คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
คงจริงแหละครับคนที่หน้าตาดีย่อมได้รับโอกาสทางสังคมมากกว่าคนหน้าตาไม่ดี
ยูเอสเอ ทูเดย์ – เงินอาจซื้อความสุขไม่ได้ แต่ผลศึกษาล่าสุดระบุความสวยความหล่อซื้อทั้งเงินและความสุขได้
นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเทกซัส-ออสตินวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นขนาดใหญ่ 5 ฉบับที่จัดทำขึ้นระหว่างปี 1971-2009 ในสหรัฐฯ แคนาดา เยอรมนีและอังกฤษ ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 25,000 คน ซึ่งพบว่าโดยทั่วไปแล้วคนสวยคนหล่อมีความสุขกว่าคนหน้าตาพื้นๆ หรือหน้าตาอัปลักษณ์
การวิเคราะห์ยังบ่งชี้ถึงผลทางเศรษฐกิจจากรูปลักษณ์ ซึ่งเป็นสัดส่วนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความสุขของคนหน้าตาดี
“ผลจากรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจส่วนใหญ่มาจากผลที่มีต่อทรัพยากรทางเศรษฐกิจ” แดเนียล แฮมเมอร์เมช ผู้นำการจัดทำรายงานที่ศึกษาผลจากเสน่ห์ดึงดูดมานานหลายปี ระบุ
การศึกษาหลายฉบับ รวมถึงการวิจัยของแฮมเมอร์เมชก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าความงดงามมีส่วนสนับสนุนด้านเงินๆ ทองๆ จากการสร้างความร่ำรวยในหลายวิธีด้วยกัน เช่น คนหน้าตาดีมักมีรายได้มากกว่า และได้แต่งงานกับคนหน้าตาดีที่มีรายได้ดีด้วยเช่นเดียวกัน
ในการศึกษาฉบับใหม่ ผู้เข้าร่วมถูกซักถามเกี่ยวกับระดับความสุข โดยที่รูปร่างหน้าตาของผู้เข้าร่วมจะถูกให้คะแนนโดยผู้สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวหรือจากภาพถ่าย ผลปรากฏว่าพวกที่อยู่ในกลุ่มหน้าตาดีที่สุด 15% มีความสุขมากกว่าพวกที่อยู่ในกลุ่มหน้าตาแย่ 10% ด้านท้ายตารางเกิน 10%
“โดยรวมแล้วกลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 3 มีหน้าตาดีกว่าเกณฑ์เฉลี่ยหรือมีเสน่ห์ และ 10-15% มีเสน่ห์ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยหรือหน้าตาพื้นๆ และกลุ่มที่อยู่ตรงกลางซึ่งมีจำนวนมากที่สุดหน้าตาไม่ถือว่าดีหรือแย่” แฮมเมอร์เมชอธิบาย
แม้ไม่ได้อ่านรายงานฉบับนี้ ท็อดด์ แคชแดน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยจอร์จ เมสันในเวอร์จิเนีย ที่ศึกษาภาวะที่เป็นสุข แสดงทัศนะว่าการค้นพบนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
“คิดถึงว่านั่นเป็นประตูไปสู่สิ่งที่คุณต้องการจากชีวิต ตั้งแต่การสัมภาษณ์งาน เดทแรก การสร้างความประทับใจแรกเริ่ม การโน้มน้าวและมีอิทธิพลต่อคนอื่น เสน่ห์ทำให้เรามีแต้มต่อ คนหน้าตาดีจะได้ในสิ่งที่คนหน้าตาบ้านๆ หรือขี้เหร่ไม่มีทางได้”
แม้การค้นพบนี้ที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารของสถาบันเพื่อการศึกษาด้านแรงงานของเยอรมนี เป็นเรื่องจริงสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่นักวิจัยกล่าวว่าหน้าตาที่ดูดีมีผลต่อความสุขของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
