โอกาสขอแก้ตัวอีกครั้งที่ไม่เคยได้รับจากการกินยาฆ่าหญ้า ..

** เรื่องที่จะบอกเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ที่รับการอนุญาตจากเพื่อนเจ้าของเรื่องแล้วให้นำมาแชร์เป็นอุทาหรณ์ค่ะ **




    เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่เรานั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ ก็มีเพื่อนสมัยเด็กคนนึงเข้ามาคุยกับเราประมาณว่า รู้เรื่อง เอ รึป่าว พี่สาวเอ บอกว่า เอ เข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ ตอนนี้อยู่ที่ห้องไอซียู

เอกินยาฆ่าแมลงมา 5 วันแล้ว เห็นว่าทะเลาะกับแฟนมั้ง แต่เพิ่งได้มาโรงพยาบาล ตับและไตวายไปแล้ว หมอบอกว่าให้ทำใจเลยนะ  อาการเป็นตายเท่ากัน

ตอนนี้มีพ่อกับแม่ที่ขึ้นไปดูแลแล้ว หลังจากที่ทราบข่าวเราจึงโทรศัพท์ไปหาแม่เอ  แม่บอกรายละเอียดกับเราคร่าวๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า เอป่วยมากลูก ตอนนี้ล้างไตไปรอบนึงแล้ว แต่หมอบอกให้แม่ทำใจ ข้างนอกตอนนี้จะเหมือนคนปกติ แต่ข้างในไม่ดีแล้วลูก จากนั้นแม่ก็ร้องไห้

    ตอนนั้นเราพูดเลยว่าเราตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับคนสนิทและใกล้ตัวเราขนาดนี้ หลังจากที่ตั้งสติได้บ้าง เราเลยไลน์ไปหาเพื่อนหมอ บอกเรื่องราวเท่าที่เราทราบมา เพื่อนก็บอกเราว่า จากที่เราบอกน่ะ เอ ไม่น่าจะกินยาฆ่าแมลงหรอกนะ น่าจะเป็นยาฆ่าหญ้ามากกว่า เพื่อนเราบอกว่าให้เราลองไปถามมาว่ายาที่เพื่อนเรากินคือยาตัวไหน ใช่พาราควอทรึป่าว เพราะตัวนี้นี่ถ้ากินเข้าไปเนี้ยโอกาสรอดยากมากเลยนะ ...


    เช้าวันต่อมาเราออกไปเยี่ยมเพื่อนเลยได้คุยกับพ่อแม่เพื่อนที่รอเยี่ยมเพื่อนอยู่หน้า ห้องICU เป็นอีกครั้งที่เราต้องมารู้จักกับพ่อแม่ของเพื่อนในช่วงเวลาเศร้าแบบนี้ แม่นั่งซึมและน้ำตาไหลในบางช่วงเวลา แม่บอกว่าถ้าเอหายจะพาเอกลับบ้าน แม่จะไม่ให้อยู่ที่หอคนเดียวอีกแล้ว ไม่มีใครดูแล แม่จะพาลูกกลับบ้านเรา ส่วนพ่อนั่งคุยกับเราในแบบที่ผู้ชายคนนึงจะเก็บอาการเศร้าเสียใจไว้ข้างในได้ พ่อพูดว่า ทำไมเอต้องทำแบบนี้ ไม่น่าทำเลย ไม่น่าเลย กับแค่ผู้ชายเพียงคนเดียวทำไมจะต้องไปรักมันมากขนาดต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้

