++++++++++ ไม่ง้อดาราดัง “โจวซิงฉือ” เตรียมปั้นนางเอกใหม่ดังตามรอย “จางป๋อจือ-หวงเซิ่งอี” ++++++++++

#ปล่อยออกมาเเล้วกับโปรเจคหนังใหม่ของโจวซิงฉือ โปสเตอร์โปรโมตโปรเจ็ค Mermaid
หนังใหม่ของ "โจวซิงฉือ" โดยหนังน่าจะเริ่มถ่ายทำในปีนี้ และฉายช่วงตรุษจีน พ.ศ. 2016

หลังส่ง Journey to the West: Conquering the Demon ทำเงินถล่มทลายไปเมื่อปีก่อน ล่าสุด "โจวซิงฉือ"
ได้เผยถึงผลงานเรื่องล่าสุดออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว กับหนังแนวไซไฟแฟนตาซี Mermaid ที่ดาวตลกชื่อดังจะนำ
เทพนิยายสุดคลาสสิค มาดัดแปลงให้เป็นหนังในสไตล์ของเขา พร้อมเตรียมแจ้งเกิดนางเอกคนใหม่ที่จะรับบทเด่นในหนังเรื่องนี้

หลังมีข่าวมานานล่าสุด โจวซิงฉือ ได้ปล่อยโปสเตอร์ทีเซอร์ของหนัง Mermaid ให้แฟนๆ ได้ชมกันเป็นครั้งแรก โดยหนังน่าจะ
เปิดกล้องได้ในปีนี้ ก่อนที่จะเข้าฉายในช่วงตรุษจีนปี 2016 ที่ดาวตลกชื่อดังเตรียมคัดเลือกนักแสดงสาวหน้าใหม่ เพื่อมารับบทนำ
ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งนอกจากต้องสวยแบบสุดๆ แล้วยังต้องเล่นบทตลกได้เป็นธรรมชาติด้วย โดยหลายฝ่ายก็คาดว่านางเอกใหม่ของ
โจวซิงฉือ คนนี้น่าจะโด่งดังไม่แพ้ จางป๋อจือ, จางอวี้ฉี และ หวงเซิ่งอี ที่แจ้งเกิดได้จากการเล่นหนังเรื่องก่อนๆ ของเขามาแล้ว

ถึงตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับหนัง Mermaid นอกจากข้อมูลเบื้องต้นว่าหนังจะได้รับอิทธิพล มาจาก
นิยายแฟนตาซี ของ ฮาน คริสเตียน แอนเดอร์สัน และยังมีแง่มุมที่ค่อนข้างจริงจังมากกว่าผลงานเรื่องก่อนๆ ของเขา
แต่ก็ยังจะมีส่วนของอารมณ์ขันอยู่เหมือนเดิม โดย โจวซิงฉือ จะรับหน้าที่กำกับเพียงอย่างเดียวเหมือนหนังเรื่องก่อน
ส่วนขั้นตอนของการคัดเลือกนักแสดงนั้นดำเนินมาตั้งแต่กลางเดือนก่อนแล้ว และจะเปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 15 ส.ค.
ก่อนที่จะมีการเลือกผู้เข้ารอบ 40 คน และจะมี 4 คนที่จะได้แสดงในหนังของ โจวซิงฉือ รวมถึงนางเอกของเรื่องด้วย

//อยากให้อาโจวร่วมแสดงเรื่องนี้ด้วยจัง หรือจะลงกำกับอย่างเดียวจริงๆ รอติดตามกันต่อไป #แค่เห็นโปสเตอร์ก็อยากดูแล้ว ^^

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ... ที่มา : Super บันเทิงออนไลน์ #ASTVผู้จัดการออนไลน์

_______________________________________________________________________________________________

"ขออนุญาตลงไว้ในกระทู้นี้อีกที เผื่อใครยังไม่ได้อ่านนะคะ ...
อยากบอกว่า ซึ้งในความรักของแม่กับลูกมากมายเลยค่ะ" T^T

