ช่วงที่ผ่านมาเราเชื่อว่าหลายคนคงได้ยินได้ฟังเพลงมหาฮิตของปีนี้อย่าง Lost Stars กันมามั่งล่ะนะ เพลงที่ว่ามาจากหนังรักเรื่องนึง ที่ดีจนฮิตและเป็นกระแสในไทยอยู่พอสมควร หนังเรื่องที่ว่านั้นคือ Begin Again ผลงานกำกับของ John Carney เจ้าของเดียวกะ Once หนังปี 2008 หนังเพลงเล็กๆ แต่คุณภาพคับจนไปถึงออสการ์มาแล้ว และจากอานิสงค์ความฮิตของ Begin Again เราจึงมีโอกาสได้ดู Once กันแบบจอใหญ่อีกครั้งโดยโรงหนังที่คุณก็รู้ว่าใครอย่าง House นั่นเอง
Once : หัวใจร้องว่ารักเธอ
หนังเล่าเรื่องของหนุ่ม-สาว หน้าตาบ้านๆ ที่พบกันโดยบังเอิญ ชายหนุ่มทายาทร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ชอบดนตรีเลยไปเป็นนักดนตรีข้างถนน ส่วนหญิงสาวเป็นเหมือนเสาหลักของบ้านที่ต้องดูแลแม่และลูกสาว และต้องดิ้นรนใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ สิ่งที่ทำให้ทั้งสองผูกพันกันได้อย่างรวดเร็วคือ ดนตรี ที่เหมือนเป็นแรงผลักดันในตัวของทั้งคู่ให้กล้าออกเดินตามความฝัน
Begin Again : เพราะรักคือเพลงรัก
หนังเล่าเรื่องของ เกรต้า หญิงสาวที่เดินทางมานิวยอร์คกะแฟนหนุ่ม เดฟ ที่มาตามความฝันในการเป็นนักดนตรี แต่เมื่อเค้าได้เซ็นต์สัญญา กลับทิ้งหญิงสาวเพื่อไปหาอนาคตที่(คิดว่า) ดีกว่า แต่ด้วยพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของหญิงสาว ทำให้ไปเตะตา แดน โปรดิวเซอร์ที่กำลังตกอับเพราะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากะวงการเพลงในปัจจุบันได้ แล้วก็เป็น ดนตรี อีกนั่นแหละ ทีทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันและเป็นแรงส่งซึ่งกันและกันเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จที่รออยู่
อ่านจากเนื้อเรื่อง หนังเหมือนเป็นภาคต่อกันกลายๆ ใบปิดก็(โคตรจะ) คล้ายกัน แถมยังเดินเรื่องด้วย ชาย-หญิง ที่ผูกพันกันด้วยดนตรี แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น โดยที่เรื่องแรก ชายหนุ่มเป็นศูนย์กลาง ส่วนเรื่องหลังนั้น หญิงสาวเป็นศูนย์กลาง ที่สำคัญหนังทั้ง 2 เรื่องนี้เพลงเพราะมว๊าก เพราะแบบดูจบนี่อยากจะเดินไปร้านแผ่นซื้ออัลบั้มซาวน์แทร็คกลับมาซึมซับความรู้สึกกันต่อ(อันนี้ไม่ได้เว่อร์ !) ซึ่งจะมีผู้กำกับซักกี่คนที่สามารถทำหนังแนวทางเดียวกันเดี๊ยะ ให้ออกมาดีได้ทั้งสองเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าจะให้จำเพาะเจาะจงลงไปมากกว่านั้น Once มีความเป็นอินดี้ที่สูงกว่า นักแสดงที่ดูบ้านๆ แต่ก็ดูดีได้ด้วยเสียงดนตรี เพลงเพราะก็จริงแต่ก็ยังไม่ป็อปจนน่าจะถูกใจคนส่วนมาก แต่สำหรับ Begin Again นี่มาทางสายแมส ก็ดูกันมาตั้งแต่นักแสดงดิ ทั้ง Keira Knightley ทั้งฮัลค์(อันนี้ไม่ใช่ สัส) Mark Ruffalo เพลงก็โคตรจะป็อปสุดตีนเท่าที่จะป็อปได้(เห็นได้จาก Lost Stars เป็นตัวอย่าง) แถมยังได้ Adam Levine นักร้องโคตรป็อปแห่งยุคจากวงร็อค(ที่ปัจจุบันชักไม่แน่ใจว่ามันยังร็อคอยู่เปล่าเพราะเพลง
โคตรป็อป) Maroon 5 ก็คิดเอาละกัน แต่ไม่ใช่แค่ว่าหนังสักแต่เลือกเพลงเพราะๆ มาใส่แค่นั้น เพราะทั้งหนังและเพลงในทั้งสองเรื่องนี้
โคตรจะเกื้อกูลกัน ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากๆ ซึ่งมันก็โคตรจะช่วยให้คนดูอินไปกะหนังมากๆ และเอาใจช่วยตัวละครให้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจ(ในหนัง) นอกจากนั้นยังลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่ไม่ใช่สำหรับสองเรื่องนี้ Once มีตอนจบที่โคตรจะบาดใจ และเป็นตอนจบแบบเปิด ให้คนดูอยากรู้และอยากติดตาม(ไม่ใช่แบบ
นะ) ไอ้สองตัวละครนำมากกว่านี้และอยากให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้ทั้งคู่เกิดเปลี่ยนใจจนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งให้จงได้(แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าหนังมันจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งจริง เราจะชอบหนังมากเท่านี้หรือเปล่า) ส่วน Begin Again มีตอบจบที่ค่อนข้างคลี่คลายกว่า แม้จะไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งแบบ 100 % แต่มันก็อยู่ที่ราวๆ 90 % แล้วล่ะ และเราก็ไม่ได้หวังให้ 2 ตัวละครนำได้กันด้วย จบแบบที่เป็นอยู่นั่นแหละถือว่าโอแล้ว จุดร่วมของหนังทั้งสองเรื่องสำหรับเราคือ เป็นหนังที่ดูแล้วแบบน้ำตาซึมออกมาเอง แถมยังอมยิ้มในความน่ารักน่าชังของหนังด้วย Complicated มาก เป็นหนังที่แบบดูจบแล้ว นี่ขอล่ะอย่าเพิ่งเปิดไฟได้มั้ย ขออินแป๊บ แต่ความเป็นจริง หนังจบปุ๊บ เปิดไฟปั๊บ จากที่กูกะลังอินๆ อยู่ต้องรีบเด้งขึ้นมาทำตัวปกติ ขอบคุณมาก #สัส
ขอสรุปแบบนี้ละกัน
Once = หนังสนุก เพลงเพราะแต่ไม่ป็อป ตอนจบเอาตาย ให้ไป 4 กะโหลกครึ่ง
Begin Again = หนังสนุก เพลงเพราะและป็อปมากกกก ตอนจบจัดว่าโอ ให้ไป 4 กะโหลกครึ่ง
ปล.สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูทั้ง 2 เรื่อง แนะนำไม่ถูกจริงๆ ว่าควรดูเรื่องไหนก่อน แต่ Once เป็นหนังเก่า แผ่นหาไม่ยากอยู่ในกระบะลดราคา รับประกันราคาไม่เกิน 80 บาท(ส่วนเรานั้น จำได้ว่าซื้อมาแล้วแน่ๆ ตั้งแต่ยังไม่เซล แต่ก็ยังไม่ได้ดูซักที จนได้มาดูในโรงเนี่ยแหละ ส่วนแผ่นน่ะเหรอ เชื่อว่าคงซุกอยู่ซักมุมใดมุมหนึ่งในกองมหาสมุทรแผ่น) สำหรับ Begin Again เข้าโรงฉายมาเดือนกว่า แต่ยังไม่ออก อาจจะหาดูยากซักหน่อย แต่สำหรับคอหนังรับรองว่าคุ้มค่ากะการนไปเสาะหาดู หรือถ้าจะรอแผ่นออก ช่วงนี้ก็ลองหาเพลงฟังไปพลางๆ ก่อน Lost Stars นี่มันเฮี้ยนจริงๆ