    ตอนเข้าไปเยี่ยมเพื่อน สิ่งที่เราจินตนาการไว้ว่าเพื่อนโคม่ามาก แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย เพื่อนเราเหมือนคนป่วยปกติ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พูดมากเหมือนเดิม ทานได้ปกติ (แอบบ่นว่าอาหารโรงพยาบาลไม่อร่อย) แต่อาการที่แสดงออกคือชัดเจนคือเพื่อนเราเหนื่อยหน่อยๆเท่านั้นเอง เราเข้าไปคุยกับเพื่อน ชวนคุยตามประสาคนพูดมากสองคน แล้วค่อยยิงคำถามเข้าไปถามบ้างเพื่อไม่ให้เครียด .. เราถามว่ากินทำไมเนี้ยมันอร่อยหรอ เอบอกเราว่า ไม่อร่อยเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ไม่กินแน่นอน เหม็นมากๆ ไม่รู้ว่าตัวเองกินไปทำไม ทรมานอีกต่างหาก เมื่อวานเข้าโรงพยาบาล หมอก็พาไปล้างไต แล้วเค้าก็เจาะคอจะล้างไตแต่เจาะพลาดก็เลยต้องเจาะขาข้างขวาก็พลาดอีก จนบอกหมอว่า พอเถอะค่ะหนูเจ็บแล้ว ไว้ล้างวันหลังได้มั้ยคะ หมอก็บอกว่าไม่ได้ ต้องล้างวันนี้สุดท้ายก็เลยเจาะครั้งที่สามได้ล้างไต เค้าสงสารพ่อสงสารแม่ เค้าไม่น่าทำเลย เมื่อวานแม่ก็ร้องไห้ตอนที่มาหาที่โรงพยาบาล ถ้าเค้าหายดีเค้าจะบวชชีให้พ่อกับแม่…

    จากนั้นเราก็ถามทำไมไม่โทรหาเพื่อนให้พาไปโรงพยาบาล เอบอก ตอนแรกเค้าจะให้แฟนไปส่ง เค้าบอกแฟนว่ากินยาฆ่าหญ้าไป ทรมานมาก แต่แฟนไม่เชื่อว่ากินตัวนั้น คิดว่าล้อเล่น แล้วแฟนก็ไม่มา พอสักพักก็โทรมาอีกบอกว่าจะมาหาพรุ่งนี้แต่จะไม่พาไปโรงพยาบาลนะจะมาคุยเฉยๆ เค้าเลยรอ แต่ก็โดนผิดนัดไปเรื่อยๆจนสุดท้ายผ่านไป 5 วัน ทนไม่ไหวเลย ทั้งหิว ทั้งทรมาน เค้าเลยโทรเรียก 1669 ให้รถมารับไปส่งโรงพยาบาล

    เอบอกต่ออีกว่า ช่วงที่อยู่ที่หอคนเดียว กินอะไรเข้าไปก็อ้วก ตัวร้อนจัด หิวก็หิวแต่ก็ไม่มีแรงจะออกไปกินข้าว จะไปหาหมอเองก็ไม่มีแรง ตอนนั้นคิดว่าจะตายแต่ลืมตาขึ้นมาทีไรก็ยังไม่ตาย
    อาทิตย์แรกที่เออยู่โรงพยาบาลเราได้ดูมือถือของเอ เราเลยส่งข้อความไปหาแฟนเอ บอกรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกแฟนเอจะมาหา แต่ไม่รู้ทำไมถึงเปลี่ยนใจว่าจะโทรมาแทน ตอนนั้นเราบอกแฟนเอว่า เอไม่ต้องการคุยกับคุณ ถ้าคุณอยากคุยก็ต้องลองมาเยี่ยมเอง แต่แฟนเอกลับบอกกับเราว่า “ถ้าเอไม่อยากคุยกับผม คุณจะให้ผมมาหาเธอทำไม” ตอนนั้นเราโกธรมาก เราลองถามเอว่าอยากจะเจอแฟนมั้ยถ้าเค้ามาหา เอบอกเราว่า “ไม่แล้วแหละให้อภัยแล้ว” ต่อให้ผู้ชายคนนั้นมาก็คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก ในอาทิตย์นั้นเราคุยกันหลายอย่างจนเรารู้ว่า “เอคิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า ตั้งแต่เด็กเคยพยายามฆ่าตัวตายแล้วหลายครั้งแต่ก็กลัว ชอบน้อยใจคนรอบข้างโดยที่ไม่พูดออกมา มีอะไรก็จะเก็บไว้คนเดียวไม่บอกใคร จนมาถึงครั้งนี้ที่ไม่ไหวแล้วอยากจะตายให้มันจบๆไป”