"การแสดงครั้งที่ดีที่สุดของผม" ... #เขียนโดย โจวซิงฉือ #แปลโดย ZhengquanzhiTop

ตอนที่พ่อกับแม่หย่ากัน ผมเพิ่งอายุ 7 ขวบ ศาลตัดสินให้ผมกับพี่สาวและน้องสาวอยู่กับแม่
ช่วงปี 1968 ที่ #ฮ่องกง แม่เลี้ยงดูเรา 3 พี่น้องด้วยความยากลำบาก แม่ต้องทำงาน 2 ที่ แต่โชคดี
ที่ลูกๆล้วนเป็นเด็กดี โดยเฉพาะผมตั้งใจเรียนมาก สอบได้คะแนนดีตลอด ทำให้เป็นลูกรักของแม่ ...

แต่มีแค่เรื่องเดียวที่แม่เป็นห่วงพวกเรา คือเรื่องอาหารการกิน ลูกๆกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต
ไม่ว่ากระเบียดกระเสียรแค่ไหน แม่ก็ต้องหาเนื้อหาปลามาให้พวกเรากินเสมอ แต่อาจเป็นเพราะผมถูกตามใจจนเคยตัว
หรือไม่ก็เพราะนานๆจะมีเนื้อมีปลากินสักครั้ง ทันทีที่อาหารขึ้นโต๊ะ ผมก็จะยกจานมาไว้ตรงหน้าตัวเอง เลือกกินของที่ชอบ
พี่สาวน้องสาวก็ดีเหลือเกิน ไม่เคยแย่งผมกินเลย แต่ว่าผมกินไม่ค่อยมาก กินแค่สองสามคำก็เลิกกิน หันไปเล่นซน ...

ผมยังมีนิสัยเสียอีกอย่าง คือชอบเอาของกินมาเคี้ยวเล่น แล้วก็คายกลับลงบนจาน ของที่ผมคายทิ้งนั้นพี่สาวน้องสาวไม่กล้ากิน
แต่เพราะเสียดายของ แม่จึงเป็นคนกินทุกครั้ง นิสัยเสียนี้แม่ตำหนิผมหลายครั้ง แต่ก็ไร้ประโยชน์ อาจเพราะว่าเรื่องเรียนเรื่องนิสัยอื่น
ผมไม่มีปัญหาอะไร แม่จึงยอมให้เพราะคิดว่าเป็นนิสัยซนของเด็กๆ ...

แต่มีครั้งหนึ่ง แม่โกรธจริงๆและลงมือทำโทษผมด้วย ... ครั้งนั้น แม่ไม่ได้เงินเดือนมา 2 เดือนแล้ว ต้องไปยืมเงินคนอื่นมาซื้อ
น่องไก่ 2 น่องให้พวกเรากิน น่องไก่ย่างจนเหลืองหอม พอยกขึ้นโต๊ะผมก็ปีนขึ้นไปหยิบใส่ปากกัดคำโต แถมยังทำท่าทำทาง
ล้อเลียนพี่สาวน้องสาวด้วย ทันใดนั้นน่องไก่ก็หลุดมือตกลงบนพื้น เปื้อนดินจนสกปรก ...

แม่ทั้งโกรธทั้งเสียดาย คว้ากิ่งไม้มาหวดผมสิบกว่าครั้ง จนพี่สาวน้องสาวต้องเข้ามาดึงตัวผมออกมา แม่ถึงยอมวางไม้ลงได้
ทั้งแม่ทั้งลูกสามคนกอดกันร้องไห้ ... หลังคราบน้ำตาแห้งลง พวกเราก็เริ่มกินข้าวกันใหม่ แม่เสียดายน่องไก่
จึงเก็บขึ้นมาแล้วเอาน้ำร้อนลวก แล้วกินเสียเอง ...

คืนวันนั้น แม่เข้ามากอดผม แล้วถามว่า "ยังเจ็บมั๊ย? วันหลังจะซนอีกมั๊ย?" ความจริงผมยังเจ็บอยู่ แต่แอบยิ้มพร้อมบอกแม่ไปว่า
"นอนเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า" ...

