เจาะลึก ABC หุ้น 3000%!

กระทู้สนทนา
ร้อนแรงเหลือเกินกับหุ้น 30 เด้งที่กำลังกล่าวขวัญกันอยู่ในตลาดครับ ผมก็เลยลองวิเคราะห์งบการเงินเล่นมาลองดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ

ABC First Touch


P/E ที่ 40 กับ P/B 40 นิดๆ ในหน้าเว็บ settrade ทำให้ชะงักนิดหนึ่ง กับผลอัตราเงินปันผล 0% มีกำไรไม่มีปันผลครับ





กราฟนี้คือเหตุผลที่อยากลองอ่านงบการเงินของบริษัทนี้ดูครับ



ที่เด็ดคือเมื่อคลิกสรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียนดูที่รายได้แล้วเริ่มตกใจ เพราะว่ารายได้จากยอดขายลดลงกว่า 90% ในขณะที่รายได้อื่นๆ
มีเพิ่มมากขึ้นอย่างมากรวมถึง 200 ล้านเลยทีเดียว ถือเป็น red flag อันแรก คือรายได้จากธุรกิจหลักหดตัวอย่างรุนแรงแต่กลับกำไรจากอย่างอื่น
หมายความว่าธุรกิจไปไม่น่าจะรอด



พอมาดูอัตราส่วนทางการเงินจะเห็นอะไรแปลก ๆ เยอะเลย โดยเฉพาะระยะเวลาในการขาย แปดร้อยกว่าวันเลยทีเดียว
หมายเหตุ
ระยะเวลาในการจำหน่าย (ขาย) สินค้า(วัน) = 365 (วัน) /อัตราหมุนเวียนของสินค้า (Inventory Turnover)
ยิ่งขายได้เร็ว (ระยะเวลาสั้น) ยิ่งดี

โดยอัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ (Inventory Turnover) = ต้นทุนสินค้าขาย (COGS) /สินค้าคงเหลือเฉลี่ย (Avg. Inventory)
สินค้าคงเหลือเฉลี่ย =( สินค้าต้นงวด + สินค้าปลายงวด )/ 2
หากค่าคำนวณได้สูง ย่อมแสดงถึงความสามารถในการบริหารการขายสินค้าได้เร็ว

อ้างอิงจาก http://www.thaiecommerce.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=538735716&Ntype=6



ติด cash balance อีกเสียด้วย (คือมีการซื้อขายผิดปกติ) แต่เราไม่ควรตัดสินหนังสือจากปก (และอัตราส่วนทางการเงิน) ใช่ไหมครับ เรามาดูรายละเอียดบริษัทกันดีกว่า

ลักษณะธุรกิจ
ผลิตถุงเท้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่เป็นของลูกค้า หรือลูกค้าเป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น คาร์สัน แพน นันยาง ARROW, S’FARE, JOHN HENRY, GRAND SLAM, GUY LAROCHE, ELLE HOMME, CREATION, T.K. MAXX, PIERRE GARDIN, JACK MONTANA

ปัญหาของบริษัทหลัก ๆ คือ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทซึ่งเป็นผลกระทบกับพื้นฐานของบริษัทให้ต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งแก้ไม่ได้เพราะเป็นกฎหมาย มีการเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดในเดือน มกราคมปี 56

นายปรเมษฐ์ รับรองธานินทร์ได้ทำการ tender offer หุ้นทั้งหมดเมื่อตอนปลายปี 56 และเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่จากโรงงานสิ่งทอ เป็นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (คุ้นๆ เหมือน Berkshire Hathaway เลยว่าไหมครับ)

จะเห็นว่ารายได้จากผลิตถุงเท้าลดลงเป็นอย่างมาก โดยเปลี่ยนเป็นรายได้จากการขายอสังหาฯ แทน





โดยในฝั่งของสิ่งทอผมจะข้ามไปนะครับ ส่วนกลยุทธ์ของอสังหาฯ นั้นจะเน้น คอนโดฯ ประเภท Low-Rise และห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กตามชุมชนแทน
โดยจะเน้นทำเลเพื่อให้มีมูลค่าขายต่อสูงขึ้น และได้รับค่าเช่าจากร้านค้านั่นเอง