    ในช่วงสัปดาห์สองที่ เอ พยายามจะเดินไปเข้าห้องน้ำเองเพราะไม่ชอบทำธุระส่วนตัวบนที่นอน เราประคองเอไปที่ห้องน้ำที่อยู่ห่างจากเตียงประมาณ 5 ก้าว เอค่อยๆเดินไปได้ แต่ขากลับเอแทบจะล้มตั้งแต่หน้าห้องน้ำ พอดีกับที่พ่อแม่เดินมาที่เตียงพอดีในขณะที่ เอรวบรวมพลังครั้งสุดท้ายล้มตัวลงที่ปลายเตียง เอเริ่มร้องไห้และขอออกซิเจน เอโมโหตัวเอง เอบอกว่าทำไมเดินไปแค่นี้ถึงทำไม่ได้ แค่ใกล้ๆเอง ทำไม ทำไมถึงทำไม่ได้! ตอนนั้นพ่อแม่ลูบหัวเอแล้วบอกว่า เดี๋ยวลูกก็หาย ตอนนี้น้องเอแค่เหนื่อย เพราะน้องเอกินยาเข้าไปเยอะ ถ้าหายแล้วแม่ก็จะพาลูกกลับบ้านเรานะ ใจเย็นๆลูก ไม่ร้องไห้นะ.. แต่ใครจะไปรู้ว่านั่นคือการเดินครั้งสุดท้ายในชีวิตของเอ

    เราได้คุยกับเจนเพื่อนหมอที่ดูแลเออยู่ เจนอธิบายเป็นภาษาง่ายๆว่า ยาตัวนี้อ่ะ กินไปแค่ช้อนชาเดียวก็ไม่รอดแล้ว อาการที่แสดงออกก็จะ อ้วก ต่อมาตัวเหลืองตาเหลืองเหนื่อยเพลียมากแทบขาดใจ ฉี่เป็นเลือดในปริมาณที่น้อยลงมาก เบลอๆ หลังจากฟอกไต ตับเริ่มดี ประมาณหนึ่งอาทิตย์ เริ่มรู้สึกหอบมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายใจไม่อิ่มอยากจะดมออกซิเจนแต่การดมออกซิเจนยิ่งทำลายปอดมากขึ้นทำให้ปอดเป็นพังผืด ตอนนั้นให้เอพยายามใช้ออกซิเจนลดลง แต่นับวันมันก็ต้องการใช้มากขึ้นเรื่อยๆเพราะเหนื่อยมากๆ อาการเอมีแต่ทรงกับทรุด ทุกๆวันที่เจนมาดูอาการ เอก็จะคอยถามว่า  .. “เค้าจะหายไหม เค้าอยากหายจังเลย เจนเคยเห็นคนหายไหม” เอถามแบบนี้ทุกครั้ง แต่เจนก็ไม่สามรถตอบอะไรได้เต็มปาก จนวันที่เอไม่สามารถอยู่โดยปราศจากออกซิเจนได้แล้วเอจึงเลิกถาม ตอนนั้นปอดคงมีพังผืดคงเต็มไปหมด และเอคงจะรู้ตัวเองแล้ว

    ตอนนั้นเอเริ่มซึมลง พูดก็เหนื่อย กินข้าวทีก็ต้องรีบเอาเครื่องช่วยหายใจมาครอบ ก็น่าแปลกเหมือนกัน สารพิษนี้ ยิ่งหอบยิ่งหายใจ ยิ่งตายไว ออกซิเจนในอากาศที่ทุกคนต้องการ เนื้อเยื่อที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ กลับเป็นพิษกับเอ สุดท้ายออกซิเจนที่เป็นสิ่งจำเป็นต่อมนุษย์ทุกคน กลับเป็นตัวเร่งให้มนุษย์คนนึงต้องตายไปอย่างทรมาน เหมือนคนที่กำลังจมน้ำ ตะเกียกตะกายหาอากาศ แต่เมื่อรับออกซิเจนในอากาศเข้าไปกลับเป็นการทำร้ายเราอย่างมาก แล้วคนเราจะอยู่ได้อย่างไรกันในเมื่อเรารับมันไม่ได้ ไม่รับก็ไม่ได้ …

    ตอนนั้นเราถามเอว่าอยากทำบุญมั้ย อยากขอขมาพ่อกับแม่หรือเปล่า เอบอกว่าอยากจะทำเหมือนกันแต่ไม่รู้จะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร เราเลยนิมนต์พระมารับสังฆทานเพื่อน และซื้อพวงมาลัยให้เอได้ขออโหสิกรรมพ่อกับแม่
    
