จ่าเห็น "รดสะนา" พูดความจริงครึ่งเดียว
โดยการไปอ้างอิงข้อมูลจากเพจ "ทำไมคนไทยต้องใช้น้ำมันแพง"
แล้วออกมาเจื้อยแจ้วสะกดจิตบรรดาสาวกทั้งหลายอย่างเมามันแล้วโคดขำจนต่อมลูกหมากแทบจะอักเสบเลยว่ะ
อดีต สว.ผู้พาผัวเข้าห้องประชุมสภาฯผู้นี้ "มโน" ว่า.......
"มีคนบางกลุ่มที่ปั่นราคาน้ำมัน ให้กับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นโดยบวกค่าใช้จ่าย เท่ากับราคาน้ำมันนำเข้าจากสิงคโปร์ ทั้ง ๆ ที่ไทยสามารถกลั่นน้ำมันในประเทศได้ อีกทั้งยังทำทุกวิถีทาง เพื่อให้มีเงินในกองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น และรายได้จากกองทุนน้ำมัน ก็จะถูกส่งไปต่อไปให้ ปตท. อันถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน จนเป็นเหตุให้คนไทยต้องใช้น้ำมันแพง"
โอวววววววว....มันมาอีกแร้วววววววว....,,
ราคาหน้าโรงกลั่น
ราคากลางจากสิงคโปร์
ไทยสามารถกลั่นน้ำมันเองได้.....ฯลฯ
เจ๊ดดดดโด้......จ่าก็งงๆว่ายังมีคนเชื่อรดสะนาอีกเหรอว๊ะเนี่ย ...????!!!!!!!!!!
แถมจ่ายังเห็นยังด่ากันเลอะเทอะ
ว่า ปตท.สูบเลือดสูบเนื้อคนไทย
ด้วยการขายน้ำมันแพง หากินกับคนไทยด้วยกัน
นี่มันคงคิดกันจริงว่าเราเป็น "โอเปค" แน่ๆเลย
ทั้งๆที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรม ปลูกผัก ปลูกหญ้า
ไม่ใช่ประเทศที่มีบ่อน้ำมันดิบ และ ส่งออกน้ำมันไปขายเป็นรายได้หลัก
จ่าว่ารดสะนาคงจะไม่รู้
ว่าประเทศสารขัณฑ์ซื้อน้ำมันดิบจากต่างชาติอยู่ที่ 80%
ส่วนแหล่งพลังงงานที่เรามีของเราเองมีอยู่แค่ 20% เท่านั้น
หลักๆก็อยู่ที่ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร โน่นเลยครับ (จ่าชอบกำแพงเพชร ข้าวแกงที่ อ.สลกบาตรอร่อย)
น้ำมันดิบที่ซื้อจากเมืองนอกนั้น
มันไม่ได้มีขาเดินมาเองได้นะครัชชช....รดสะนา
ซื้อเขาแล้ว มันก็ต้องมีการขนส่งมาทางทะเล มาที่โรงกลั่นของไทยเรา
เพื่อที่จะเอากมากลั่นให้น้ำมันดิบ มันกลายเป็นน้ำมันที่กลั่นแล้ว
รดสะนาจะได้เอารถไปเติมให้ผัว แล้วขับมาสภาฯไง...!!!
พอกลั่นออกมาแล้ว
มันก็จะได้พวกเบนซิน, ดีเซล, แก๊สหุงต้ม,
น้ำมันก๊าด , น้ำมันเตา, ยางมะตอย ฯลฯ จากนั้นถึงได้เอาไปใช้งานกัน
สัดส่วนการใช้งานของไทยเรา
ตัวเลขโดยประมาณก็คือ ดีเซล 75% และ เบนซิน 25%
เพราะภาคขนส่งของเราใช้ดีเซลเยอะมากครัชชชช...ถ้าไม่เชื่อจ่า รดสะนาไปถาม "เจ๊เกียว" ได้เลย
เจ๊เกียวเนี่ย...ตัวดีเลยน้ำมันขึ้นก็ขึ้นค่ารถ น้ำมันลงเจ๊มันไม่เคยลดราคาลง....โคดเอาเปรียบเลย
ส่วนน้ำมันดิบบางส่วนที่เราส่งออกนั้น
ที่ต้องส่งออกเพราะคุณสมบัติของมันนั้น เทคโนโลยีของโรงกลั่นบ้านเราไม่สามารถกลั่นได้
แต่สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปที่ส่งออกไปนั้น
เพราะมันกลั่นออกมาแล้วดัน "เหลือใช้" ครัชชช
เนื่องจากมีการใช้แก็สทั้ง LPG และ NGV มากขึ้น ทำให้น้ำมันสำเร็จรูปเหลือใช้
เมื่อเหลือใช้ ก็ต้องส่งออกครัชชชชชช.....จะเก็บเอาไว้ทำ "พระแสงด้ามยาว" ทำไมล่ะ ???
