คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ทางจิตวิทยามีหลายวิธี แต่จะให้ได้ผลคุณต้อง "ฝึก" บ่อยๆนะคะ ไม่งั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้
1. ฝึกสำรวจร่างกาย - เวลาอยู่คนเดียวลองคิดถึงเรื่องที่ทำให้เราโมโห สำรวจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตั้งแต่แต่เริ่มโกรธจนถึงโมโหสุดๆว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เช่น คิ้วขมวด หายใจถี่ขึ้น ตัวเกร็ง กำหมัด กัดฟัน หนักๆที่ไหล่ รู้สึกเหมือนในท้องมีก้อนๆ ฯลฯ
2. ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ - ต่อเนื่องจากข้อหนึ่ง ให้หายใจลึกๆหลายๆครั้ง แล้วหลับตา สำรวจจุดต่างๆของร่างกายช้าๆตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ส่วนที่เกร็งก็ให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หายใจลึกๆไปเรื่อยๆแล้วโฟกัสต่อคราวนี้สำรวจช้าๆจากปลายเท้าไปยังศรีษะ ส่วนที่เกร็งก็ให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำแบบนี้หลายๆรอบ แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์ดูว่าเย็นลงมั้ย
3. ฝึกบ่อยๆ พอถึงสถานการณ์จริงจะรู้ตัวมากขึ้น ว่าร่างกายกำลังตอบสนองกับความโกรธอยู่ ให้คุณทำคล้ายๆข้อสองคือหายใจเข้าลึกๆหลายๆครั้ง แล้วค่อยๆผ่อนคลายกล้ามเนื้อตามตัว
4. ขอเวลานอก - พอรู้ตัวว่าโกรธจัดแล้ว เช่น เริ่มตะคอกอีกฝ่ายและร่างกายเข้าสู่โหมดเครียดจัด (รู้สึกเกร็งกล้ามเนื้อ ตัวหนัก กำมือ กัดฟัน ฯลฯ) ให้ขอเวลานอกกับอีกฝ่าย โดยคุณเป็นผู้ถอนตัวออกมาจากสถานการณ์นั้น บอกอีกฝ่ายไปตรงๆให้รู้ว่า "ตอนนี้โกรธจัดจริงๆ คุยด้วยดีๆไม่ได้จริงๆ และไม่อยากทำร้ายจิตใจกัน ขอเวลานอกซักแป้บให้อารมณ์เย็นลงแล้วเราจะคุยกันดีๆ" วิธีนี้คุณควรตกลงกับอีกฝ่ายแต่แรกว่าถ้าใครโกรธจะขอเวลานอกได้ กี่นาทีก็ว่าไป เช่น กำหนดว่า 10 นาที พอขอตัวปุ้บคุณก็จับเวลาเลย ตั้งเวลาไว้ด้วย กติกาคือระหว่างนั้นต่างฝ่ายต่างต้องแยกย้ายกันไปจริงๆ ห้ามมาง้อหรือมาหาเรื่องกันต่อ ระหว่าง 10 นาทีนั้นให้คุณหายใจลึกๆ พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็ทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อเบนความสนใจ เช่น หยิบการ์ตูนมาอ่าน เล่นเกมบนมือถือ เปิดดูรูปฮาๆ ฟังเพลงชิลๆ ฯลฯ พอครบ 10 นาทีคุณค่อยคุยกันด้วยเหตุผล ถ้าโกรธอีกก็ขอเวลานอกอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ (อย่าลืมว่าอีกฝ่ายก็ขอเวลานอกได้เช่นกัน คุณต้องเคารพข้อตกลงเช่นกัน)
5. หนังยาง - ช่วยเตือนสติอีกทางโดยใส่หนังยางไว้ที่ข้อมือ พอเริ่มรู้ตัวว่าโกรธก็ดีดยางเลยค่ะ เพื่อให้รู้ตัว จากนั้นหายใจลึกๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็ขอเวลานอกตามข้อ 4
