ผมไม่แน่ใจว่า เด็กรุ่นใหม่จะเคยรู้จักหรือได้ยินชื่อเต่านินจาทั้งสี่ตัวนี้มาก่อนหรือเปล่า แต่สำหรับเด็กรุ่นผมที่โตมากับเกมนินเทนโด้ หรือการ์ตูน Dragonball ในยุคปลายปี 1980 ถึงต้นปี 1990 การ์ตูนเต่านินจาที่ฉายทางทีวีทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์ นับว่าเป็นการ์ตูนที่ดังมากที่เด็กหลายคนเฝ้าติดตาม และเป็นความทรงจำที่สนุกสนาน และด้วยความดังสุดๆในยุคนั้น เต่านินจาเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดงมาแล้วถึงสามภาค โดยภาคแรกถือว่าเป็นภาคที่ประสพความสำเร็จมากที่สุด แม้ทุนสร้างที่ไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก ดาราก็โนเนม ตัวเต่านินจาก็ใส่ชุดยางแสดง ตัวหนัง บอกตรงๆก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมาก แต่ด้วยคาแรกเตอร์ที่สนุกสนานของเต่านินจาทั้งสี่ตัว ก็มากพอที่จะทำให้หนังดูสนุกได้ตลอดทั้งเรื่อง
ผ่านมาถึงปี 2014 ในยุคดิจิตอล เต่านินจาจากยุค 1980 ก็ได้รับการนำมาปัดฝุ่นขึ้นจอภาพยนตร์อีกครั้งหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยียุคสมัยนี้ เราไม่ต้องใช้คนมาใส่ชุดยางแสดงเป็นเต่านินจาอีกแล้ว แต่คอมพิวเตอร์สามารถเนรมิตรเต่านินจากราฟฟิคที่มีรายละเอียดเหมือนเป็นของจริงขึ้นมาได้ ทั้งหน้าตา รูปร่าง และการเคลื่อนไหว และโทนหนังเต่านินจายังได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีลักษณะที่ดูจริงจังขึ้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานบนโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น เช่นเดียวกับหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ผลที่ได้ออกมาก็คือ เราจะได้เห็นเต่านินจาสี่ตัวที่มีหน้าตาดุดัน สูงเกือบสองเมตร และมีกล้ามเป็นมัดๆ
แต่แม้ว่า หน้าตาเต่านินจาจะดูดุดันสมจริงมากขึ้น และเนื้อเรื่องจะถูกปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น หากแต่เนื้อแท้ในหนังยังคงมีความเป็นการ์ตูนอยู่มาก ซึ่งสองส่วนนี้ค่อนข้างจะขัดกันและไปด้วยกันไม่ค่อยเนียนเท่าไร หากมองเรื่องราวโดยรวมแล้ว บทภาพยนตร์เต่านินจาภาคนี้นั้นแทบไม่มีอะไรใหม่เลย แผนการแบบเดิมๆของผู้ร้าย แบบนี้ แล้วก็ต้องแบบนี้ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่ผิดหรอกที่บทหนังไม่มีอะไรใหม่น่าตื่นเต้น แต่หนังเต่านินจาทำโทนหนังจริงจังออกมาเหมือนกับว่าบทหนังแบบนี้ไม่เคยมีออกมาก่อน คือพล็อทมันมีแค่นิดเดียว แต่กลับทำเรื่องราวออกมาซะใหญ่โต
จริงๆแล้ว ชื่อหนังเต่านินจา จุดขายของหนังก็คือเต่านินจาอยู่แล้ว ซึ่งหากดูแค่ที่ตัวเต่านินจาเองก็ถือว่าทำออกมาได้ดีพอควร เต่านินจาในหนังดูมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ดูสมจริง และดูคล่องแคล่วในฉากแอคชั่น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงดูตลกและสนุกสนาน เหมือนตอนเป็นหนังการ์ตูน แต่ก็รู้สึกว่าหนังให้เวลากับเต่านินจาทั้งสี่ตัวน้อยเกินไป ทั้งๆที่เต่านินจาทั้งสี่ตัวนี่แหละคือจุดขายและคือสิ่งที่คนต้องการดู เพราะว่าตัวหนังเสียเวลาไปกับการเซ็ทโทนเรื่องให้มันดูยิ่งใหญ่ซะเยอะ ทั้งๆที่เอาเวลาส่วนนี้มาให้เต่านินจาออกจอให้เยอะกว่านี้ ปล่อยมุกให้นานกว่านี้ จะดีกว่า
ในส่วนของนักแสดง ที่น่าพูดถึงก็คงมีแค่ เมแกน ฟ็อกซ์ ในบทนักข่าวสาว เอพริล โอนีล ซึ่งผมรู้สึกว่าคราวนี้ เมแกน ฟ็อกซ์ แสดงได้ดูดีเป็นธรรมชาตินะ คือดูคล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ สบายๆ และแม้จะใส่เสื้อผ้ามิดชิดตลอดเรื่อง ก็ยังถ่ายทอดความเซ็กซี่ออกมาได้แบบพอควร
