต่างก็ผิดพลาดกันได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่การทำงานดำเนินมาด้วยดี การเตรียมตัวและแคมเปญของเราก็ดีมาตลอด''
มันเป็นคำพูดที่ฟังดูดี และน่าจะทำให้สโคลารี่มีกำลังใจ แต่คนส่วนใหญ่ฟังแล้วคงอุทานเบาๆ ว่า ''ป๊าดดด! เอาอะไรมาพูดครับเนี่ย? ได้แหกตาดูฟอร์มการเล่นของทีมบ้างหรือเปล่า?''
เพราะถ้ามองเลยไปจากสกอร์ 7-1 ที่เกิดขึ้น ต้องบอกว่าลูกทีมของ โยกี้ เลิฟ คือกระจกเงา สะท้อนฟอร์มการเล่นและศักยภาพโดยรวมของทีมแซมบ้านับตั้งแต่ต้นทัวร์นาเมนต์ โดยในวันจันทร์ หรือรุ่งขึ้นจากนัดชิงชนะเลิศ สโคลารี่จะเข้าพบกับ ชูเซ่ มาเรีย มาริน ประธานซีบีเอฟ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ ณ ตอนนี้ มีความเป็นไปได้น้อยมากที่สโคลารี่จะรอดชะตาขาดหลังหายนะแห่งมิไนเรา
ว่าแล้วก็มีการพูดถึงชื่อกุนซือดังทั้งหลาย ซึ่งเที่ยวนี้เป็นที่น่าตะลึงอึ้งว่ามีการพาดพิงกันไปถึงผู้จัดการทีมบาเยิร์น มิวนิค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วย อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่กวาร์ดิโอล่าจะมารับเผือกร้อนชิ้นนี้ไม่มีเลย 2 ตัวเต็งในตำแหน่งนี้ ที่น่าจะได้เข้ามารับงานช้าง สร้างทีมเซเลเซาขึ้นใหม่ จึงเป็น...
หนึ่ง ตีเต้ อดีตกุนซือโครินเธียนส์ ผู้นำทีมคว้าแชมป์สโมสรโลกเมื่อเดือนธันวาคม 2012 ก่อนออกจากตำแหน่งหนึ่งปีให้หลัง และสอง มูริซี่ รามัลโญ่ โค้ชของเซา เปาโล
ส่วนช้อยส์ที่สาม ซึ่งเป็นไปได้น้อยก็มิใช่ใครอื่น วันแดร์เล ลุกชอมบูร์โก้ ที่เคยนั่งเก้าอี้ตัวนี้มาแล้วในช่วงปี 1998-2000 นั่นเอง โดยปัจจุบันเขาเป็นคอมเมนเตเตอร์ทางทีวี
นอกเหนือไปจากเรื่องของลา เซเลเซา ความล้มเหลวของทีมชาติบราซิลหนนี้ ยังทำให้ซีบีเอฟต้องปรับปรุงตัวเองด้วย เพราะที่ผ่านมาซีบีเอฟคิดแต่เรื่องทำมาหากินกับความเป็นทีมที่มีดาวติดอกเสื้อ 5 ดวง มากกว่าการปั้นเยาวชนเพื่อสร้างรากฐานของวงการฟุตบอลบราซิลให้แข็งแกร่ง เกมสั่งลาทัวร์นาเมนต์ที่บราซิเลีย จึงอาจเป็นนัดสุดท้ายของหลายๆ อย่าง
นับหนึ่งใหม่เพื่อเดินหน้า คือทางที่ต้องเลือก และมันคงจะดีถ้าการนับหนึ่งหนนี้ ซีบีเอฟจะปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยด้วย ไม่ใช่จู่ๆ ก็ไปตามกูรูรุ่นก่อนอย่างสโคลารี่กับปาร์ไรร่ามา ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดตั้งแต่แรก!!!