แต่ที่รดสะนา "มโน" สะกดจิตสลิ่ม
ในเรื่องของการบวกราคาค่าใช้จ่ายต่างๆนั้น
เป็นเพราะราคาที่เขาขายให้เรานั้นเขาต้องบวก "ค่าการตลาด" ที่เป็นส่วนต่างของราคาต้นทุนจากโรงกลั่น กับ ราคาขายปลีก
เขาต้องบวก "เงินกองทุนน้ำมัน" ที่ต้องถูกหักบางส่วนเข้าไปไว้ในกองทุน
เขาต้องบวกค่า "ภาษี" ไม่ว่าจะเป็นภาษีสรรพสามิต ไปจนถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (หรือรดสะนาไม่สนับสนุนการจ่ายภาษี ???)
ดังนั้นราคาน้ำมันที่เราไปเติมกันตามปั๊ม
มันคือราคาที่คนเติมทุกคนต้องจ่ายค่าการตลาด, ค่าภาษี และ ค่ากองทุนน้ำมัน
ขุ่นพระ........ก็จ่ายกันขนาดนี้ จะให้มันถูกเหมือนประเทศ "โอเปค" ได้ไงละครัชชชช....รดสะนา
รดสะนาคงต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่
และ ทำความเข้าใจในเรื่องของ wholesale กับ retail เสียหน่อยนะครัชชชชช
ส่วนการอ้างอิง "ราคาน้ำมันที่สิงคโปร์" ก็เช่นกันครัชชชชช
ที่เราต้องไปอ้างราคาจากเกาะเล็กๆแห่งนั้น
ก็เพราะว่าสิงคโปร์เขาเป็น "ฮับ" ของการซื้อขายน้ำมันย่านนี้ครับ
ประเทศเขาทำธุรกิจแบบซื้อมา ขายไป มายาวนาน และได้รับความเชื่อถือจากบริษัทใหญ่ๆ
ราคาของสิงคโปร์
เป็นราคาที่ได้รับการ "ยอมรับ" ว่าเป็น "ราคากลาง" ที่ใช้ๆกัน
และมันไม่ใช่ราคาที่รัฐบาลสิงคโปร์เป็นคนประกาศ เพื่อที่จะให้ใครมายอมรับนะครับ .......ไม่เกี่ยวเลย (รดสะนาไม่รู้ใช่ม๊าาาาาา)
รัฐบาลเทมาเส็คเขาไม่รู้เรื่องเลย เขาก็ประกาศของเขาไปตามปกติ
แต่บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ (ในย่านนี้) ต่างหาก ที่ให้ความเชื่อถือเขาในการเป็นราคากลาง
อีกทั้งสิงคโปร์เขาอยู่ใกล้เรามากที่สุด
ซึ่งทำให้มีต้นทุน "ค่าขนส่ง" ต่ำสุดสำหรับสารขัณฑ์แลนด์ครับ
นี่ยังไม่นับที่สลิ่มโดนสะกดจิตว่า "ปตท.ขายชาติ คนไทยเราใช้น้ำมันแพงกว่าราคาส่งออก" อีกต่างหาก
ความเป็นจริงก็คือน้ำมันที่เรา "ส่งออก" นั้น
เราอ้างอิงราคาของน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ครัชชชชช
โดยราคาที่เราใช้อ้างอิงนั้น มัน "ไม่มีค่าการตลาด , ค่าภาษี , เงินกองทุน" อย่างที่จ่าบอกไว้ในตอนต้น
เพราะไอ้ "ค่าการตลาด , ค่าภาษี , เงินกองทุน" มันจัดเก็บเฉพาะน้ำมันในประเทศทุยเท่านั้นครัชชช
แหม๋มมมมม....สลิ่มอยากให้อ้างราคาในประเทศเหรอครัชชชช.....จ่าล่ะขำshipหาย ...ขายแพงใครเขาจะซื้อเมิงล่ะ ???