แต่ถ้าถามว่าผลศึกษานี้ทำให้เราควรต้องคิดใหม่เรื่องการทำศัลยกรรมพลาสติกหรือวิธีเสริมเสน่ห์อื่นๆ หรือไม่นั้น แฮมเมอร์เมชอ้างอิงรายงานปี 2002 ที่เขาทำการศึกษาเกี่ยวกับผลจากการปรับปรุงเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งพบว่าไม่ได้ช่วยอะไรมาก เนื่องจากความงามมักถูกตัดสินจากรูปทรงและเครื่องเคราบนใบหน้าที่ประกอบกันอย่างสมดุลมากกว่า
ริชาร์ด ไรอัน ศาสตราจารย์จิตวิทยา จิตเวชและการศึกษาของมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ในนิวยอร์ก เรียกร้องให้ใช้วิจารณญาณในการปรับปรุงรูปลักษณ์ เนื่องจากการวิจัยพบว่าคนที่ไล่ล่าหาทางเสริมเสน่ห์มักมีความสุขน้อยลง
ไรอันทำการวิจัยที่เผยแพร่ออกมาในปี 2009 ในเจอร์นัล ออฟ รีเสิร์ช อิน เพอร์ซันแนลลิตี้ ที่ติดตามตรวจสอบบัณฑิต 147 คนจากมหาวิทยาลัยสองแห่ง และพบว่าคนที่เป้าหมายในชีวิตเกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ของตัวเองมีความสุขน้อยลงเมื่อเป้าหมายสัมฤทธิ์ผล
แคชแดน ผู้ร่วมจัดทำรายงานเรื่อง ‘ดีไซน์นิง เดอะ ฟิวเจอร์ ออฟ โพสิทีฟ ไซโคโลจี้’ ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อต้นปี สำทับว่างานศึกษาล่าสุดของแฮมเมอร์เมชตอกย้ำความจริงของมนุษย์
“การปฏิเสธว่าเสน่ห์ทางกายภาพเกี่ยวข้องกับการบรรลุเป้าหมายบางอย่างของคนเรา เป็นการปิดตาตัวเองจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก”
จิตวิทยาความลำเอียง
ที่มา
http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000069810
ยูเอสเอ ทูเดย์ – เงินอาจซื้อความสุขไม่ได้ แต่ผลศึกษาล่าสุดระบุความสวยความหล่อซื้อทั้งเงินและความสุขได้
นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเทกซัส-ออสตินวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นขนาดใหญ่ 5 ฉบับที่จัดทำขึ้นระหว่างปี 1971-2009 ในสหรัฐฯ แคนาดา เยอรมนีและอังกฤษ ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 25,000 คน ซึ่งพบว่าโดยทั่วไปแล้วคนสวยคนหล่อมีความสุขกว่าคนหน้าตาพื้นๆ หรือหน้าตาอัปลักษณ์
การวิเคราะห์ยังบ่งชี้ถึงผลทางเศรษฐกิจจากรูปลักษณ์ ซึ่งเป็นสัดส่วนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความสุขของคนหน้าตาดี
“ผลจากรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจส่วนใหญ่มาจากผลที่มีต่อทรัพยากรทางเศรษฐกิจ” แดเนียล แฮมเมอร์เมช ผู้นำการจัดทำรายงานที่ศึกษาผลจากเสน่ห์ดึงดูดมานานหลายปี ระบุ
การศึกษาหลายฉบับ รวมถึงการวิจัยของแฮมเมอร์เมชก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าความงดงามมีส่วนสนับสนุนด้านเงินๆ ทองๆ จากการสร้างความร่ำรวยในหลายวิธีด้วยกัน เช่น คนหน้าตาดีมักมีรายได้มากกว่า และได้แต่งงานกับคนหน้าตาดีที่มีรายได้ดีด้วยเช่นเดียวกัน
ในการศึกษาฉบับใหม่ ผู้เข้าร่วมถูกซักถามเกี่ยวกับระดับความสุข โดยที่รูปร่างหน้าตาของผู้เข้าร่วมจะถูกให้คะแนนโดยผู้สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวหรือจากภาพถ่าย ผลปรากฏว่าพวกที่อยู่ในกลุ่มหน้าตาดีที่สุด 15% มีความสุขมากกว่าพวกที่อยู่ในกลุ่มหน้าตาแย่ 10% ด้านท้ายตารางเกิน 10%