จริงๆแล้ว แค่การนำเต่านินจามาขึ้นจอครั้งใหม่ มันก็มีพลังมากพอที่จะเรียกคนดูได้ดีอยู่แล้ว ชื่อเต่านินจายังไงๆก็ขายได้ แต่ปัญหาของหนังเต่านินจาภาคนี้ก็คือ มันยังขาดแนวทางการนำเสนอที่ชัดเจน การเล่าเรื่องเหมือนเป็นส่วนผสมของหนัง Spider-Man กับ Batman: The Dark Knight มายำๆรวมๆกัน ออกมามั่วๆน่าดู หากแต่ตัวคาแรกเตอร์เต่านินจาทั้งสี่คนยังคงดูมีเสน่ห์และความสนุกสนานอยู่ครบ
2 ดาวครึ่ง
ติดตามอัพเดทข่าวสาร และโปสเตอร์สวยๆจากหนังใหม่ๆ ได้ตาม link ด้านล่างนะครับ
https://www.facebook.com/moviepolice
สารวัตรโรงหนังไปดูมาแล้ว "Teenage Mutant Nunja Turtles" เต่านินจากลายพันธ์ ยุคหนังสามมิติ
ผ่านมาถึงปี 2014 ในยุคดิจิตอล เต่านินจาจากยุค 1980 ก็ได้รับการนำมาปัดฝุ่นขึ้นจอภาพยนตร์อีกครั้งหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยียุคสมัยนี้ เราไม่ต้องใช้คนมาใส่ชุดยางแสดงเป็นเต่านินจาอีกแล้ว แต่คอมพิวเตอร์สามารถเนรมิตรเต่านินจากราฟฟิคที่มีรายละเอียดเหมือนเป็นของจริงขึ้นมาได้ ทั้งหน้าตา รูปร่าง และการเคลื่อนไหว และโทนหนังเต่านินจายังได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีลักษณะที่ดูจริงจังขึ้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานบนโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น เช่นเดียวกับหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ผลที่ได้ออกมาก็คือ เราจะได้เห็นเต่านินจาสี่ตัวที่มีหน้าตาดุดัน สูงเกือบสองเมตร และมีกล้ามเป็นมัดๆ
แต่แม้ว่า หน้าตาเต่านินจาจะดูดุดันสมจริงมากขึ้น และเนื้อเรื่องจะถูกปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น หากแต่เนื้อแท้ในหนังยังคงมีความเป็นการ์ตูนอยู่มาก ซึ่งสองส่วนนี้ค่อนข้างจะขัดกันและไปด้วยกันไม่ค่อยเนียนเท่าไร หากมองเรื่องราวโดยรวมแล้ว บทภาพยนตร์เต่านินจาภาคนี้นั้นแทบไม่มีอะไรใหม่เลย แผนการแบบเดิมๆของผู้ร้าย แบบนี้ แล้วก็ต้องแบบนี้ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่ผิดหรอกที่บทหนังไม่มีอะไรใหม่น่าตื่นเต้น แต่หนังเต่านินจาทำโทนหนังจริงจังออกมาเหมือนกับว่าบทหนังแบบนี้ไม่เคยมีออกมาก่อน คือพล็อทมันมีแค่นิดเดียว แต่กลับทำเรื่องราวออกมาซะใหญ่โต
จริงๆแล้ว ชื่อหนังเต่านินจา จุดขายของหนังก็คือเต่านินจาอยู่แล้ว ซึ่งหากดูแค่ที่ตัวเต่านินจาเองก็ถือว่าทำออกมาได้ดีพอควร เต่านินจาในหนังดูมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ดูสมจริง และดูคล่องแคล่วในฉากแอคชั่น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงดูตลกและสนุกสนาน เหมือนตอนเป็นหนังการ์ตูน แต่ก็รู้สึกว่าหนังให้เวลากับเต่านินจาทั้งสี่ตัวน้อยเกินไป ทั้งๆที่เต่านินจาทั้งสี่ตัวนี่แหละคือจุดขายและคือสิ่งที่คนต้องการดู เพราะว่าตัวหนังเสียเวลาไปกับการเซ็ทโทนเรื่องให้มันดูยิ่งใหญ่ซะเยอะ ทั้งๆที่เอาเวลาส่วนนี้มาให้เต่านินจาออกจอให้เยอะกว่านี้ ปล่อยมุกให้นานกว่านี้ จะดีกว่า
ในส่วนของนักแสดง ที่น่าพูดถึงก็คงมีแค่ เมแกน ฟ็อกซ์ ในบทนักข่าวสาว เอพริล โอนีล ซึ่งผมรู้สึกว่าคราวนี้ เมแกน ฟ็อกซ์ แสดงได้ดูดีเป็นธรรมชาตินะ คือดูคล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ สบายๆ และแม้จะใส่เสื้อผ้ามิดชิดตลอดเรื่อง ก็ยังถ่ายทอดความเซ็กซี่ออกมาได้แบบพอควร
จริงๆแล้ว แค่การนำเต่านินจามาขึ้นจอครั้งใหม่ มันก็มีพลังมากพอที่จะเรียกคนดูได้ดีอยู่แล้ว ชื่อเต่านินจายังไงๆก็ขายได้ แต่ปัญหาของหนังเต่านินจาภาคนี้ก็คือ มันยังขาดแนวทางการนำเสนอที่ชัดเจน การเล่าเรื่องเหมือนเป็นส่วนผสมของหนัง Spider-Man กับ Batman: The Dark Knight มายำๆรวมๆกัน ออกมามั่วๆน่าดู หากแต่ตัวคาแรกเตอร์เต่านินจาทั้งสี่คนยังคงดูมีเสน่ห์และความสนุกสนานอยู่ครบ
2 ดาวครึ่ง
ติดตามอัพเดทข่าวสาร และโปสเตอร์สวยๆจากหนังใหม่ๆ ได้ตาม link ด้านล่างนะครับ
https://www.facebook.com/moviepolice