6. กับบางคนที่ขอเวลานอกไม่ได้ให้ถอนตัวออกมาจากสถานการณ์ เช่น โดนขับรถปาดหน้า ให้คุณเปลี่ยนเลนแล้วขับหนีไป อย่าไปขับตามปาดคืนหรือบีบแตรไล่ หรือถ้าโมโหคนก็เดินหนีเลยอย่าไปต่อล้อต่อเถียง พอถอนตัวออกมาแล้วก็หายใจลึกๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
7. ปรับปรุงบทสนทนา - ใช้คำว่า "ฉัน" โฟกัสที่ประสบการณ์ตัวเอง (ให้หลีกเลี่ยงการโทษคนอื่นก่อน) เช่น "ฉันรู้สึก... ฉันคิดว่า..." จากนั้นมองในมุมของอีกฝ่าย เช่น "เธอเองก็คงรู้สึก... ใช่มั้ย เธอคิดว่า..ใช่มั้ย" การแสดงความเห็นอกเห็นใจจะช่วยทำให้สถานการณ์เย็นลง
ถ้าทำได้ตามนี้ ฝึกบ่อยๆ คุณจะไม่เปลี่ยนแปลงในทันทีแต่ คุณจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ
1. ฝึกสำรวจร่างกาย - เวลาอยู่คนเดียวลองคิดถึงเรื่องที่ทำให้เราโมโห สำรวจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตั้งแต่แต่เริ่มโกรธจนถึงโมโหสุดๆว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เช่น คิ้วขมวด หายใจถี่ขึ้น ตัวเกร็ง กำหมัด กัดฟัน หนักๆที่ไหล่ รู้สึกเหมือนในท้องมีก้อนๆ ฯลฯ
2. ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ - ต่อเนื่องจากข้อหนึ่ง ให้หายใจลึกๆหลายๆครั้ง แล้วหลับตา สำรวจจุดต่างๆของร่างกายช้าๆตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ส่วนที่เกร็งก็ให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หายใจลึกๆไปเรื่อยๆแล้วโฟกัสต่อคราวนี้สำรวจช้าๆจากปลายเท้าไปยังศรีษะ ส่วนที่เกร็งก็ให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำแบบนี้หลายๆรอบ แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์ดูว่าเย็นลงมั้ย
3. ฝึกบ่อยๆ พอถึงสถานการณ์จริงจะรู้ตัวมากขึ้น ว่าร่างกายกำลังตอบสนองกับความโกรธอยู่ ให้คุณทำคล้ายๆข้อสองคือหายใจเข้าลึกๆหลายๆครั้ง แล้วค่อยๆผ่อนคลายกล้ามเนื้อตามตัว
4. ขอเวลานอก - พอรู้ตัวว่าโกรธจัดแล้ว เช่น เริ่มตะคอกอีกฝ่ายและร่างกายเข้าสู่โหมดเครียดจัด (รู้สึกเกร็งกล้ามเนื้อ ตัวหนัก กำมือ กัดฟัน ฯลฯ) ให้ขอเวลานอกกับอีกฝ่าย โดยคุณเป็นผู้ถอนตัวออกมาจากสถานการณ์นั้น บอกอีกฝ่ายไปตรงๆให้รู้ว่า "ตอนนี้โกรธจัดจริงๆ คุยด้วยดีๆไม่ได้จริงๆ และไม่อยากทำร้ายจิตใจกัน ขอเวลานอกซักแป้บให้อารมณ์เย็นลงแล้วเราจะคุยกันดีๆ" วิธีนี้คุณควรตกลงกับอีกฝ่ายแต่แรกว่าถ้าใครโกรธจะขอเวลานอกได้ กี่นาทีก็ว่าไป เช่น กำหนดว่า 10 นาที พอขอตัวปุ้บคุณก็จับเวลาเลย ตั้งเวลาไว้ด้วย กติกาคือระหว่างนั้นต่างฝ่ายต่างต้องแยกย้ายกันไปจริงๆ ห้ามมาง้อหรือมาหาเรื่องกันต่อ ระหว่าง 10 นาทีนั้นให้คุณหายใจลึกๆ พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็ทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อเบนความสนใจ เช่น หยิบการ์ตูนมาอ่าน เล่นเกมบนมือถือ เปิดดูรูปฮาๆ ฟังเพลงชิลๆ ฯลฯ พอครบ 10 นาทีคุณค่อยคุยกันด้วยเหตุผล ถ้าโกรธอีกก็ขอเวลานอกอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ (อย่าลืมว่าอีกฝ่ายก็ขอเวลานอกได้เช่นกัน คุณต้องเคารพข้อตกลงเช่นกัน)
5. หนังยาง - ช่วยเตือนสติอีกทางโดยใส่หนังยางไว้ที่ข้อมือ พอเริ่มรู้ตัวว่าโกรธก็ดีดยางเลยค่ะ เพื่อให้รู้ตัว จากนั้นหายใจลึกๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็ขอเวลานอกตามข้อ 4
6. กับบางคนที่ขอเวลานอกไม่ได้ให้ถอนตัวออกมาจากสถานการณ์ เช่น โดนขับรถปาดหน้า ให้คุณเปลี่ยนเลนแล้วขับหนีไป อย่าไปขับตามปาดคืนหรือบีบแตรไล่ หรือถ้าโมโหคนก็เดินหนีเลยอย่าไปต่อล้อต่อเถียง พอถอนตัวออกมาแล้วก็หายใจลึกๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
7. ปรับปรุงบทสนทนา - ใช้คำว่า "ฉัน" โฟกัสที่ประสบการณ์ตัวเอง (ให้หลีกเลี่ยงการโทษคนอื่นก่อน) เช่น "ฉันรู้สึก... ฉันคิดว่า..." จากนั้นมองในมุมของอีกฝ่าย เช่น "เธอเองก็คงรู้สึก... ใช่มั้ย เธอคิดว่า..ใช่มั้ย" การแสดงความเห็นอกเห็นใจจะช่วยทำให้สถานการณ์เย็นลง
ถ้าทำได้ตามนี้ ฝึกบ่อยๆ คุณจะไม่เปลี่ยนแปลงในทันทีแต่ คุณจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 42
The Iron Law of Life
"กฎเหล็กชีวิต 3 ข้อ"
1. Never reply when you are angry.
อย่าพูดโต้เถียงอะไร เวลาโกรธ
2. Never make a promise when you are happy.
อย่าสัญญาสุ่มสี่สุมห้า เวลามีความสุข
3. Never make a decision when you are sad.
อย่าด่วนตัดสินใจอะไร เวลาเศร้า
ง่ายๆ สั้นๆ เปลี่ยนชีวิตได้ทันที...
ขอแถมแชร์อีกนิดเกี่ยวกับอารมณ์โกรธค่ะ
ได้มีโอกาสอ่านบทความหนึ่งมา และพบว่าน่าสนใจและจริงอย่างที่อ่านค่ะ
หลายคนอาจคิดว่า วิธีจัดการเวลาโกรธ ที่ดีคือ การ "นับ 1-10"
มีความลับจะบอก...
เชื่อมั้ยคะว่า
การนับ 1-10 หรือ นับ 1-100 นั้น
กลับยิ่งทำให้เรายิ่งโกรธพุ่งพล่านมากขึ้นอีก
งานวิจัยบอกว่า การกักอารมณ์ แล้วนับเลขในใจนั้น เป็นเหมือนการตอกย้ำให้นึกถึงแต่เรื่องที่ทำให้โกรธ ให้นานยิ่งขึ้นไปค่ะ
เทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจในการระงับอารมณ์โกรธ คือ "Self-distancing"
ทำได้ง่ายๆ แค้ไม่โฟกัสอยู่กับอารมณ์โกรธของตัวเอง
พยายามดึงตัวเองออกจากปัญหา ด้วยการ "มองมันในฐานะของคนนอก"
เทคนิคนี้พิสูจน์ผลลัพธ์แล้วว่า ช่วยลดความก้าวร้าว อารมณ์โกรธ และปรับสมดุลทางอารมณ์ได้อย่างดี
แนะนำอย่างยิ่ง ให้ลองเอาไปใช้กันเวลาที่อารมณ์อยู่เหนือตัวเองค่ะ
"กฎเหล็กชีวิต 3 ข้อ"
