เงิน 300 บาท เลี้ยงหัวใจแม่
ทำไมต้องให้เงินพ่อแม่เดือนละ 300.- บาท? ในเมื่อแม่ก็อยู่กับเราอยู่แล้ว
ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราก็จ่ายให้ท่านตลอด
เรื่องเล่า..((
ผมถามว่า
"อาจารย์กำลังทำอะไรครับ?"
อาจารย์ตอบว่า
"ผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่...ผมต้องจ่ายค่าแม่ครัว คนขับรถ คนสวน ค่าใช้จ่าย
ในบ้าน และให้แม่อีกเดือนละ 300 บาท... ตอนนี้รายได้กับรายจ่ายมันไม่
ค่อยสัมพันธ์กัน ต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง"
ผมเลยบอกว่า
"เงินเดือนที่ให้แม่ 300 ตัดได้นี่ครับ...อาหาร 3 มื้อ อาจารย์ก็จัดให้เรียบร้อย
เสื้อผ้าก็ซื้อให้ใหม่ปีละ 3 ชุด ไม่สบาย อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ คุณแม่
ตาบอดไม่ได้ไปไหน ฉะนั้นเงินเดือน 300 นี่ ตัดได้ครับ"
อาจารย์บอกว่า
"ตัดไม่ได้เด็ดขาด...300 บาทนี่สำคัญที่สุด
เพราะ...เป็นเงินสำหรับเลี้ยงหัวใจแม่!"
ผมฟังแล้วสะอึก!
"เงินเลี้ยงหัวใจแม่"...พวกเราเคยได้ยินไหมครับ?!??
อาจารย์บอกต่อ
“หัวใจต้องการอาหารที่มาหล่อเลี้ยงให้เอิบอิ่ม เบิกบาน เป็นสุข...
คุณลองนึกดู...คนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่เป็นยังไง? หัวใจมันแฟบ หัวใจมันเหี่ยวเฉา-เหมือนดอกไม้ยามเย็น ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจะรู้ พอเลยวันที่ 25 ไปแล้วนี่ มันเหี่ยวๆ ยังไงชอบกล ไม่มีเงินค่ารถ..ค่าอาหาร..ซื้อข้าวสาร..มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน
แม่อยู่กับเราก็จริง แต่ถ้าแม่ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่ หัวใจท่านเหี่ยว พอถึงวันเงิน
เดือนออก ทุกคนหน้าบานเหมือนดอกไม้ยามเช้า จิตใจสดชื่นเบิกบาน มี
ความสุข รับเงินเดือนมาใหม่ๆหน้าสดใส สั่งกาแฟยังเสียงดังฟังชัด
ทุกสิ้นเดือนพอเงินเดือนออก ผมเข้าไปกราบแม่บอกว่า วันนี้เงินเดือนออกครับ
ผมนำเงินมาบูชาพระคุณแม่ 300 บาทครับ...เอาเงินใส่มือแม่ แม่ก็ให้ศีล ให้
พร เอาเงินเก็บใต้หมอนไว้อย่างมีความสุข"
300.-บาท เลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร?
วันหนึ่งน้องของอาจารย์พาภรรยาไปคลอด คุณแม่ก็ซื้อทองให้หลานด้วย
เงิน 300.-บาท แต่ก่อนทองคำบาทละ 400 ท่านกอดหลานชาย...สวม
สร้อยให้พร้อมเป่าหัว
พอเด็กคนนี้โตพอพูดได้ มีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใคร
ซื้อให้ ก็จะตอบว่า “คุณย่าซื้อให้” ชี้มือไปที่คนตาบอด คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า ไม่ใช่พ่อแม่ เพราะเงิน 300.- บาทนี่เสกให้คนตาบอดขลัง ถ้าคุณแม่ไม่มีเงิน จะรับขวัญหลานได้อย่างไร ? เห็นไหมครับ ?
ไม่ใช่ว่าพอโตขึ้น มีคนถามว่าคนนี้เป็นใคร เด็กบอกว่ายายแก่ตาบอดนี่..มา
อาศัยพ่อแม่ฉันอยู่ เห็นหรือยังคุณว่าเงินเดือน 300 บาทนี่ ทำให้คนแก่ตา
บอดมีคุณค่าขึ้นมาได้
วันดีคืนดี แม่ครัวล้างชามเสร็จ คุณแม่ก็บอกให้มานวดขาให้ แม่ครัวหน้ามุ่ย
ทำงานเหนื่อยยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำๆคว่ำหน้า พอนวดเสร็จคุณย่าหยิบ
เงินให้ 30 บาท แม่ครัวยิ้มหน้าบาน ยกมือไหว้ ขอบคุณค่ะ
วันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จรีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ... วันนี้นวดอีกไหมคะคุณย่า?