มาเฟียรี่
ข้อมูลจาก
http://www.siamsport.co.th/
ถ้าอยากทราบเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับทีมชาติบราซิล เข้าไปดูใน Blog ผมได้นะครับ
www.brazil.bloggang.com
อนาคตลา เซเลเซา
แล้วอีกหนึ่งวันที่คอบอลทั่วโลกโดยเฉพาะของทีมชาติเยอรมนีและอาร์เจนตินารอคอยก็มาถึง ซึ่งบรรยากาศที่ทอดตัวไปสู่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกนั้น ไม่ว่าเจ้าภาพจะเป็นประเทศใด ในทวีปไหน คึกคักเสมอ
ดั่งที่สังเกตได้ด้วยตาตัวเองแถวบริเวณชายหาดโคปาคาบาน่า ซึ่งตั้งแต่วันศุกร์ กองเชียร์ชาวอาร์เจนไตน์เต็มหาดไปหมด บ้างก็แยกตัวกันนั่งทอดอารมณ์ คุยกันเพลินๆ ริมหาด บ้างก็รวมกลุ่มกันร้องรำทำเพลงเป็นที่สนุกสนาน และมีบ้างที่สนุกมากไปถึงขั้นลงมาเฮฮากันกลางถนน พริบตาเดียวเท่านั้น ตำรวจรีโอมาขอคืนพื้นที่เพื่อเปิดการจราจรให้เป็นปกติ เนื่องจากถนนหน้าหาดเลื่องชื่อแห่งนี้รถติดหนักอยู่แล้ว โดยเฉพาะในวันศุกร์ ที่การจราจรหนาแน่นเป็นพิเศษ ติดหนักเป็นกิโลแม้ไม่มีเทศกาลงานรื่นเริงใดๆ
เจอรถตำรวจคันสองคันยังพอทำเนา แรกๆ สาวกฟ้า-ขาวก็แห่กันล้อมหน้าล้อมหลัง ร้องเพลงประกาศศักดาความเป็น ''อาร์เคนติ๊น่า'' อยู่หรอก แต่พอตำรวจมามากเข้า วิ่งกันกระเจิง โธ่! นึกว่าจะแน่ 555...
จริงๆ แล้วตัวเองจะหลีกเลี่ยงการไปแถวโคปาคาบาน่าในวันศุกร์ หรือช่วงเวลาที่ผู้คนน่าจะหนาแน่น เพราะขี้เกียจติดแหง็กอยู่กลางถนน ให้เผอิญในวันศุกร์ที่ผ่านมา กองบัญชาการซอคเก้อร์พลัดถิ่น ที่มาเกาะขอบสนามศึกบราซิล 2014 เพิ่งมีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นวันแรกของทัวร์นาเมนต์ เมื่อ ''แก๊งเบโล'' อันมี ''ไก่ป่า'', ''ซันเดย์'', ''เจมส์ ลา ลีกา'' และ ''เบิร์ด พิตส์'' พากันกลับถึงรีโอ เด จาเนโร เสียที
และที่ต้องนัดไปเจอกันที่โคปาคาบาน่าก่อนก็เพื่อทำตามสัญญา คือเตะบอลริมหาดโคปาคาบาน่าซักครั้งหนึ่งในชีวิต ว่าแล้วก็มีคนสวมรอยเป็นนักเตะดังแห่งแดนแซมบ้าทั้งหลาย ที่เคยมีโคปาคาบาน่าเป็นสถานที่วิ่งไล่เตะลูกหนังมาตั้งแต่เด็กก่อนจะกลายเป็นสุดยอดนักฟุตบอล
เรื่องฝีเท้าของทีมงานเรานี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะแค่เดาะบอลให้เกิน 5 ทียังลำบากทุกคน เตะบอลเล่นแค่ไม่ถึงชั่วโมงจึงทำเอาเหนื่อยหอบ หมดสภาพไปตามๆ กัน...
