ผมเขียนกระทู้นี้ เพราะอยากให้เพื่อน Bigbike มือใหม่เหมือนกัน ไปลองขี่ฝึกมือ หาประสบการณ์ในสนามกัน "ไม่ได้ชวนไปลงแข่งนะครับ" และอยากเล่าให้ฟังว่าในสนามแข่งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แถมได้ประโยชน์มากกว่าที่คิด
เกริ่นนิด ผมเคยไปขี่ในสนามครั้งแรกกับทาง Ducati WDC2013 ที่เขาจัดกิจกรรมเหมาสนามพีระ เพื่อให้ผู้ใช้ Ducati มาพบปะกันแถมด้วยขี่เล่นหาประสบการณ์ในสนาม แต่ไม่ได้มีการสอนครับ
หลังจากครั้งนั่น รู้สึกไม่ได้แหละเคยเรียน Basic วนกรวยมา แต่ไม่เข้าใจว่าเวลามันบิด 120-150 km/hr มันเอามาใช้ยังไง เคยวนกรวยเข้าโค้งก็วิ่งแค่ 40 km/hr ผมก็เลยไปเรียนกับ อ.น้อย (Noy thitikorn) ที่ Thailand circuit ตอนนั่นใช้ M795
เวลาผ่านไปผมเปลี่ยนแนวรถเป็น Touring V-strom650 ก็เลยไป Thailand circuit อีกครั้ง เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับรถ และไปลองเปลี่ยนสไตค์การขับขี่
หลายคนเข้าใจว่าสนามแข่ง ต้องไปแข่งอย่างเดียว เหมือนเป็นสถานที่ต้องห้ามของ ชาว Bigbike สายท่องเที่ยว หรือ Bigbike น้องใหม่ พอเอ่ยถึงสนามแข่ง ต้องดูเหมือนว่ามันจะเร็วทะลุโลก ต้องมีล้ม รถต้องตีลังกา เสียบกันปลิ้น กระเด็นเหมือนใน youtube แน่ ๆ
แต่ความจริง ผมอยากบอกว่า มันเป็นสถานที่ มือใหม่ หรือ เมื่อคุณได้รถคันใหม่มา ควรไปลงขี่ เพื่อให้คุ้นเคยกับรถครับ
ทำไมนะหรือครับ เพราะมันปลอดภัยกว่าถนนหลวงมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
(ขออนุญาติเจ้าของรูปทั้ง 2 รูป ณ ที่นี่ด้วยครับ แหล่งที่มาจาก link ใต้รูปครับ)
1.พื้นสนาม ถูกสร้างมาเพื่อให้ยึดเกาะได้ดีกว่าถนนหลายเท่าตัวนัก
2.ไม่มีรถสวนเลนส์ ทุกคนวิ่งทางเดียว
3.ไม่มีเศษ หิน ดิน ทราย น้ำมันหก ที่จะทำให้เราลื่น
4.โค้งสวย ๆ โค้งยาก ๆ ที่คุณจะเจอเฉพาะบนเขาลึก ๆ มีให้คุณได้ลองเพียบ แถมยังซ้ำได้ไม่รู้กี่สิบรอบ
5.ล้มแล้วไม่โดนรถทับ หรือกระเด็นไปโดนขอบทาง เพราะสนามจะมีหญ้า ทราย หรือยางรถกัน เพื่อเป็นพื้นที่เผื่อเราหลุดโค้ง ให้วิ่งทะลุไปได้
6.ปกติบนท้องถนน คุณใช้ศักยภาพรถแค่ 60% ถ้าในสนามคุณจะสามารถทดลองดึงศักยภาพออกมาได้มากเกือบ 100% และเมื่อคุณสามารถดึงมันออกมาได้ 100% เมื่อไหร่ ใครเปลี่ยนโช็ค Ohlins ก็จะได้รู้แหละว่ามันไม่ได้มีดีแค่สีทองกับโลโก้สีฟ้า ใครใช้ Rosso2 ก็จะได้รู้ว่ามันเกาะกว่าแค่ไหน
สรุปคือมันตัดสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ออก ให้เราโฟกัสแค่ ตัวเรา รถเรา และถนน
ถ้ามีแค่นี้ "คุณยังคุมรถตัวเองไม่ได้ แล้วคิดว่าบนเขาถนนหลวงคุณจะคุมรถตัวเองได้หรือ"
ปล. ส่วนใหญ่ที่นักแข่งล้มในสนามเพราะเขาต้องการทำความเร็วให้เหนือขีดจำกัดของตนเอง ถ้าขี่ตามปกติไม่ล้มกันง่าย ๆ ครับ
ความคิดผิด ๆ ที่ผมเคยเข้าใจผิด
