นานๆจะดูทีวีสักทีค่ะ ก็ได้ดูซิทคอมช่องโมเดิร์นไนน์ติดต่อกัน พบว่าในแต่ละเรื่อง
ขายความฮาด้วยพฤติกรรม "สามีกลัวภรรยา" และโดนภรรยาทำร้ายร่างกายกัน
อย่างขำขัน
มองแว่บหนึ่งก็อาจคิดได้ว่าแค่เรื่องตลก
มองอีกแว่บหนึ่งก็อาจคิดได้ว่านี่คือการบอกสังคมว่าผู้หญิงก็เท่าเทียมผู้ชายนะ
แต่มองอีกแว่บหนึ่งดิฉันก็รู้ว่ามันไม่ใช่ทั้งสอง
อย่างแรก ความรุนแรงทุกระดับไม่ใช่สิ่งที่สมควรถูกยอมรับได้นะคะ
แต่ในละครไทยทุกๆเรื่องเราทำให้มันเป็นเรื่องที่ชินชาและผ่านเลยไป
แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือคะ?
อย่างที่สอง ความเท่าเทียมระหว่างเพศไม่ใช่ผู้หญิงเหนือกว่าผู้ชาย
หรือผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง แต่คือที่สองเพศมีความเท่าเทียมกัน
ในทุกๆด้าน ไม่มีใครทำร้ายร่างกายใครได้ค่ะ ไม่มีใครต้องเชื่อฟังใคร
เพียงฝ่ายเดียว
ซึ่งการพยายามนำเสนอแง่มุมให้ผู้หญิงตบหัว ดึงหูสามี ผู้ชายกลัวเมีย
มันมีเซ้นส์ของการมองว่า...ให้เกียรติผู้หญิง...เพราะ...ผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชาย
ถึงแม้ความจริงในธรรมชาติผู้หญิงจะมีสรีระที่ดูอ่อนแอกว่าผู้ชาย
แต่ในฐานะความเป็นมนุษย์เราไม่มีสิทธิเหนือตัวคนอื่นค่ะ
(เอาจริงแล้วผู้หญิงบางคนก็แข็งแรงกว่าผู้ชาย)
อีกประการคือละครที่ดิฉันดูต่างทำให้ผู้หญิงเป็นเพศที่แสนโวยวาย
ไร้เหตุผล น่ารำคาญ ต้องคอยทำให้ผู้ชายใส่ใจสนใจ ดิฉันรู้สึกว่า
โลกเรามาถึงขนาดนี้แล้วนะคะ แต่มายาคติทางเพศแบบเก่ายังคงอยู่
อีกหรือคะ? พฤติกรรมดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องของเพศค่ะ เพศไหนก็เป็นได้
และการนำเสนอแบบนั้นก็เป็นการตอกย้ำเข้าไปอีกว่า..."ผู้หญิงนั้นด้อยกว่าผู้ชาย"
เพราะผู้ชายใช้เหตุผล มีความอดทน เชื่อฟังภรรยา เป็นต้น
ละครยุคใหม่ควรที่จะชี้นำในสังคมได้แล้วนะคะ ให้เป็นไปตามโลกสมัยใหม่
(ที่ดี) ความเท่าเทียมระหว่างเพศในทุกมิติ การไม่ใช้ความรุนแรงในทุกระดับ
ซึ่งละครไทยควรหันมาส่งเสริมได้แล้วนะคะ คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงพวกคุณ
ที่จะช่วยชี้นำความคิดให้คนในสังคมนี้ ไม่ใช่เห็นแก่เงินสนใจแต่เรตติ้ง
และอ้างแต่ว่า "คนไทยชอบดู" ไม่ได้ ดิฉันเชื่อค่ะว่าพวกคุณมีความสามารถ
ทื่จะสร้างละครตามแนวคิดสมัยใหม่ให้คนทั้งบ้านเมืองติดตามได้ค่ะ
...ดิฉันกำลังเรียกร้องความกล้าหาญทางจริยธรรมจากพวกคุณอยู่ค่ะ
ดิฉันซีเรียสกับมันนะคะ บางท่านอาจบอกว่ามันแค่ละคร ใช่ค่ะมันแค่ละคร
หากแต่มันไม่ได้ให้แค่ความบันเทิงเท่านั้น ละครยังสร้างอิทธิพลต่อความคิด
ความรู้สึกของคนดูอย่างแนบเนียนที่สุด ไม่เชื่อลองนึกดูสิคะว่า เราเคยติด
อารมร์จาก หนัง ละคร หรือนิยาย มาผูกพันกับอารมณ์ตัวเองในสถานการณ์
จริงบ้างไหมคะ...