ความคึกคักแถวโคปาคาบาน่าเป็นสัญญาณเดียวที่บ่งบอกว่าศึกล้างตาระหว่างเยอรมนีกับอาร์เจตินากำลังจะเกิดขึ้นอยู่รอมร่อ ที่เหลือเราพยายามมองหาร่องรอยแห่งความสนุกสนานกับอีก 2 นัดที่เหลืออยู่ของฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งก็แน่นอนว่าชาวบราซิเลียนยังคงเกี่ยวข้องอยู่ด้วย
แต่คงเพราะอารมณ์มันไม่ได้แล้ว เราเลยไม่รู้สึกว่าแฟนบอลชาวแซมบ้าอีนังขังขอบกับอีกหนึ่งเกมที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องเต็มๆ ซึ่งก็คือนัดชิงที่ 3 อันถือเป็นแมตช์ปลอบใจ
ให้รู้สึกวังเวงอย่างไรพิกลเมื่อพูดถึงนัดชิงที่ 3 ระหว่างบราซิลกับฮอลแลนด์ ซึ่งไม่มีใครอยู่ในอารมณ์อยากจะมีส่วนร่วม แต่เพื่อศักดิ์ศรีและการทำตามหน้าที่ ต่อให้ทั้งทีมแซมบ้าและทีมกังหันลม รวมถึงแฟนบอลของทั้งสองทีม ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เกมนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
4 วันให้หลังจากความอัปยศครั้งประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังแซมบ้า ทีมชาติบราซิลในอาการจิตตก ยังจำเป็นที่จะต้องแสดงศักดิ์ศรีของตัวเองให้ชาวโลกได้เห็น
ตั้งแต่ที่โดนทีมอินทรีเหล็กจิกตีซะขวัญกระเจิง สีเหลือง-เขียวที่เคยละลานตาไปทั่วแดนแซมบ้าก็น้อยลง ซึ่งก็คงเพราะอารมณ์มันไม่ได้ และหลายต่อหลายคนเลือกที่จะกลับไปสวมใส่เสื้อทีมสโมสรอันเป็นที่โปรดปรานเหมือนเดิม ขณะที่บางคนก็ยังคงมีรอยยิ้มบนหน้าพร้อมข้อแก้ตัวที่ว่า ''จะอย่างไรเราก็ยังเป็นชาติเดียวที่เคยเป็นแชมป์โลก 5 สมัย''
แต่ก็แน่ล่ะว่าอารมณ์ความรู้สึกของชาวแซมบ้าส่วนใหญ่ในจำนวนประชากรกว่า 200 ล้านคน ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้า คายไม่ออก แม้จะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าพวกเขาเกือบทั้งหมด จะร่วมใจกันเชียร์ทีมชาติเยอรมนีในนัดชิงชนะเลิศก็ตาม
ท่ามกลางความรู้สึกแบบ ''อาฟเตอร์ช็อก'' นัดชิงที่ 3 ที่ฮอลแลนด์ก็ไม่อยากเล่น กลายเป็นเหมือน ''เกมหาแพะ'' และนับเป็นโชคดีของดาวยิงขาเดฟ สุดสวาทขาดใจของกองเชียร์ขาโจ๋อย่าง เนย์มาร์ ที่อาการบาดเจ็บทำให้เขารอดตัวไปเป็นคนแรก
แน่นอนว่าบุคคลแรก ที่ยังคงถูกเพ่งเล็งจากกองเชียร์แซมบ้า ก็คือกุนซือวัย 65 ที่ชื่อ ''เฟลิเปา'' ผู้กำลังเหมือนคนตกน้ำ ที่ต้องว่ายทวนน้ำกลับเข้าหาฝั่ง แม้ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ จะบอกว่าเขาไม่ได้มีอะไรติดค้างเพื่อนร่วมชาติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบรรยากาศโดยรอบไม่เอื้อให้เขาทำงานต่อ
ไหนจะ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์ไรร่า ผู้ร่วมชะตากรรมในฐานะ ''ผู้อำนวยการเทคนิค'' อีกคน ยามนี้ ทั้งอดีตผู้จัดการทีมชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 และแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 คงเข้าใจกันเป็นที่สุด
ปาร์ไรร่าเพิ่งเปรยเบาๆ จนเสียงลอดออกมาจากกรันช่า โกมารี ฐานบัญชาการทีมชาติบราซิล ว่า ''การทำงานของเราสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี สิ่งเดียวที่ไม่เวิร์กคือผลการแข่งขันนัดเยอรมนี'' ซึ่งจุดหักเหของเกมในวันนั้นก็เหมือนกับที่ชาวโลกเห็นกัน คือระหว่างนาทีที่ 23 กับ 29 ที่ปาร์ไรร่าระบุว่าเป็นช่วง ''เครื่องรวนไปหมด แต่การทำงานโดยรวมไม่ได้แย่ ถึงอย่างนั้นเราก็มาถึงรอบรองชนะเลิศจนได้''
สั้นๆ ง่ายๆ ในสายตาของสตาฟฟ์โค้ชก็คือภาพรวมของทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก 2014 ยังเป็นบวก
กระนั้น นินทากันหนาหูในหมู่สื่อบราซิล ว่าชั่วโมงนี้ในแดนกาแฟแห่งนี้มีแต่คนตายเท่านั้น ที่ให้อภัยสโคลารี่ได้ เพราะเกจิฯ ข้างสังเวียนยังคงเห็นตรงกัน ว่าเกมกับเยอรมนี ทีมไม่น่าตายอนาถขนาดนั้นหากเขาเสริมแดนกลางให้แน่นหนา
สำหรับสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล หรือซีบีเอฟแล้ว ''เฟลิเปา'' ที่ชาวแซมบ้าเรียกขาน จะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป มาร์โก โปโล เดล เนโร่ ว่าที่ประธานซีบีเอฟตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2015 เป็นต้นไป กล่าวว่า ''สำหรับผม สโคลารี่อยู่ต่อ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความผิดพลาดทางแท็กติกเท่านั้น นั่นคือปัญหา แต่เราทุกคนต่างก็ผิดพลาดกันได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่การทำงานดำเนินมาด้วยดี การเตรียมตัวและแคมเปญของเราก็ดีมาตลอด''
มันเป็นคำพูดที่ฟังดูดี และน่าจะทำให้สโคลารี่มีกำลังใจ แต่คนส่วนใหญ่ฟังแล้วคงอุทานเบาๆ ว่า ''ป๊าดดด! เอาอะไรมาพูดครับเนี่ย? ได้แหกตาดูฟอร์มการเล่นของทีมบ้างหรือเปล่า?''