“โดยรวมแล้วกลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 3 มีหน้าตาดีกว่าเกณฑ์เฉลี่ยหรือมีเสน่ห์ และ 10-15% มีเสน่ห์ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยหรือหน้าตาพื้นๆ และกลุ่มที่อยู่ตรงกลางซึ่งมีจำนวนมากที่สุดหน้าตาไม่ถือว่าดีหรือแย่” แฮมเมอร์เมชอธิบาย
แม้ไม่ได้อ่านรายงานฉบับนี้ ท็อดด์ แคชแดน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยจอร์จ เมสันในเวอร์จิเนีย ที่ศึกษาภาวะที่เป็นสุข แสดงทัศนะว่าการค้นพบนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
“คิดถึงว่านั่นเป็นประตูไปสู่สิ่งที่คุณต้องการจากชีวิต ตั้งแต่การสัมภาษณ์งาน เดทแรก การสร้างความประทับใจแรกเริ่ม การโน้มน้าวและมีอิทธิพลต่อคนอื่น เสน่ห์ทำให้เรามีแต้มต่อ คนหน้าตาดีจะได้ในสิ่งที่คนหน้าตาบ้านๆ หรือขี้เหร่ไม่มีทางได้”
แม้การค้นพบนี้ที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารของสถาบันเพื่อการศึกษาด้านแรงงานของเยอรมนี เป็นเรื่องจริงสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่นักวิจัยกล่าวว่าหน้าตาที่ดูดีมีผลต่อความสุขของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
แต่ถ้าถามว่าผลศึกษานี้ทำให้เราควรต้องคิดใหม่เรื่องการทำศัลยกรรมพลาสติกหรือวิธีเสริมเสน่ห์อื่นๆ หรือไม่นั้น แฮมเมอร์เมชอ้างอิงรายงานปี 2002 ที่เขาทำการศึกษาเกี่ยวกับผลจากการปรับปรุงเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งพบว่าไม่ได้ช่วยอะไรมาก เนื่องจากความงามมักถูกตัดสินจากรูปทรงและเครื่องเคราบนใบหน้าที่ประกอบกันอย่างสมดุลมากกว่า
ริชาร์ด ไรอัน ศาสตราจารย์จิตวิทยา จิตเวชและการศึกษาของมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ในนิวยอร์ก เรียกร้องให้ใช้วิจารณญาณในการปรับปรุงรูปลักษณ์ เนื่องจากการวิจัยพบว่าคนที่ไล่ล่าหาทางเสริมเสน่ห์มักมีความสุขน้อยลง
ไรอันทำการวิจัยที่เผยแพร่ออกมาในปี 2009 ในเจอร์นัล ออฟ รีเสิร์ช อิน เพอร์ซันแนลลิตี้ ที่ติดตามตรวจสอบบัณฑิต 147 คนจากมหาวิทยาลัยสองแห่ง และพบว่าคนที่เป้าหมายในชีวิตเกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ของตัวเองมีความสุขน้อยลงเมื่อเป้าหมายสัมฤทธิ์ผล
แคชแดน ผู้ร่วมจัดทำรายงานเรื่อง ‘ดีไซน์นิง เดอะ ฟิวเจอร์ ออฟ โพสิทีฟ ไซโคโลจี้’ ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อต้นปี สำทับว่างานศึกษาล่าสุดของแฮมเมอร์เมชตอกย้ำความจริงของมนุษย์
“การปฏิเสธว่าเสน่ห์ทางกายภาพเกี่ยวข้องกับการบรรลุเป้าหมายบางอย่างของคนเรา เป็นการปิดตาตัวเองจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก”
จิตวิทยาความลำเอียง
ที่มา
http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000069810
สุดยอดความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
รู้สึกมั้ยว่า...คนหน้าตาสวยๆ หล่อๆ จะมีความสุขมากกว่าคนหน้าตาขี้เหร่ๆ~
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้