คิดเห็นยังไงกับการมีฉากความรุนแรงในครอบครัวแบบนี้คะ?
ขายความฮาด้วยพฤติกรรม "สามีกลัวภรรยา" และโดนภรรยาทำร้ายร่างกายกัน
อย่างขำขัน
มองแว่บหนึ่งก็อาจคิดได้ว่าแค่เรื่องตลก
มองอีกแว่บหนึ่งก็อาจคิดได้ว่านี่คือการบอกสังคมว่าผู้หญิงก็เท่าเทียมผู้ชายนะ
แต่มองอีกแว่บหนึ่งดิฉันก็รู้ว่ามันไม่ใช่ทั้งสอง
อย่างแรก ความรุนแรงทุกระดับไม่ใช่สิ่งที่สมควรถูกยอมรับได้นะคะ
แต่ในละครไทยทุกๆเรื่องเราทำให้มันเป็นเรื่องที่ชินชาและผ่านเลยไป
แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือคะ?
อย่างที่สอง ความเท่าเทียมระหว่างเพศไม่ใช่ผู้หญิงเหนือกว่าผู้ชาย
หรือผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง แต่คือที่สองเพศมีความเท่าเทียมกัน
ในทุกๆด้าน ไม่มีใครทำร้ายร่างกายใครได้ค่ะ ไม่มีใครต้องเชื่อฟังใคร
เพียงฝ่ายเดียว
ซึ่งการพยายามนำเสนอแง่มุมให้ผู้หญิงตบหัว ดึงหูสามี ผู้ชายกลัวเมีย
มันมีเซ้นส์ของการมองว่า...ให้เกียรติผู้หญิง...เพราะ...ผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชาย
ถึงแม้ความจริงในธรรมชาติผู้หญิงจะมีสรีระที่ดูอ่อนแอกว่าผู้ชาย
แต่ในฐานะความเป็นมนุษย์เราไม่มีสิทธิเหนือตัวคนอื่นค่ะ
(เอาจริงแล้วผู้หญิงบางคนก็แข็งแรงกว่าผู้ชาย)
อีกประการคือละครที่ดิฉันดูต่างทำให้ผู้หญิงเป็นเพศที่แสนโวยวาย
ไร้เหตุผล น่ารำคาญ ต้องคอยทำให้ผู้ชายใส่ใจสนใจ ดิฉันรู้สึกว่า
โลกเรามาถึงขนาดนี้แล้วนะคะ แต่มายาคติทางเพศแบบเก่ายังคงอยู่
อีกหรือคะ? พฤติกรรมดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องของเพศค่ะ เพศไหนก็เป็นได้
และการนำเสนอแบบนั้นก็เป็นการตอกย้ำเข้าไปอีกว่า..."ผู้หญิงนั้นด้อยกว่าผู้ชาย"
เพราะผู้ชายใช้เหตุผล มีความอดทน เชื่อฟังภรรยา เป็นต้น
ละครยุคใหม่ควรที่จะชี้นำในสังคมได้แล้วนะคะ ให้เป็นไปตามโลกสมัยใหม่
(ที่ดี) ความเท่าเทียมระหว่างเพศในทุกมิติ การไม่ใช้ความรุนแรงในทุกระดับ
ซึ่งละครไทยควรหันมาส่งเสริมได้แล้วนะคะ คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงพวกคุณ
ที่จะช่วยชี้นำความคิดให้คนในสังคมนี้ ไม่ใช่เห็นแก่เงินสนใจแต่เรตติ้ง
และอ้างแต่ว่า "คนไทยชอบดู" ไม่ได้ ดิฉันเชื่อค่ะว่าพวกคุณมีความสามารถ
ทื่จะสร้างละครตามแนวคิดสมัยใหม่ให้คนทั้งบ้านเมืองติดตามได้ค่ะ
...ดิฉันกำลังเรียกร้องความกล้าหาญทางจริยธรรมจากพวกคุณอยู่ค่ะ
ดิฉันซีเรียสกับมันนะคะ บางท่านอาจบอกว่ามันแค่ละคร ใช่ค่ะมันแค่ละคร
หากแต่มันไม่ได้ให้แค่ความบันเทิงเท่านั้น ละครยังสร้างอิทธิพลต่อความคิด
ความรู้สึกของคนดูอย่างแนบเนียนที่สุด ไม่เชื่อลองนึกดูสิคะว่า เราเคยติด
อารมร์จาก หนัง ละคร หรือนิยาย มาผูกพันกับอารมณ์ตัวเองในสถานการณ์
จริงบ้างไหมคะ...