เพราะถ้ามองเลยไปจากสกอร์ 7-1 ที่เกิดขึ้น ต้องบอกว่าลูกทีมของ โยกี้ เลิฟ คือกระจกเงา สะท้อนฟอร์มการเล่นและศักยภาพโดยรวมของทีมแซมบ้านับตั้งแต่ต้นทัวร์นาเมนต์ โดยในวันจันทร์ หรือรุ่งขึ้นจากนัดชิงชนะเลิศ สโคลารี่จะเข้าพบกับ ชูเซ่ มาเรีย มาริน ประธานซีบีเอฟ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ ณ ตอนนี้ มีความเป็นไปได้น้อยมากที่สโคลารี่จะรอดชะตาขาดหลังหายนะแห่งมิไนเรา
ว่าแล้วก็มีการพูดถึงชื่อกุนซือดังทั้งหลาย ซึ่งเที่ยวนี้เป็นที่น่าตะลึงอึ้งว่ามีการพาดพิงกันไปถึงผู้จัดการทีมบาเยิร์น มิวนิค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วย อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่กวาร์ดิโอล่าจะมารับเผือกร้อนชิ้นนี้ไม่มีเลย 2 ตัวเต็งในตำแหน่งนี้ ที่น่าจะได้เข้ามารับงานช้าง สร้างทีมเซเลเซาขึ้นใหม่ จึงเป็น...
หนึ่ง ตีเต้ อดีตกุนซือโครินเธียนส์ ผู้นำทีมคว้าแชมป์สโมสรโลกเมื่อเดือนธันวาคม 2012 ก่อนออกจากตำแหน่งหนึ่งปีให้หลัง และสอง มูริซี่ รามัลโญ่ โค้ชของเซา เปาโล
ส่วนช้อยส์ที่สาม ซึ่งเป็นไปได้น้อยก็มิใช่ใครอื่น วันแดร์เล ลุกชอมบูร์โก้ ที่เคยนั่งเก้าอี้ตัวนี้มาแล้วในช่วงปี 1998-2000 นั่นเอง โดยปัจจุบันเขาเป็นคอมเมนเตเตอร์ทางทีวี
นอกเหนือไปจากเรื่องของลา เซเลเซา ความล้มเหลวของทีมชาติบราซิลหนนี้ ยังทำให้ซีบีเอฟต้องปรับปรุงตัวเองด้วย เพราะที่ผ่านมาซีบีเอฟคิดแต่เรื่องทำมาหากินกับความเป็นทีมที่มีดาวติดอกเสื้อ 5 ดวง มากกว่าการปั้นเยาวชนเพื่อสร้างรากฐานของวงการฟุตบอลบราซิลให้แข็งแกร่ง เกมสั่งลาทัวร์นาเมนต์ที่บราซิเลีย จึงอาจเป็นนัดสุดท้ายของหลายๆ อย่าง
นับหนึ่งใหม่เพื่อเดินหน้า คือทางที่ต้องเลือก และมันคงจะดีถ้าการนับหนึ่งหนนี้ ซีบีเอฟจะปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยด้วย ไม่ใช่จู่ๆ ก็ไปตามกูรูรุ่นก่อนอย่างสโคลารี่กับปาร์ไรร่ามา ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดตั้งแต่แรก!!!
มาเฟียรี่
ข้อมูลจาก http://www.siamsport.co.th/
ถ้าอยากทราบเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับทีมชาติบราซิล เข้าไปดูใน Blog ผมได้นะครับ www.brazil.bloggang.com