สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
1. รอดยากสำหรับร้านพึ่งเริ่มถ้าไม่ได้ลงมาดูเอง full time คนลงทุนน้อยใจและ effort ที่มีให้ก็น้อยกว่าคนลงทุนเยอะ
ถ้าคนลงทุนเยอะไม่เอาตัวเองเป็นแรงหลัก ยากที่จะรอดครับ
2. หนังสือสัญญามีไว้กันหมากัด แต่พอหมากัดจริง ต้องไปฟ้องร้องเอาเอง ถึงชนะฟ้องก็มีวิธีบ่ายเบี่ยงเลี่ยงการจ่ายไปได้
ยิ่งคนต้นทุนชีวิตน้อยยิ่งหลบแบบ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไม่คืน และไม่สนใจ ได้แบบชิวๆ
3. คุณพูดเป็นการ์ตูน คุณมีที่ดินกี่สิบไร่ที่จะมาปลูกผักปลอดสารพิษไว้ใช้ในร้านได้ตลอดโดยไม่ต้องซื้อข้างนอกมาใช้
คุณเคยคำนวณต้นทุนหรือไม่ว่าผักปลอดสารมันแพงกว่าผักทั่วไปขนาดไหน และปลูกเองมันถูกกว่าซื้อเอา จริงหรือ?
ไม่มีเวลาดูแลเพราะคนหนึ่งก็อยู่ร้าน full time อีก2คนก็ทำงานประจำแล้วผักจะงามได้ด้วยตัวมันเอง?
ถ้าทำเป็นร้านเป็นรูปเป็นร่างลงทุนขึ้นมาแล้ว ราคาส้มตำคุณขายเท่าเพิงข้างทางคุณจะไม่รอดครับ
คุณต้องมองจากความจริงว่าทำไมร้านอาหารที่ทำเป็นร้านขึ้นมาแล้วเขาถึงขายส้มตำจานละ 60-80
มันมีต้นทุนอะไรที่เพิ่มขึ้น มันจริงหรือไม่ที่ร้านอาหารที่เป็นร้านขายแพงกว่าร้านข้างทาง
เพราะมันเลว มันต้องการกำไรเยอะเกินควร เหมือนที่ลูกค้าไร้สมองไม่เคยทำธุรกิจบางคนชอบพ่นออกมา
หรือเพราะจริงๆแล้วต้นทุนแรงงานคน ค่าที่ดิน ค่าเสื่อมอาคาร มันมากกว่าเพิงข้างทางจึงต้องขายแพงกว่า
อันนี้ต้องคำนวณให้ดีนะครับ ไม่ใช่นึกจะเอาราคาเข้าสู้อย่างเดียวแล้วจะชนะได้ในระยะยาว
ผมบอกได้ว่าคุณตั้งราคาเท่านั้น ให้ลูกค้ารุมซื้อคุณ ยิ่งลูกค้ามากยิ่งขาดทุน ต้องภาวนาให้ลูกค้าไม่เข้าร้าน
จะได้ไม่ขาดทุนมากขึ้น พอคุณจะเปลี่ยนราคาทีหลังเพื่อสะท้อนต้นทุนจริง ลูกค้าก็หายครับ
ผมอ่านแล้วขอแนะนำตามตรงว่า อย่าเอาเงินมาละเลงเลยครับ เสียเวลาเปล่า
ความจริงมันโหดร้ายกว่าตอนวางแปลนในฝันครับ และไม่ใช่หน้าที่คุณต้องสนับสนุนช่วยเหลือให้ใครก็ตาม
นอกจากพ่อแม่ลูกเมียมีชีวิตที่ดีขึ้น ภรรยาเพื่อนจะสู้ชีวิตจะมีฝีมือจะน่าสงสาร เขาก็คือคนนอก
ถ้าเขาดีจริง เก่งจริง เขาปั้นตัวเองขึ้นมาได้ครับ คุณไม่จำเป็นต้องไปแบกเป็นภาระ
ถ้าข้อความแรงไปก็ขออภัยครับ
ถ้าคนลงทุนเยอะไม่เอาตัวเองเป็นแรงหลัก ยากที่จะรอดครับ
2. หนังสือสัญญามีไว้กันหมากัด แต่พอหมากัดจริง ต้องไปฟ้องร้องเอาเอง ถึงชนะฟ้องก็มีวิธีบ่ายเบี่ยงเลี่ยงการจ่ายไปได้
ยิ่งคนต้นทุนชีวิตน้อยยิ่งหลบแบบ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไม่คืน และไม่สนใจ ได้แบบชิวๆ
3. คุณพูดเป็นการ์ตูน คุณมีที่ดินกี่สิบไร่ที่จะมาปลูกผักปลอดสารพิษไว้ใช้ในร้านได้ตลอดโดยไม่ต้องซื้อข้างนอกมาใช้
คุณเคยคำนวณต้นทุนหรือไม่ว่าผักปลอดสารมันแพงกว่าผักทั่วไปขนาดไหน และปลูกเองมันถูกกว่าซื้อเอา จริงหรือ?