ในเรื่องภาพรวมตลาดอสังหาฯ ผมเองไม่สันทัดนะครับ แต่ดูจากโครงการรถไฟฟ้าที่จะขึ้น ราคาที่ดินน่าจะถีบตัวขึ้นไปอีก (ใน 56-1 ของบริษัทระบุไว้)
มีปัจจัยเรื่องการเมืองทำให้งบประมาณไม่ชัดเจน ตอนนี้น่าจะชัดเจนมากขึ้นนะครับ
ความเห็นส่วนตัวคิดว่าตลาดมันน่าจะอิ่มตัวไปสักพักแล้ว เพราะคนน่าจะซื้อคอนโดไปเยอะแล้ว ก็เลยจะกลัวฟองสบู่ แต่ผมก็คงจะไม่คาดเดาตลาดก็แล้วกันนะครับ

ถ้าลองมองย้อนกลับไปดูตรง ระยะเวลาในการจำหน่าย (ขาย) สินค้า ลองมาคิดดูอีกทีถ้าเป็นการ flip อสังหาฯ ในธุรกิจใหม่ของบริษัท ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป หรือเปล่า อันนี้ต้องลองดูลึก ๆ ดูครับ

ขำ ๆ ในงบการเงินคือ อ้างว่ามีการเปิดประชาคม AEC และโครงการลุ่มแม่น้ำแม่โขง ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับพื้นที่ที่บริษัทไปลงทุนนะ แต่ก็อ้างอิงไว้

red flag อันที่ 2 ครับ


การ manipulate กำไรที่ง่ายที่สุดคือ asset appreciation หรือการตีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นนั่นเอง จริง ๆ กระแสเงินสดจะไม่มีผลอะไร
นั่นคือธุรกิจไม่มีกระแสเงินสดเพิ่มนั่นเอง

note ไว้อีกหน่อย คือ บริษัทรายงานขาดทุนจากการขายทรัพย์สินซึ่งขาดทุน 46.68 ล้านบาท ซึ่งจริงๆ ตรงนี้ พอมาดูงบกระแสเงินสด
มีเงินสุทธิเพิ่มขึ้น จริงๆ 18,817,255.12 บาท คาดว่าน่าจะเกิดจากการขายทรัพย์สินแล้วเอาไปจ่ายหนี้ระยะสั้นจำนวน 48,418,551.11 ล้าน และกู้เพิ่มจากบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 33 ล้านบาท

note 2 คือ พอมาเห็นงบการเงินไตรมาส 2 แล้วพบว่าขายได้ตามราคาประเมินก็ให้ข้อสังเกตว่า ราคาประเมินนำมาจาก 3 สำนัก (ระบุใน 56-1) ซึ่งก็แสดงว่าน่าเชื่อถือพอสมควรครับ



ซึ่งกำไรตรงส่วนนี้จะไม่อยู่ในส่วนของผู้ถือหุ้น จะเห็นได้ว่าในเอกสารระบุไว้อย่างสับสนคือ ให้บริษัทมีผลกำไร (แต่ทั้งที่ส่งตลาดหลักทรัพย์ไม่คิดตรงนี้)
จบตรงปี 2556 บริษัทก็ขาดทุนสะสมเป็นจำนวน 209,706,256.98 บาทครับ และมีหนี้สินทั้งหมดจากสถาบันการเงิน 49 ล้านบาท และ จากบุคคลที่เกี่ยวข้อง 33 ล้านบาท

เอาละครับนั่นคือ history ที่ผมเก็บได้จาก 56-1 ของปี 2555 และ 2556 มาดูปัจจุบันกันดีกว่าว่าบริษัท turnaround แล้วหรือยัง

เปิดมาดูไตรมาสแรกปี 2557 ครับ
อ้างอิงจากรายงานชี้แจงผลการดำเนินงานบริษัทงวดสิ้นสุด 31 มีนาคม บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 32.65 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากรายได้จากภาษีเงินได้เป็นไร (tax credit)
ที่น่าสนใจคือไตรมาสนี้ได้รับเงินมัดจำ 100 ล้านบาท ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานพุ่งขึ้นเป็น 99,453,756.16 บาท และ
ได้นำไปใช้หนี้เมื่อตอนสิ้นปีที่มีการกู้ย้มระยะสั้น ทำให้เลือกเงินสดเมื่อปลายงวด 39,739,193.24 บาทเลยทีเดียว
ถึงจุดนี้ขอวิเคราะห์ว่าบริษัทนั่งทับ assets จำนวนมหาศาลซึ่งไม่ได้มีการตีมูลค่าที่แท้จริง (แต่ยังต้องดูกันต่อไป) ตรงนี้จะเข้าข่าย hostile takeover กันเลยทีเดียว
โดยการซื้อหุ้นทั้งบริษัทและชำแหละขายไล่คนออกเอาเงินสดครับ
ข้อสังเกตที่ทำให้ผมคิดถึงตรงนี้คือรายการ โอนที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ไปเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายมีมูลค่า 208,340,000.00 บาท ซึ่งพอๆ กับมูลค่าที่ประเมินไว้เมื่อ 2556
ซึ่งตีความหมายว่าที่ดินทั้งหมดจะเอามาขายนั่นเอง