Once VS. Begin Again
Once : หัวใจร้องว่ารักเธอ
หนังเล่าเรื่องของหนุ่ม-สาว หน้าตาบ้านๆ ที่พบกันโดยบังเอิญ ชายหนุ่มทายาทร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ชอบดนตรีเลยไปเป็นนักดนตรีข้างถนน ส่วนหญิงสาวเป็นเหมือนเสาหลักของบ้านที่ต้องดูแลแม่และลูกสาว และต้องดิ้นรนใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ สิ่งที่ทำให้ทั้งสองผูกพันกันได้อย่างรวดเร็วคือ ดนตรี ที่เหมือนเป็นแรงผลักดันในตัวของทั้งคู่ให้กล้าออกเดินตามความฝัน
Begin Again : เพราะรักคือเพลงรัก
หนังเล่าเรื่องของ เกรต้า หญิงสาวที่เดินทางมานิวยอร์คกะแฟนหนุ่ม เดฟ ที่มาตามความฝันในการเป็นนักดนตรี แต่เมื่อเค้าได้เซ็นต์สัญญา กลับทิ้งหญิงสาวเพื่อไปหาอนาคตที่(คิดว่า) ดีกว่า แต่ด้วยพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของหญิงสาว ทำให้ไปเตะตา แดน โปรดิวเซอร์ที่กำลังตกอับเพราะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากะวงการเพลงในปัจจุบันได้ แล้วก็เป็น ดนตรี อีกนั่นแหละ ทีทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันและเป็นแรงส่งซึ่งกันและกันเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จที่รออยู่
อ่านจากเนื้อเรื่อง หนังเหมือนเป็นภาคต่อกันกลายๆ ใบปิดก็(โคตรจะ) คล้ายกัน แถมยังเดินเรื่องด้วย ชาย-หญิง ที่ผูกพันกันด้วยดนตรี แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น โดยที่เรื่องแรก ชายหนุ่มเป็นศูนย์กลาง ส่วนเรื่องหลังนั้น หญิงสาวเป็นศูนย์กลาง ที่สำคัญหนังทั้ง 2 เรื่องนี้เพลงเพราะมว๊าก เพราะแบบดูจบนี่อยากจะเดินไปร้านแผ่นซื้ออัลบั้มซาวน์แทร็คกลับมาซึมซับความรู้สึกกันต่อ(อันนี้ไม่ได้เว่อร์ !) ซึ่งจะมีผู้กำกับซักกี่คนที่สามารถทำหนังแนวทางเดียวกันเดี๊ยะ ให้ออกมาดีได้ทั้งสองเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าจะให้จำเพาะเจาะจงลงไปมากกว่านั้น Once มีความเป็นอินดี้ที่สูงกว่า นักแสดงที่ดูบ้านๆ แต่ก็ดูดีได้ด้วยเสียงดนตรี เพลงเพราะก็จริงแต่ก็ยังไม่ป็อปจนน่าจะถูกใจคนส่วนมาก แต่สำหรับ Begin Again นี่มาทางสายแมส ก็ดูกันมาตั้งแต่นักแสดงดิ ทั้ง Keira Knightley ทั้งฮัลค์(อันนี้ไม่ใช่ สัส) Mark Ruffalo เพลงก็โคตรจะป็อปสุดตีนเท่าที่จะป็อปได้(เห็นได้จาก Lost Stars เป็นตัวอย่าง) แถมยังได้ Adam Levine