ไม่มีเวลาดูแลเพราะคนหนึ่งก็อยู่ร้าน full time อีก2คนก็ทำงานประจำแล้วผักจะงามได้ด้วยตัวมันเอง?
ถ้าทำเป็นร้านเป็นรูปเป็นร่างลงทุนขึ้นมาแล้ว ราคาส้มตำคุณขายเท่าเพิงข้างทางคุณจะไม่รอดครับ
คุณต้องมองจากความจริงว่าทำไมร้านอาหารที่ทำเป็นร้านขึ้นมาแล้วเขาถึงขายส้มตำจานละ 60-80
มันมีต้นทุนอะไรที่เพิ่มขึ้น มันจริงหรือไม่ที่ร้านอาหารที่เป็นร้านขายแพงกว่าร้านข้างทาง
เพราะมันเลว มันต้องการกำไรเยอะเกินควร เหมือนที่ลูกค้าไร้สมองไม่เคยทำธุรกิจบางคนชอบพ่นออกมา
หรือเพราะจริงๆแล้วต้นทุนแรงงานคน ค่าที่ดิน ค่าเสื่อมอาคาร มันมากกว่าเพิงข้างทางจึงต้องขายแพงกว่า
อันนี้ต้องคำนวณให้ดีนะครับ ไม่ใช่นึกจะเอาราคาเข้าสู้อย่างเดียวแล้วจะชนะได้ในระยะยาว
ผมบอกได้ว่าคุณตั้งราคาเท่านั้น ให้ลูกค้ารุมซื้อคุณ ยิ่งลูกค้ามากยิ่งขาดทุน ต้องภาวนาให้ลูกค้าไม่เข้าร้าน
จะได้ไม่ขาดทุนมากขึ้น พอคุณจะเปลี่ยนราคาทีหลังเพื่อสะท้อนต้นทุนจริง ลูกค้าก็หายครับ
ผมอ่านแล้วขอแนะนำตามตรงว่า อย่าเอาเงินมาละเลงเลยครับ เสียเวลาเปล่า
ความจริงมันโหดร้ายกว่าตอนวางแปลนในฝันครับ และไม่ใช่หน้าที่คุณต้องสนับสนุนช่วยเหลือให้ใครก็ตาม
นอกจากพ่อแม่ลูกเมียมีชีวิตที่ดีขึ้น ภรรยาเพื่อนจะสู้ชีวิตจะมีฝีมือจะน่าสงสาร เขาก็คือคนนอก
ถ้าเขาดีจริง เก่งจริง เขาปั้นตัวเองขึ้นมาได้ครับ คุณไม่จำเป็นต้องไปแบกเป็นภาระ
ถ้าข้อความแรงไปก็ขออภัยครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอวิธีคิดในการลงทุนทำร้านอาหารและร่วมหุ้นกับเพื่อนอย่างถูกวิธีด้วยครับ
ผมมีที่ติดถนนที่กำลังขยายตัวย่าน จ.นนทบุรี ที่ดินของผมเป็นที่ติดถนนอยู่ใกล้ๆกับทางลงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอันใหม่ห่างจากปลายสะพานราวๆ 1.5 กิโลเมตร สะพานข้ามมาจากฝั่งตลาด อตก.นนทบุรี มาลงเส้นที่ไปวัดสวนแก้วออกราชพฤกษ์ได้ ที่ของผมอยู่ฝั่งวัดสวนแก้ว ฝั่งที่ไม่ใช่เขตเมืองคับ มาดูรูปการณ์แล้วคิดว่าคงเป็นเส้นที่น่าจะมีรถผ่านพอสมควรเนื่องจากคนจะหนีจากสะพานพระรามห้า และ สะพานนั่งเกล้ามาใช้สะพานนี้ ณ จำนวนหนึ่ง ถนนจากสองเลน ถูกขยายเป็นสี่เลน เหล่านายทุนกำลังกวาดซื้อที่เพื่อทำหมู่บ้าน ครอบครัวผมไม่มีโครงการจะขาย