บอกได้เลยว่าสำคัญมาก หลายๆคนมักเอาคำว่างมงาย พิสูจน์ จับต้องได้มาเป็นเกณฑ์ในทางศาสนาซึ่งผิดตั้งแต่แรก
- พระพุทธเจ้าหรือสมณโคดม ก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ถามว่าบนโลกนี้มีใครตรัสรู้ก่อนหรือยัง คำตอบคือไม่มี
แม้แต่อาจารย์ของท่านทั้ง 2 คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร และ อุทกดาบส รามบุตร ก็ไปถึงแค่สมาบัติ 8 เท่านั้น
ถ้าพระพุทธเจ้าเชื่อเหมือนคนอื่นว่าการตรัสรู้ไม่มีจริง เป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ พิสูจน์ก็ไม่ได้ ลักษณะแบบนี้คนสมัยใหม่จะเรียกว่า"งมงาย"
แต่พระพุทธเจ้าท่านอยากหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง ท่านจึงอาศัยศรัทธา ความเชื่อ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นตัวนำพาไปสู่การตรัสรู้
ดังที่ท่านได้กล่าวพระปณิธานแน่วแน่ "จะพยายามเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณให้จงได้ แม้ว่าเลือดเนื้อและโลหิตจะเหือดแห้งไป
เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็ตาม ก็จะไม่ยอมลุกขึ้นเป็นอันขาด" ถ้าไม่มีศรัทธา ความมุ่งมั่นไฉนเลยท่านจะกล้าเอาชีวิตเข้าแลกกับสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้ ไม่สามารถมองเห็น และยังไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า ถ้าเป็นคนสมัยนี้คงพูดว่าโง่ งมงาย ไร้สาระ
- ศาสนาพุทธเกิดขึ้นมาได้เพราะศรัทธา ความเชื่อ ความมุ่งมั่นพยายามของพระพุทธเจ้าโดยแท้
ถ้าท่านคิดอยู่ในกรอบเหมือนคนอื่นป่านนี้คงไม่มีศาสนาพุทธถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกแล้วละ
- สำหรับศาสนาพุทธบางทีก็เหมือนกับว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา บางคนมือสั้นเพราะมัวแต่อยู่ในกรอบ เอาวิทยาศาสตร์มาปนเปมั่วซั่วไปหมด
ส่วนพระไตรปิฎกมีไว้อ่าน แต่ก็อ่านแค่นั้นโดยไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทฤษฎีกับปฏิบัติหลายๆกรณีมันก็แตกต่างกัน
ชีวิตนี้เลยย่ำอยู่กับที่ 5 ปีก็แล้ว 10 ปีก็แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีศาสนาก็เหมือนไม่มีเพราะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
ส่วนคนที่เขามือยาวกว่าเขาก็สาวไปไกลเกินกว่าที่จะกลับมาบอกอะไรคุณได้อีก(ถึงบอกไปคุณก็ไม่เข้าใจ เพราะคุณยังไปไม่ถึง)
เพราะกับศาสนาพุทธเดินหน้าแล้วถอยหลังกลับไม่ได้ คนที่บรรลุธรรมแล้วก็บรรลุธรรมเลย ไม่มีทางหลุดจากธรรม มีแต่เดินหน้าเลื่อนขั้นต่อไป
ความเชื่อนั้นสำคัญไฉน?
- พระพุทธเจ้าหรือสมณโคดม ก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ถามว่าบนโลกนี้มีใครตรัสรู้ก่อนหรือยัง คำตอบคือไม่มี
แม้แต่อาจารย์ของท่านทั้ง 2 คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร และ อุทกดาบส รามบุตร ก็ไปถึงแค่สมาบัติ 8 เท่านั้น
ถ้าพระพุทธเจ้าเชื่อเหมือนคนอื่นว่าการตรัสรู้ไม่มีจริง เป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ พิสูจน์ก็ไม่ได้ ลักษณะแบบนี้คนสมัยใหม่จะเรียกว่า"งมงาย"
แต่พระพุทธเจ้าท่านอยากหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง ท่านจึงอาศัยศรัทธา ความเชื่อ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นตัวนำพาไปสู่การตรัสรู้
ดังที่ท่านได้กล่าวพระปณิธานแน่วแน่ "จะพยายามเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณให้จงได้ แม้ว่าเลือดเนื้อและโลหิตจะเหือดแห้งไป
เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็ตาม ก็จะไม่ยอมลุกขึ้นเป็นอันขาด" ถ้าไม่มีศรัทธา ความมุ่งมั่นไฉนเลยท่านจะกล้าเอาชีวิตเข้าแลกกับสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้ ไม่สามารถมองเห็น และยังไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า ถ้าเป็นคนสมัยนี้คงพูดว่าโง่ งมงาย ไร้สาระ
- ศาสนาพุทธเกิดขึ้นมาได้เพราะศรัทธา ความเชื่อ ความมุ่งมั่นพยายามของพระพุทธเจ้าโดยแท้
ถ้าท่านคิดอยู่ในกรอบเหมือนคนอื่นป่านนี้คงไม่มีศาสนาพุทธถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกแล้วละ
- สำหรับศาสนาพุทธบางทีก็เหมือนกับว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา บางคนมือสั้นเพราะมัวแต่อยู่ในกรอบ เอาวิทยาศาสตร์มาปนเปมั่วซั่วไปหมด
ส่วนพระไตรปิฎกมีไว้อ่าน แต่ก็อ่านแค่นั้นโดยไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทฤษฎีกับปฏิบัติหลายๆกรณีมันก็แตกต่างกัน
ชีวิตนี้เลยย่ำอยู่กับที่ 5 ปีก็แล้ว 10 ปีก็แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีศาสนาก็เหมือนไม่มีเพราะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
ส่วนคนที่เขามือยาวกว่าเขาก็สาวไปไกลเกินกว่าที่จะกลับมาบอกอะไรคุณได้อีก(ถึงบอกไปคุณก็ไม่เข้าใจ เพราะคุณยังไปไม่ถึง)
เพราะกับศาสนาพุทธเดินหน้าแล้วถอยหลังกลับไม่ได้ คนที่บรรลุธรรมแล้วก็บรรลุธรรมเลย ไม่มีทางหลุดจากธรรม มีแต่เดินหน้าเลื่อนขั้นต่อไป