ทุกอย่างมันมีกลไกควบคุมอยู่
หากปล่อยให้กำหนดราคากันเองแบบตามใจฉัน เห็นทีคงต้องกลับไปขี่ช้าง ขี่ม้า กันค่อนประเทศแน่ๆ
เพราะถ้าโรงกลั่นตั้งราคาตามใจตัวเองแพงเว่อร์กว่าตลาดโลก
พ่อค้าน้ำมันเขาก็ไม่ซื้อ แต่เขาจะไปนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศแทน
แต่จะให้เขาทะลึ่งขายถูกกว่าตลาดโลก
มันก็ต้องมองตามหลักความเป็นจริงว่าเขาไม่ใช่ "ปอเต็กตึ้ง" นะครัชช เขาไม่ได้ทำการกุศลห่ะเหวอะไร
แต่เขาคือองค์กรธุรกิจ ที่มันต้องคำนึงถึงผลกำไรขององค์กรเป็นหลัก...ไม่งั้นผู้ถือหุ้นเขาสวดชยันโตแน่ๆ
เราไม่ใช่ประเทศใน "กลุ่มโอเปค"
ที่จะมีน้ำมันราคาถูกมาให้ใช้กันนะครัชชช
เราเป็นประเทศที่ที่ผสมผสานระหว่างเกษตรกรรม กับ อุตสาหกรรม
รดสะนา up อะไรใน fb แต่ละที
จ่าว่าโคดจะฮาขี้แตกขี้แตนเหมือนจดหมายจาก "พระครูวิจิตรธรรมโชติ" จริงๆว่ะ
จ่าพิเชษฐ์
เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...........มันมาอีกแร้ววววววววว.....!!!!!!!!!
โดยการไปอ้างอิงข้อมูลจากเพจ "ทำไมคนไทยต้องใช้น้ำมันแพง"
แล้วออกมาเจื้อยแจ้วสะกดจิตบรรดาสาวกทั้งหลายอย่างเมามันแล้วโคดขำจนต่อมลูกหมากแทบจะอักเสบเลยว่ะ
อดีต สว.ผู้พาผัวเข้าห้องประชุมสภาฯผู้นี้ "มโน" ว่า.......
"มีคนบางกลุ่มที่ปั่นราคาน้ำมัน ให้กับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นโดยบวกค่าใช้จ่าย เท่ากับราคาน้ำมันนำเข้าจากสิงคโปร์ ทั้ง ๆ ที่ไทยสามารถกลั่นน้ำมันในประเทศได้ อีกทั้งยังทำทุกวิถีทาง เพื่อให้มีเงินในกองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น และรายได้จากกองทุนน้ำมัน ก็จะถูกส่งไปต่อไปให้ ปตท. อันถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน จนเป็นเหตุให้คนไทยต้องใช้น้ำมันแพง"
โอวววววววว....มันมาอีกแร้วววววววว....,,
ราคาหน้าโรงกลั่น
ราคากลางจากสิงคโปร์
ไทยสามารถกลั่นน้ำมันเองได้.....ฯลฯ
เจ๊ดดดดโด้......จ่าก็งงๆว่ายังมีคนเชื่อรดสะนาอีกเหรอว๊ะเนี่ย ...????!!!!!!!!!!