1.สนามสร้างเพื่อเฉพาะนักแข่ง - ไม่จริงครับ ถ้าเขาจะมีแข่ง เขาจะปิดสนาม ถ้าเขาไม่ปิดสนาม แสดงว่าเราก็มีสิทธิเข้าไปใช้ได้
2.ต้องเป็นรถ sport มีแฟริ่ง และต้องยางสลิค เท่านั่น - ไม่จริงครับ รถอะไรก็ไปฝึกได้ครับ Touring Motard KSR wave100(แต่ยังไม่เคยเห็น Vespa กับ scooter)
3.ต้องขี่เร็ว เท่านั่น มีเท่าไหร่ ใส่หมดปลอก -ไม่จริงครับ เราขี่เท่าที่เราขี่ได้พอครับ
ปล. แต่ที่จริง คือ อุปกรณ์เซฟตี้ ต้องมีครบครับ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นไม่ได้นะครับ 555
4.ท่าต้องเยอะแบบเข่าเช็ดพื้นเท่านั่น - ไม่จริงครับ จะไปขี่ท่าไหนก็ได้หมด จะ Lean in. Lean out. โมตาร์ด Hang on ได้หมด เอาที่เราถนัด เอาที่เราอยากหัด แต่ขออย่าให้เป๋ไปเป๋มา แกว่งไปโดนคนอื่นก็พอ
แนะนำว่าควรมีสนับเข่าเป็นอย่างมากครับ ไม่ต้องเอาแพงมากก็ได้ แต่ขอให้มีครับ ส่วน Racing suit ถ้าใครรักการขี่ Big Bike จะมีเก็บไว้สักตัวก็ไม่แปลกนะครับ มันออกแบบเพื่อให้เราขยับออกท่าทางได้ดีที่สุด และขณะเดียวกันก็ป้องกันตัวเราได้มากทึ่สุดด้วย ไม่ต้องเลือกที่แพงมาก ตัวละหมื่นนิด ๆ ก็มีครับ ตัวเดียวใส่ไปเลย 5-10 ปี นู่น แต่อยากให้ใส่ได้หลายโอกาศ ก็ Combine แบบแยกชิ้น (แต่ถ้าแยกชิ้นเท่าที่เห็นขายกันจะแพงประมาณ 3 หมื่นขึ้นหมด)
รถอะไรก็ไปขี่ได้ครับ
(รูปจาก FB Aj Noy Thitikorn ถ้าเจ้าของภาพเห็นไม่สมควร รบกวนช่วยบอกผมจะลบออกทันทีครับ)
2 ท่าน ขวามือ เป็นสาวสวย (ผมไม่เคยเห็นหน้านะ แฮะ แฮะ) ที่ไปเรียน จากขี่ไม่เป็นเลย ก็ลงเรียนในสนามแข่งเลย
ชวน Bigbike มือใหม่ ไปขี่สนามแข่ง (track) ภาคเรียนเสริม
เกริ่นนิด ผมเคยไปขี่ในสนามครั้งแรกกับทาง Ducati WDC2013 ที่เขาจัดกิจกรรมเหมาสนามพีระ เพื่อให้ผู้ใช้ Ducati มาพบปะกันแถมด้วยขี่เล่นหาประสบการณ์ในสนาม แต่ไม่ได้มีการสอนครับ
หลังจากครั้งนั่น รู้สึกไม่ได้แหละเคยเรียน Basic วนกรวยมา แต่ไม่เข้าใจว่าเวลามันบิด 120-150 km/hr มันเอามาใช้ยังไง เคยวนกรวยเข้าโค้งก็วิ่งแค่ 40 km/hr ผมก็เลยไปเรียนกับ อ.น้อย (Noy thitikorn) ที่ Thailand circuit ตอนนั่นใช้ M795
เวลาผ่านไปผมเปลี่ยนแนวรถเป็น Touring V-strom650 ก็เลยไป Thailand circuit อีกครั้ง เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับรถ และไปลองเปลี่ยนสไตค์การขับขี่
หลายคนเข้าใจว่าสนามแข่ง ต้องไปแข่งอย่างเดียว เหมือนเป็นสถานที่ต้องห้ามของ ชาว Bigbike สายท่องเที่ยว หรือ Bigbike น้องใหม่ พอเอ่ยถึงสนามแข่ง ต้องดูเหมือนว่ามันจะเร็วทะลุโลก ต้องมีล้ม รถต้องตีลังกา เสียบกันปลิ้น กระเด็นเหมือนใน youtube แน่ ๆ
แต่ความจริง ผมอยากบอกว่า มันเป็นสถานที่ มือใหม่ หรือ เมื่อคุณได้รถคันใหม่มา ควรไปลงขี่ เพื่อให้คุ้นเคยกับรถครับ
ทำไมนะหรือครับ เพราะมันปลอดภัยกว่าถนนหลวงมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
