เคยเจ้งหุ้น ครับ เมื่อ 10 กว่าปี แต่ไม่ได้รอให้หมดตัว ตอนแรกเล่นไม่เป็น ลงทุนไป ประมาณ 7 แสน ขาดทุนเหลือไม่ถึง 3 แสน
ไม่ได้เครียด แต่เจ็บใจ ว่าทำไม ถึงเป็นอย่างนั้น ....จนที่สุด...ก็คิดว่าได้ เราลงทุนหุ้นเงินของเรา ไม่ควรไปฟังคนอื่น ไม่ควรตามใคร
หุ้นที่ขาดทุน ทุกวันนี้ยังถืออยู่ ครับ และไม่เคยทำอะไรกับมันเลย รับปันผลทุกปี
แต่ที่ทำเพิ่ม คือ ตั้งใจ ดูหุ้น ทุกตัวบนกระดาน อย่างมีสติ ตอนนั้น หุ้นมี 4 ร้อยกว่าตัว ....ดูทุกตัว แล้วคิด ถึงคนที่เขารวยหุ้นพันล้าน ว่าตอนที่เขาลงทุน
เขาคิดอะไรอยู่ ไปดูประวัติ แล้วอ่านแนวความคิดของเขา จนเข้าใจ ว่าตอนนั้น เขาคาดการณ์ว่า ธุรกิจพลังงาน เป็นธุรกิจที่ทุกคนต้องบริโภค และตัวไหนล่ะในกลุ่มพลังงาน ที่น่าจะเป็นตัวที่ควรจะสนใจ ... ปัจจัยอะไรที่จะเป็นตัวผลักดัน หุ้นตัวไหนได้บ้าง ที่จะทำให้หุ้นตัวนั้น โดดเด่นไปกว่าตัวอื่นในกลุ่มเดียวกัน สุดท้าย เขาก็เลือกมาหนึ่งตัว ด้วยปัจจัย การเมือง ผู้บริหาร ทิศทางโอกาสการเติบโตของสินค้า ตลอดจนทิศทางของกลุ่มผลประโยชน์ คดีความ และ ฯลฯ .....บวกกับความมุ่งมั่น ในความเชื่อที่เขารวบรวมความรู้ และ ติดตามอ่านสถานการณ์ หุ้นตัวนั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้บริหาร คดีความ การเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่จะกระทบกับธุรกิจพลังงาน ....ด้วยความเชื่อ ที่ว่าไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้น พลังงานน้ำมัน คนก็ยังต้องซื้อใช้ ไม่ว่าจะแพงเท่าไร.....และมันก็เป็นจริง จากหุ้นไม่กี่บาท ก็มาเป็นหลักร้อย อย่างที่เห็น.....

ว่าตอนนั้น คงเป็นยุค ที่เขามองว่า คงไม่เกิน 5-10 ปี ด้วยปัจจัย ข้างต้น หุ้นพลังงาน บางตัว ที่กำลังเป็นคดีความ และกำลังถูกแย่งชิง ถ่ายเปลี่ยนกลุ่มผลประโยชน์ จบลงเมื่อไร .... ราคาคงไปไกลน่าดู........

หลังจากขาดทุนหุ้น ตามที่บอกข้างต้น ทำให้ กลับมามองบ้าง ว่า แล้วยุค เราล่ะ มีกลุ่มไหนที่ยังไม่โต และมีตัวไหนในกลุ่มนั้น บ้างที่ดูเหมือนกำลังมีปัญหา  มีคดีความเยอะๆ ผู้บริหารอิงการเมืองและ ที่สำคัญเป็นธุรกิจ แบบกลุ่มพลังงานในอดีต ที่ทุกบ้านทุกคนต้องบริโภค นั้นหมายความว่า ถ้าเรื่องจบ อีก 5-10 ปี ธุรกิจโตแน่ แต่ตอนนี้ยัง แต่อย่างไงก็ไม่ตาย เพราะเป็นธุรกิจ ที่มีอนาคต

หุ้นแบบนี้ แหละ ที่จะใช้กู้สถานะการณ์ พอร์ตของตัวเอง แต่อย่างว่า คนเคยเจ็บ มันจำ และเงินมีน้อย แต่อยากได้ของเดิมคืน และจะว่า รบแบบกองโจร ก็ได้ คือ ใช้ทรัพยากรน้อย กอบกู้กองทัพที่ปราชัย ผมลงทุน หุ้นที่ว่า เพียง ไม่เกิน 6 หมื่นบาท มีหุ้นอยู่ไม่ถึงแสนหุ้น .... จนกระทั่งเจ้าของหุ้น ให้โบรกเกอร์ โทรมาถามขอซื้อคืน ......นั้นคืนสัญญาณ...ที่มันบอก ผมว่า ราคามันจะวิ่งล่ะ ....อดทน อีกนิด อีกนิด ..... และตอนนี้ ด้วยเงินก้อนสุดท้ายไม่กี่หมื่นบาท ทำให้พอร์ตหุ้นของผม เป็นสีเขียว เกิน 100% ทั้งๆที่หุ้นตัว ขาดทุนก็ยังอยู่ ..... ปันผลก็รับทุกปี ..... แต่ยังไม่ขาย เพราะ เกมส์ที่มองไว้ มันยังไม่เริ่มเลย....เลยต้องรอต้องไป .......

สรุป....การลงทุนหุ้น มันต้องใช้อะไร เยอะมาก มากกว่าที่เห็นบนเว็บบอร์ด เงินต้องเย็น ใจต้องนิ่ง มีเวลามากพอ พอที่จะรอ.....รอ.....รอ...ให้ภาพที่มโน....นั้นเกิดขึ้น...จริง...

ปล. ผิดพลาดประการใด ขออภัย ไว้ ณ ที่นี้ ด้วย เพียงแค่ แชร์ประสพการณ์ตรง ของตัวเอง ครับ.....