มาดูไตรมาสสองปี 2557 กันบ้าง
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 158 ล้านบาท เกิดจากการขายที่ดินจำนวน 201.36 ล้านบาท จากนั้นบริษัทเอากระแสเงินสดที่ได้ไปจ่ายหนี้จนหมด
ดังนั้นเงินสดเมื่อปลายงวดจะเหลือ 26,029,144.72 บาทนั่นเอง

ถึงตอนนี้ ณ วันที่เขียน ราคาก็พุ่งพรวดไป 63.50 แล้ว (21/8/2557) ดังนั้นขึ้นไปกว่า 2000% เลยทีเดียว ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคนที่ซื้อหุ้นตัวนี้ตอนช่วงไตรมาสแรกด้วยครับ

ซึ่งถ้ามาดูกราฟจากเว็บเซ็ตให้เจ็บใจเล่น ณ ตอนประกาศผลดำเนินการไตรมาสแรก ราคาก็พุ่งจาก 19/8/2013 ไป 100 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว (ระหว่างทางมีทั้ง floor ทั้ง ceiling รถไฟเหาะ)
แต่ตอนนั้นการขายทรัพย์สินน่าจะ finalize แล้วเพราะมีการ book ค่ามัดจำเป็นที่เรียบร้อย

abc7

จะเห็นว่าทั้ง floor ทั้ง ceiling ในวันติดกัน

แต่ถ้าใครที่ได้วิเคราะห์งบการเงินและมั่นใจในการขายสินทรัพย์ตัวนี้รับรองว่าจะต้องรับรู้รายได้ประมาณ

1.52 – 1.53 บาทต่อหุ้นเลยทีเดียว (กำไรงวดนั้น 1.2 บาท) ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้น 1.5/3.9 ก็จะประมาณ P/E 2.6 เลยทีเดียว
ซึ่งพอมาถึง ณ วันนี้ราคาปิดก็พุ่งไปถึง P/E 40 เลยทีเดียว

บทสรุป
ณ วันนี้ผมก็ต้องขอบอกว่า ขอบาย (คือลาก่อนนะครับ ไม่ใช่ buy) ละครับ เพราะอนาคตไม่แน่นอน
ถ้ามั่นใจในผู้บริหารว่าจะสามารถเปลี่ยนไปทำธุรกิจอสังหาฯ ให้ได้กำไรก็ขอให้โชคดีครับ
ถ้าใครมีหุ้นก็ต้องบอกว่า sell ทำกำไรเถอะครับ

และล่าสุดเมื่อผมดูข่าวบริษัทก็พบว่าเตรียมจะออกหุ้นเพิ่มทุนมาออกขายเพื่อเอาเงินจากนักลงทุนเข้าบริษัทอีกต่างหาก ซึ่งในมุมมองคนอื่นอาจจะมองว่าเพื่อนำเงินลงทุนไปลงทุนต่อ
แต่สำหรับผมแล้วจำนวนสัดส่วนตัวหารจะเพิ่มขึ้นทำให้ค่า P/E อาจจะรูดหนักขึ้นไปอีก



ติดตามตอนต่อไปกับวิเคราะห์เจาะลึกหุ้นร้อนแรง ถ้าใครอยากให้ดูหุ้นตัวไหนบอกได้ใน comment เลยครับ

Disclaimer:
ผมไม่ได้ถือหุ้นตัวนี้และไม่มีความคิดหรือความตั้งใจจะเข้าซื้อ หรือ short หุ้นตัวนี้ภายใน 72 ชั่วโมงอย่างแน่นอน (และคาดว่าตลอดไป 55)


อ้างอิง:
http://www.finmoment.com/%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b6%e0%b8%81-abc-%e0%b8%ab%e0%b8%b8%e0%b9%89%e0%b8%99-3000/

ไปดูหุ้นตัวอื่นกันบ้าง
เจาะลึก TRUE http://ppantip.com/topic/32499470
เจาะลึก XO http://ppantip.com/topic/32503832
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่