1. Never reply when you are angry.
อย่าพูดโต้เถียงอะไร เวลาโกรธ
2. Never make a promise when you are happy.
อย่าสัญญาสุ่มสี่สุมห้า เวลามีความสุข
3. Never make a decision when you are sad.
อย่าด่วนตัดสินใจอะไร เวลาเศร้า
ง่ายๆ สั้นๆ เปลี่ยนชีวิตได้ทันที...
ขอแถมแชร์อีกนิดเกี่ยวกับอารมณ์โกรธค่ะ
ได้มีโอกาสอ่านบทความหนึ่งมา และพบว่าน่าสนใจและจริงอย่างที่อ่านค่ะ
หลายคนอาจคิดว่า วิธีจัดการเวลาโกรธ ที่ดีคือ การ "นับ 1-10"
มีความลับจะบอก...
เชื่อมั้ยคะว่า
การนับ 1-10 หรือ นับ 1-100 นั้น
กลับยิ่งทำให้เรายิ่งโกรธพุ่งพล่านมากขึ้นอีก
งานวิจัยบอกว่า การกักอารมณ์ แล้วนับเลขในใจนั้น เป็นเหมือนการตอกย้ำให้นึกถึงแต่เรื่องที่ทำให้โกรธ ให้นานยิ่งขึ้นไปค่ะ
เทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจในการระงับอารมณ์โกรธ คือ "Self-distancing"
ทำได้ง่ายๆ แค้ไม่โฟกัสอยู่กับอารมณ์โกรธของตัวเอง
พยายามดึงตัวเองออกจากปัญหา ด้วยการ "มองมันในฐานะของคนนอก"
เทคนิคนี้พิสูจน์ผลลัพธ์แล้วว่า ช่วยลดความก้าวร้าว อารมณ์โกรธ และปรับสมดุลทางอารมณ์ได้อย่างดี
แนะนำอย่างยิ่ง ให้ลองเอาไปใช้กันเวลาที่อารมณ์อยู่เหนือตัวเองค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย อารมณ์ร้อน มีวิธีแก้ อย่างไร?
ตอนนี้มีปัญหากับอารมณ์ตัวเอง ชอบโมโหง่าย ถ้าอะไรขัดใจ ก็จะ อารมณ์ขึ้น แล้วเหวี่ยง พูดจาแรง เสียงดัง บางทีเผลอหลุดคำหยาบบ้างนิดหน่อย
คือเมื่อก่อน เป็นคนใจเย็นกว่านี้ กับแฟนไม่เคยด่าหยาบคาย ไม่เคยใช้ความรุนแรง พูดจาไม่รุนแรง แม้แต่กับคนในบ้าน
แต่ตอนนี้ กลับเป็นคนละคน อารมณ์ร้อนง่าย โมโหง่าย
เลยเกิดกลัวตัวเองขึ้นมา ถ้าวันนึงใจร้อนแบบนี้ บ่อย จะไปทำร้ายใครเค้า
ตอนนี้ก็ทะเลาะกับแฟนบ่อย เพราะอารมณ์โมโหง่ายนี่ละ บางทีก็สงสารเค้า ที่ต้องมารองรับอารมณ์
เพื่อนสมาชิกท่านใด เป็นจิตแพทย์หรือมีความรู้ด้านนี้ ช่วยผมหน่อยนะครับ ทำยังไงให้ใจเย็นลง อารมณ์ไม่ร้อนเหมือนตอนนี้
ปล. มันเป็นอาการทางประสาทหรือเปล่า ผมต้องพบจิตแพทย์ไหม