และไม่คิดจะขาย ผมจึงคิดว่าจะเอาที่มาทำร้านอาหารอีสาน เนื่อที่ทั้งหมดประมาณ 1 งานครึ่ง แต่ผมเองไม่ชำนาญในการทำอาหาร แต่มีความรู้เรื่องการคำนวณ food cost การบริหารจัดการ การบริการ เพราะจบสายนี้มา กับเคยผ่านงานบริการมาในระดับหนึ่ง ผมจึงชักชวนเพื่อนและภรรยาเพื่อนซึ่งผมสนิทกัน และได้มีโอกาสชิมน้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด ส้มตำ และอาหารต่างๆที่ภรรยาเพื่อนผมทำ ผมรู้สึกว่า รสมือดีขนาดนี้ กับเป็นคนสู้ชีวิตขนาดนี้ ถ้าปล่อยไปไม่ได้เอามาสร้างเงินนี้น่าเสียดายสำหรับเขา เพื่อนผมทุกวันนี้ทำร้านข้าวมันไก่อยู่ เป็นร้านริมถนน ซึ่งขายดีในระดับหนึ่ง นี่คือคร่าวๆครับ คำถามมีดังนี้ครับ
1.เพื่อนผมมีทุนไม่เยอะ และผมกำลังจะได้เงินก้อนมา ตัวเงินที่ตั้งใจจะลงสำหรับเรื่องโครงสร้างและตัวร้านมีประมาณ 250,000 และตั้งใจจะให้เพื่อนลงอุปกรณ์ครัว และของใช้ในร้าน คร่าวๆ30,000 - 40,000 บาท แต่ผมกับภรรยาผมต้องทำงานประจำ เลิกเย็น แล้วจึงกลับมาดูร้านบ้าน แต่ไม่ได้ลงแรงเต็มร้อย แต่จะมีการช่วยดูแลเรื่องเงิน เรื่องพนักงาน การฝึกคน การทำการตลาด เช่นนี้การแบ่งผลประโยชน์กันควรเป็นเช่นไรครับ
2. หนังสือสัญญาที่ควรร่างควรเป็นแบบไหน ครอบครุมเรื่องอะไรบ้างครับ ผมกับเพื่อนรู้จักกันมา 15 ปีและเราทั้งคู่ไม่มีประวัติด่างพร้อยในการไปโกงใคร มีแต่โดนเค้าโกงมา แต่ผมเชท่อว่าเรื่องเงินนั้นไม่เข้าใครออกใคร จึงคิดจะร่างหนังสือสัญญาเพื่อเป็นการเตือนใจว่าวันนึงไม่เขา ก็เราอาจผิดสัญญากัน แต่มีหนังสือสัญญาไว้เตือนใจว่าในวันที่เรายังไม่ได้มีอะไรเลยเราคิดกันยังไง
3. ร้านผมจะเริ่มขายตั้งแต่ 11.00 - 21.00 ครับ และวางแปลนว่าเราจะปลูกผักปลอดสารพิษเอาไว้ให้ลูกค้าทานกับส้มตำ น้ำตก ด้วย มีโต๊ะนั่งประมาณ 20 โต๊ะ อยู่ในเขตที่มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 5000 - 8000 หลังคาเรือน และคาดว่าจะมีรถผ่านพอสมควร ราคาไม่แพงแต่ใช้วัสดุดี ร้านแต่งแนวไม่แก่ ราคาส้มตำอยู่ที่ 35-40 บาทเป็นต้น แบบนี้จากประสบการณ์ของพี่ๆเพื่อนๆที่เคยทำร้านมา คิดว่าาผมน่าจะมีลูกค้าวันนึงประมาณกี่เจ้าได้ครับ และควรเพิ่มเติมอะไรอีกดีครับเพื่อเรียกลูกค้าเพิ่ม
ขอคุณครับ