(ขออนุญาติเจ้าของรูปทั้ง 2 รูป ณ ที่นี่ด้วยครับ แหล่งที่มาจาก link ใต้รูปครับ)
1.พื้นสนาม ถูกสร้างมาเพื่อให้ยึดเกาะได้ดีกว่าถนนหลายเท่าตัวนัก
2.ไม่มีรถสวนเลนส์ ทุกคนวิ่งทางเดียว
3.ไม่มีเศษ หิน ดิน ทราย น้ำมันหก ที่จะทำให้เราลื่น
4.โค้งสวย ๆ โค้งยาก ๆ ที่คุณจะเจอเฉพาะบนเขาลึก ๆ มีให้คุณได้ลองเพียบ แถมยังซ้ำได้ไม่รู้กี่สิบรอบ
5.ล้มแล้วไม่โดนรถทับ หรือกระเด็นไปโดนขอบทาง เพราะสนามจะมีหญ้า ทราย หรือยางรถกัน เพื่อเป็นพื้นที่เผื่อเราหลุดโค้ง ให้วิ่งทะลุไปได้
6.ปกติบนท้องถนน คุณใช้ศักยภาพรถแค่ 60% ถ้าในสนามคุณจะสามารถทดลองดึงศักยภาพออกมาได้มากเกือบ 100% และเมื่อคุณสามารถดึงมันออกมาได้ 100% เมื่อไหร่ ใครเปลี่ยนโช็ค Ohlins ก็จะได้รู้แหละว่ามันไม่ได้มีดีแค่สีทองกับโลโก้สีฟ้า ใครใช้ Rosso2 ก็จะได้รู้ว่ามันเกาะกว่าแค่ไหน
สรุปคือมันตัดสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ออก ให้เราโฟกัสแค่ ตัวเรา รถเรา และถนน
ถ้ามีแค่นี้ "คุณยังคุมรถตัวเองไม่ได้ แล้วคิดว่าบนเขาถนนหลวงคุณจะคุมรถตัวเองได้หรือ"
ปล. ส่วนใหญ่ที่นักแข่งล้มในสนามเพราะเขาต้องการทำความเร็วให้เหนือขีดจำกัดของตนเอง ถ้าขี่ตามปกติไม่ล้มกันง่าย ๆ ครับ
ความคิดผิด ๆ ที่ผมเคยเข้าใจผิด
1.สนามสร้างเพื่อเฉพาะนักแข่ง - ไม่จริงครับ ถ้าเขาจะมีแข่ง เขาจะปิดสนาม ถ้าเขาไม่ปิดสนาม แสดงว่าเราก็มีสิทธิเข้าไปใช้ได้
2.ต้องเป็นรถ sport มีแฟริ่ง และต้องยางสลิค เท่านั่น - ไม่จริงครับ รถอะไรก็ไปฝึกได้ครับ Touring Motard KSR wave100(แต่ยังไม่เคยเห็น Vespa กับ scooter)
3.ต้องขี่เร็ว เท่านั่น มีเท่าไหร่ ใส่หมดปลอก -ไม่จริงครับ เราขี่เท่าที่เราขี่ได้พอครับ
ปล. แต่ที่จริง คือ อุปกรณ์เซฟตี้ ต้องมีครบครับ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นไม่ได้นะครับ 555
4.ท่าต้องเยอะแบบเข่าเช็ดพื้นเท่านั่น - ไม่จริงครับ จะไปขี่ท่าไหนก็ได้หมด จะ Lean in. Lean out. โมตาร์ด Hang on ได้หมด เอาที่เราถนัด เอาที่เราอยากหัด แต่ขออย่าให้เป๋ไปเป๋มา แกว่งไปโดนคนอื่นก็พอ
แนะนำว่าควรมีสนับเข่าเป็นอย่างมากครับ ไม่ต้องเอาแพงมากก็ได้ แต่ขอให้มีครับ ส่วน Racing suit ถ้าใครรักการขี่ Big Bike จะมีเก็บไว้สักตัวก็ไม่แปลกนะครับ มันออกแบบเพื่อให้เราขยับออกท่าทางได้ดีที่สุด และขณะเดียวกันก็ป้องกันตัวเราได้มากทึ่สุดด้วย ไม่ต้องเลือกที่แพงมาก ตัวละหมื่นนิด ๆ ก็มีครับ ตัวเดียวใส่ไปเลย 5-10 ปี นู่น แต่อยากให้ใส่ได้หลายโอกาศ ก็ Combine แบบแยกชิ้น (แต่ถ้าแยกชิ้นเท่าที่เห็นขายกันจะแพงประมาณ 3 หมื่นขึ้นหมด)
รถอะไรก็ไปขี่ได้ครับ
(รูปจาก FB Aj Noy Thitikorn ถ้าเจ้าของภาพเห็นไม่สมควร รบกวนช่วยบอกผมจะลบออกทันทีครับ)
2 ท่าน ขวามือ เป็นสาวสวย (ผมไม่เคยเห็นหน้านะ แฮะ แฮะ) ที่ไปเรียน จากขี่ไม่เป็นเลย ก็ลงเรียนในสนามแข่งเลย