นักร้องโคตรป็อปแห่งยุคจากวงร็อค(ที่ปัจจุบันชักไม่แน่ใจว่ามันยังร็อคอยู่เปล่าเพราะเพลงโคตรป็อป) Maroon 5 ก็คิดเอาละกัน แต่ไม่ใช่แค่ว่าหนังสักแต่เลือกเพลงเพราะๆ มาใส่แค่นั้น เพราะทั้งหนังและเพลงในทั้งสองเรื่องนี้โคตรจะเกื้อกูลกัน ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากๆ ซึ่งมันก็โคตรจะช่วยให้คนดูอินไปกะหนังมากๆ และเอาใจช่วยตัวละครให้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจ(ในหนัง) นอกจากนั้นยังลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่ไม่ใช่สำหรับสองเรื่องนี้ Once มีตอนจบที่โคตรจะบาดใจ และเป็นตอนจบแบบเปิด ให้คนดูอยากรู้และอยากติดตาม(ไม่ใช่แบบนะ) ไอ้สองตัวละครนำมากกว่านี้และอยากให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้ทั้งคู่เกิดเปลี่ยนใจจนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งให้จงได้(แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าหนังมันจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งจริง เราจะชอบหนังมากเท่านี้หรือเปล่า) ส่วน Begin Again มีตอบจบที่ค่อนข้างคลี่คลายกว่า แม้จะไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งแบบ 100 % แต่มันก็อยู่ที่ราวๆ 90 % แล้วล่ะ และเราก็ไม่ได้หวังให้ 2 ตัวละครนำได้กันด้วย จบแบบที่เป็นอยู่นั่นแหละถือว่าโอแล้ว จุดร่วมของหนังทั้งสองเรื่องสำหรับเราคือ เป็นหนังที่ดูแล้วแบบน้ำตาซึมออกมาเอง แถมยังอมยิ้มในความน่ารักน่าชังของหนังด้วย Complicated มาก เป็นหนังที่แบบดูจบแล้ว นี่ขอล่ะอย่าเพิ่งเปิดไฟได้มั้ย ขออินแป๊บ แต่ความเป็นจริง หนังจบปุ๊บ เปิดไฟปั๊บ จากที่กูกะลังอินๆ อยู่ต้องรีบเด้งขึ้นมาทำตัวปกติ ขอบคุณมาก #สัส
ขอสรุปแบบนี้ละกัน
Once = หนังสนุก เพลงเพราะแต่ไม่ป็อป ตอนจบเอาตาย ให้ไป 4 กะโหลกครึ่ง
Begin Again = หนังสนุก เพลงเพราะและป็อปมากกกก ตอนจบจัดว่าโอ ให้ไป 4 กะโหลกครึ่ง
ปล.สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูทั้ง 2 เรื่อง แนะนำไม่ถูกจริงๆ ว่าควรดูเรื่องไหนก่อน แต่ Once เป็นหนังเก่า แผ่นหาไม่ยากอยู่ในกระบะลดราคา รับประกันราคาไม่เกิน 80 บาท(ส่วนเรานั้น จำได้ว่าซื้อมาแล้วแน่ๆ ตั้งแต่ยังไม่เซล แต่ก็ยังไม่ได้ดูซักที จนได้มาดูในโรงเนี่ยแหละ ส่วนแผ่นน่ะเหรอ เชื่อว่าคงซุกอยู่ซักมุมใดมุมหนึ่งในกองมหาสมุทรแผ่น) สำหรับ Begin Again เข้าโรงฉายมาเดือนกว่า แต่ยังไม่ออก อาจจะหาดูยากซักหน่อย แต่สำหรับคอหนังรับรองว่าคุ้มค่ากะการนไปเสาะหาดู หรือถ้าจะรอแผ่นออก ช่วงนี้ก็ลองหาเพลงฟังไปพลางๆ ก่อน Lost Stars นี่มันเฮี้ยนจริงๆ