สิบกว่าปีให้หลัง ผมกับแม่ไปออกรายการโทรทัศน์ แม่เล่าเรื่องนี้ให้ผู้ชมฟัง และบอกว่า "ตอนเด็กๆผมซนมาก ไม่รู้เลยว่ากับข้าว
แต่ละอย่างหามายากลำบากแค่ไหน ไม่รู้จักคุณค่าของเลย" ...

ผมย้อนคิดถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก แล้วก็บอกออกไปว่า "ไม่ครับแม่ ผมรู้ว่าแม่ลำบาก ... แต่ถ้าผมไม่แกล้งทำน่องไก่ตกดิน
แม่จะยอมกินไหม? สมัยเด็กๆมีของกินดีๆอะไร แม่ก็จะให้พวกเราสามพี่น้องกินเสมอ แม่กินข้าวเปล่ากับผักดองตลอด ผมก็เลย
คิดอุบายเคี้ยวเนื้อแล้วก็คายทิ้ง แม่ถึงยอมกินเพราะความเสียดาย" ...

พอแม่ได้ยินความลับที่เก็บงำมากว่าสิบปี ถึงกับน้ำตาริน บอกว่า "แม่น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว เพราะเจ้าเป็นเด็กดีทุกเรื่อง
ยกเว้นแค่เรื่องกินเรื่องเดียวที่นิสัยเสีย" ...

ในครั้งนั้นผมกับแม่กอดกันร้องไห้อย่างไม่อายผู้ชม ผมเห็นว่าผู้ชมหลายคนก็แอบเสียน้ำตาด้วย ... ผมเป็นทั้งนักแสดง
และผู้กำกับหนังมากมายหลายเรื่อง แต่การแสดงที่ดีที่สุดของผมก็คือ ตอน 7 ขวบครั้งนั้น เพราะเป็นการแสดงที่ออกมา
จากเบื้องลึกของหัวใจ หากแต่มีผู้ชมเพียงคนเดียว ก็คือ #แม่ ของผม.

#ชีวิตของอาโจววัยเด็กลำบากมากๆ (แต่ตอนนี้สบายแล้ว ) ดูหนังของอาโจวเรื่องไหน ก็มักจะสร้างแต่รอยยิ้มให้คนดูเสมอ ...

"สุดท้าย อยากร่วมแชร์ชีวิตของเราให้ทุกคนได้รู้พอสังเขปนะคะ"

ตอนเด็กๆ ครอบครัวเราค่อนข้างลำบาก หาเช้ากินคํ่าค่ะ ...
พ่อกับเเม่เวลามีกับข้าว เขาจะตักแค่นิดหน่อย เพราะอยากให้ลูกๆได้กินอิ่ม ไม่อด นอนหลับ //เวลาที่เจียวไข่ ทำปลาทอด พ่อกับเเม่
ก็จะตักแบ่งไปกินเพียงน้อยนิด หรือทำหมูทอด,ไก่ทอด ก็จะหยิบแค่คนละชิ้นสองชิ้นเท่านั้น แล้วที่เหลือให้ลูกกินหมด เหมือนที่ผ่านมา

ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ใครจะทำได้ถ้าไม่ใช่พ่อกับแม่ ...
อย่าว่าแต่จะตอบแทนเลย ทดแทนสักเสี้ยวในน้ำใจของท่านทั้งสอง เรายังทำได้ยากเลย
พ่อ,แม่เป็นหน้าที่ ที่ไม่ง่าย เป็นหน้าที่ ที่หนักต่อเนื่องไปตลอดชีวิต "แม้เวลาจะเปลี่ยนไป แต่รักของพ่อแม่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"

ปล. วันแม่ที่ผ่านมา พ่อ,แม่พูดกับเราและพี่ๆว่า ...
"พ่อกับแม่ให้ลูกได้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ขออย่างเดียว คือ ให้ลูกเป็นคนดี" วินาทีนั้นกอดกันกลม พร้อมปล่อยโฮกันทั้งบ้านเลยค่ะ  T^T
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่