    สุดท้ายวันที่บีบคั้นหัวใจของคนที่รักเอทุกๆคนก็มาถึง เอไม่มีแรงแม้แต่จะพูด ได้แต่กรอกตาไปมาว่ารับรู้ และขยับมือได้ไม่มาก เอรับรู้ในสิ่งที่ทุกคนพูด แต่ไม่สามารถโต้ตอบได้ พี่สาวเอกระซิบข้างๆหูเอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะเอ พี่จะดูแลพ่อกับแม่ให้เอง ถ้ามันทรมานก็พอนะ ท่องพุธโธไว้นะ สวดมนต์ในใจก็ได้ จะได้สบายใจ พี่รักน้องนะ...” ซึ่งนั่นอาจจะเป็นคำพูดที่พี่สาวคนนึงจะทำเพื่อน้องสาวตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายได้ คืนสุดท้ายเอคงจะทรมานมาก เอพยายามต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่ตลอดทั้งคืน จนสุดท้ายเอก็จากพวกเราไปในตอนเช้าของวันต่อมาอย่างสงบ พร้อมๆกับแม่ที่น้ำตาไหลรินด้วยอาลัยรักต่อลูกสาวที่จากไปตลอดกาล รวมระยะเวลาการต่อสู้กับร่างกายที่อ่อนแรงเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ..



จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เรารู้แล้วว่าเอไม่ได้ทำร้ายตัวเองเพราะเรื่องของความรักอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน เราคิดว่าที่เพื่อนเราพยายามให้ทุกคนโฟกัสเรื่องที่ว่าทำร้ายตัวเองเรื่องความรักเพราะไม่ต้องการพูดให้กระทบกับคนอื่นมากกว่านี้ แต่จะเรื่องอะไรเราไม่ขอพูดแล้วกันเพราะมันเป็นเรื่องที่เพื่อนไม่ต้องการให้ใครทราบ อีกทั้งเอน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเอเคยบอกเราตอนอยู่โรงพยาบาลว่าน่าจะเป็นโรคนี้มานานแล้ว ซึ่งโรคนี้หากได้พบแพทย์ ทุกอย่างอาจจะไม่สายขนาดนี้ เพราะในช่วงนั้นเราก็ได้มีโอกาสคุยกับหมอคนนึงที่เค้าบอกว่า ถ้าเพื่อน คนใกล้ตัว หรือใครก็ตามรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย เค้าแนะนำเลยว่าคนคนนั้นควรจะพบจิตแพทย์ โรคนี้มันรักษาได้ โดยต้องใช้ยาควบคู่กันไป (ถ้าเราเข้าใจผิด ทักท้วงด้วยนะคะ)


ที่มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพราะอยากแชร์เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆว่าบางครั้งคนที่ทำร้ายตัวเองเค้าอาจจะทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ การประชดประชัน ป่วย หรืออะไรก็แล้วแต่ อย่าไปซ้ำเติมเค้าเลยค่ะ เพราะทุกๆอย่างที่เค้าทำเค้าก็คงเสียใจมากๆในตัวเองอยู่แล้ว เค้าแค่ต้องการกำลังใจจากเราเท่านั้น และความรักให้รู้ว่าเค้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

อีกอย่าง เราได้คุยจิตแพทย์ท่านนึง เค้าบอกเราว่า ให้เลิกพูดกับคนป่วยว่าอย่าโทษตัวเอง หรือให้อภัยตัวเองเถอะ อะไรแบบนี้ เพราะทุกครั้งที่เราพูดมันจะเป็นการตอกย้ำว่าเค้าทำอะไรลงไปเค้าถึงต้องให้อภัยตัวเค้าเอง เค้าแนะนำว่าให้พูดถึงอดีตหรืออะไรที่มีความสุข เพื่อที่เค้าจะไม่โฟกัสจุดที่เค้าทำผิดไป

ท้ายที่สุดแค่จะบอกว่า .. เราเขียนให้แกแล้วนะ ตามที่แกบอกว่าให้เราแชร์ให้คนอื่นที่เค้าไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ หรือใครก็ตามที่มีคนใกล้ตัวเป็นแบบนี้ หรือใครก็ตามที่กำลังจะทำร้ายตัวเอง ..

ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ


ตอนนี้เรื่องราวนี้ได้ถูกนำมาทำเป็นซีรี่ค่ะ

ชื่อเรื่อง โลกของแก้ว (Toxic)
Soundtrack : Stoondio

โลกของแก้ว (Toxic) ตอนที่1
https://youtu.be/XMjCs-NbynY
โลกของแก้ว (Toxic) ตอนที่2
https://youtu.be/eQscTIMfltU
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่