แถมจ่ายังเห็นยังด่ากันเลอะเทอะ
ว่า ปตท.สูบเลือดสูบเนื้อคนไทย
ด้วยการขายน้ำมันแพง หากินกับคนไทยด้วยกัน
นี่มันคงคิดกันจริงว่าเราเป็น "โอเปค" แน่ๆเลย
ทั้งๆที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรม ปลูกผัก ปลูกหญ้า
ไม่ใช่ประเทศที่มีบ่อน้ำมันดิบ และ ส่งออกน้ำมันไปขายเป็นรายได้หลัก
จ่าว่ารดสะนาคงจะไม่รู้
ว่าประเทศสารขัณฑ์ซื้อน้ำมันดิบจากต่างชาติอยู่ที่ 80%
ส่วนแหล่งพลังงงานที่เรามีของเราเองมีอยู่แค่ 20% เท่านั้น
หลักๆก็อยู่ที่ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร โน่นเลยครับ (จ่าชอบกำแพงเพชร ข้าวแกงที่ อ.สลกบาตรอร่อย)
น้ำมันดิบที่ซื้อจากเมืองนอกนั้น
มันไม่ได้มีขาเดินมาเองได้นะครัชชช....รดสะนา
ซื้อเขาแล้ว มันก็ต้องมีการขนส่งมาทางทะเล มาที่โรงกลั่นของไทยเรา
เพื่อที่จะเอากมากลั่นให้น้ำมันดิบ มันกลายเป็นน้ำมันที่กลั่นแล้ว
รดสะนาจะได้เอารถไปเติมให้ผัว แล้วขับมาสภาฯไง...!!!
พอกลั่นออกมาแล้ว
มันก็จะได้พวกเบนซิน, ดีเซล, แก๊สหุงต้ม,
น้ำมันก๊าด , น้ำมันเตา, ยางมะตอย ฯลฯ จากนั้นถึงได้เอาไปใช้งานกัน
สัดส่วนการใช้งานของไทยเรา
ตัวเลขโดยประมาณก็คือ ดีเซล 75% และ เบนซิน 25%
เพราะภาคขนส่งของเราใช้ดีเซลเยอะมากครัชชชช...ถ้าไม่เชื่อจ่า รดสะนาไปถาม "เจ๊เกียว" ได้เลย
เจ๊เกียวเนี่ย...ตัวดีเลยน้ำมันขึ้นก็ขึ้นค่ารถ น้ำมันลงเจ๊มันไม่เคยลดราคาลง....โคดเอาเปรียบเลย
ส่วนน้ำมันดิบบางส่วนที่เราส่งออกนั้น
ที่ต้องส่งออกเพราะคุณสมบัติของมันนั้น เทคโนโลยีของโรงกลั่นบ้านเราไม่สามารถกลั่นได้
แต่สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปที่ส่งออกไปนั้น
เพราะมันกลั่นออกมาแล้วดัน "เหลือใช้" ครัชชช
เนื่องจากมีการใช้แก็สทั้ง LPG และ NGV มากขึ้น ทำให้น้ำมันสำเร็จรูปเหลือใช้
เมื่อเหลือใช้ ก็ต้องส่งออกครัชชชชชช.....จะเก็บเอาไว้ทำ "พระแสงด้ามยาว" ทำไมล่ะ ???
แต่ที่รดสะนา "มโน" สะกดจิตสลิ่ม
ในเรื่องของการบวกราคาค่าใช้จ่ายต่างๆนั้น
เป็นเพราะราคาที่เขาขายให้เรานั้นเขาต้องบวก "ค่าการตลาด" ที่เป็นส่วนต่างของราคาต้นทุนจากโรงกลั่น กับ ราคาขายปลีก
เขาต้องบวก "เงินกองทุนน้ำมัน" ที่ต้องถูกหักบางส่วนเข้าไปไว้ในกองทุน
เขาต้องบวกค่า "ภาษี" ไม่ว่าจะเป็นภาษีสรรพสามิต ไปจนถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (หรือรดสะนาไม่สนับสนุนการจ่ายภาษี ???)
ดังนั้นราคาน้ำมันที่เราไปเติมกันตามปั๊ม
มันคือราคาที่คนเติมทุกคนต้องจ่ายค่าการตลาด, ค่าภาษี และ ค่ากองทุนน้ำมัน
ขุ่นพระ........ก็จ่ายกันขนาดนี้ จะให้มันถูกเหมือนประเทศ "โอเปค" ได้ไงละครัชชชช....รดสะนา
รดสะนาคงต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่
และ ทำความเข้าใจในเรื่องของ wholesale กับ retail เสียหน่อยนะครัชชชชช
ส่วนการอ้างอิง "ราคาน้ำมันที่สิงคโปร์" ก็เช่นกันครัชชชชช
ที่เราต้องไปอ้างราคาจากเกาะเล็กๆแห่งนั้น
ก็เพราะว่าสิงคโปร์เขาเป็น "ฮับ" ของการซื้อขายน้ำมันย่านนี้ครับ
ประเทศเขาทำธุรกิจแบบซื้อมา ขายไป มายาวนาน และได้รับความเชื่อถือจากบริษัทใหญ่ๆ
ราคาของสิงคโปร์
เป็นราคาที่ได้รับการ "ยอมรับ" ว่าเป็น "ราคากลาง" ที่ใช้ๆกัน
และมันไม่ใช่ราคาที่รัฐบาลสิงคโปร์เป็นคนประกาศ เพื่อที่จะให้ใครมายอมรับนะครับ .......ไม่เกี่ยวเลย (รดสะนาไม่รู้ใช่ม๊าาาาาา)
รัฐบาลเทมาเส็คเขาไม่รู้เรื่องเลย เขาก็ประกาศของเขาไปตามปกติ
แต่บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ (ในย่านนี้) ต่างหาก ที่ให้ความเชื่อถือเขาในการเป็นราคากลาง
อีกทั้งสิงคโปร์เขาอยู่ใกล้เรามากที่สุด
ซึ่งทำให้มีต้นทุน "ค่าขนส่ง" ต่ำสุดสำหรับสารขัณฑ์แลนด์ครับ
นี่ยังไม่นับที่สลิ่มโดนสะกดจิตว่า "ปตท.ขายชาติ คนไทยเราใช้น้ำมันแพงกว่าราคาส่งออก" อีกต่างหาก
ความเป็นจริงก็คือน้ำมันที่เรา "ส่งออก" นั้น
เราอ้างอิงราคาของน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ครัชชชชช
โดยราคาที่เราใช้อ้างอิงนั้น มัน "ไม่มีค่าการตลาด , ค่าภาษี , เงินกองทุน" อย่างที่จ่าบอกไว้ในตอนต้น
เพราะไอ้ "ค่าการตลาด , ค่าภาษี , เงินกองทุน" มันจัดเก็บเฉพาะน้ำมันในประเทศทุยเท่านั้นครัชชช
แหม๋มมมมม....สลิ่มอยากให้อ้างราคาในประเทศเหรอครัชชชช.....จ่าล่ะขำshipหาย ...ขายแพงใครเขาจะซื้อเมิงล่ะ ???
ทุกอย่างมันมีกลไกควบคุมอยู่
หากปล่อยให้กำหนดราคากันเองแบบตามใจฉัน เห็นทีคงต้องกลับไปขี่ช้าง ขี่ม้า กันค่อนประเทศแน่ๆ
เพราะถ้าโรงกลั่นตั้งราคาตามใจตัวเองแพงเว่อร์กว่าตลาดโลก
พ่อค้าน้ำมันเขาก็ไม่ซื้อ แต่เขาจะไปนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศแทน
แต่จะให้เขาทะลึ่งขายถูกกว่าตลาดโลก
มันก็ต้องมองตามหลักความเป็นจริงว่าเขาไม่ใช่ "ปอเต็กตึ้ง" นะครัชช เขาไม่ได้ทำการกุศลห่ะเหวอะไร
แต่เขาคือองค์กรธุรกิจ ที่มันต้องคำนึงถึงผลกำไรขององค์กรเป็นหลัก...ไม่งั้นผู้ถือหุ้นเขาสวดชยันโตแน่ๆ
เราไม่ใช่ประเทศใน "กลุ่มโอเปค"
ที่จะมีน้ำมันราคาถูกมาให้ใช้กันนะครัชชช
เราเป็นประเทศที่ที่ผสมผสานระหว่างเกษตรกรรม กับ อุตสาหกรรม
รดสะนา up อะไรใน fb แต่ละที
จ่าว่าโคดจะฮาขี้แตกขี้แตนเหมือนจดหมายจาก "พระครูวิจิตรธรรมโชติ" จริงๆว่ะ
จ่าพิเชษฐ์