เห็นไหมเงินเดือน 300 บาท ที่เราให้แม่ของเรามีฤทธิ์ขึ้นมาได้ มีคนมายก
มือไหว้ มีคนมาปรนนิบัติ มีคนมานวดให้ ถ้าไม่มีเงินเดือน 300 บาทนี้
แม่เราจะมีฤทธิ์ได้อย่างไร?
...บันไดไปสวรรค์ด้วยเงิน 300 บาท...
วันหนึ่ง พระมาเรี่ยไรจะสร้างโบสถ์ อาจารย์นิมนต์พระเข้ามา แล้วชี้มือบอก
มรรคนายกว่า...ให้ไปเรี่ยไรกับคุณย่าโน่น มรรคนายกบรรยายว่าจะสร้าง
โบสถ์ กว้างเท่านั้น ยาวเท่านี้ สูงเท่าไร สวยงามยัง ราคาเท่าไร
คุณแม่ยกหมอนขึ้น นับเงินมา 500 พนมมืออธิษฐาน ขอให้ศาสนายืนยงไปอีก 5 พันปี นิพพานปัจโยโหตุ...ทำบุญสร้างโบสถ์ไว้เป็นมิ่งขวัญในพระศาสนา
เห็นมั๊ยว่าเงินเดือน 300 ที่เราให้เป็นบันไดพาแม่ไปสวรรค์...นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือแม่จะได้ทำบุญไหม?
พอพระให้พรเสร็จก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป ยายแก่บ้านโน้นกำลังเก็บผ้าอยู่
ในบ้าน มรรคนายกตะโกนข้ามรั้ว ทำบุญสร้างโบสถ์ไหมคุณยาย?
ยายข้างบ้านตอบ “ยายไม่มีเงินหรอก ยายอาศัยลูกสาวเขาอยู่ เดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทันจะขอเงินเขาทำบุญ” เพราะลูกเค้าไม่ได้ให้เงินเดือนแม่ ยายแก่คนนี้เป็นเพียงแค่คนเก็บผ้าของ ลูกๆ ยายแก่คนนี้ไม่มีเงิน เพราะลูกเอามาเลี้ยงแปะๆ แมะๆไว้ข้างรั้วบ้าน เอาไว้คอยเก็บผ้า!
เป็นยังไงบ้างครับ...เห็นอิทธิฤทธิ์ของเงิน 300 บาท..."เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยังครับ
วันนี้เราให้ "เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยัง ?
ที่มา :
http://www.oknation.net/blog/Tip2/2007/08/11/entry-2
เรื่องเล่า.......เงิน 300 บาท เลี้ยงหัวใจแม่
ทำไมต้องให้เงินพ่อแม่เดือนละ 300.- บาท? ในเมื่อแม่ก็อยู่กับเราอยู่แล้ว
ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราก็จ่ายให้ท่านตลอด
เรื่องเล่า..((
ผมถามว่า
"อาจารย์กำลังทำอะไรครับ?"
อาจารย์ตอบว่า
"ผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่...ผมต้องจ่ายค่าแม่ครัว คนขับรถ คนสวน ค่าใช้จ่าย
ในบ้าน และให้แม่อีกเดือนละ 300 บาท... ตอนนี้รายได้กับรายจ่ายมันไม่
ค่อยสัมพันธ์กัน ต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง"
ผมเลยบอกว่า
"เงินเดือนที่ให้แม่ 300 ตัดได้นี่ครับ...อาหาร 3 มื้อ อาจารย์ก็จัดให้เรียบร้อย
เสื้อผ้าก็ซื้อให้ใหม่ปีละ 3 ชุด ไม่สบาย อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ คุณแม่
ตาบอดไม่ได้ไปไหน ฉะนั้นเงินเดือน 300 นี่ ตัดได้ครับ"
อาจารย์บอกว่า
"ตัดไม่ได้เด็ดขาด...300 บาทนี่สำคัญที่สุด
เพราะ...เป็นเงินสำหรับเลี้ยงหัวใจแม่!"
ผมฟังแล้วสะอึก!
"เงินเลี้ยงหัวใจแม่"...พวกเราเคยได้ยินไหมครับ?!??
อาจารย์บอกต่อ
“หัวใจต้องการอาหารที่มาหล่อเลี้ยงให้เอิบอิ่ม เบิกบาน เป็นสุข...
คุณลองนึกดู...คนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่เป็นยังไง? หัวใจมันแฟบ หัวใจมันเหี่ยวเฉา-เหมือนดอกไม้ยามเย็น ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจะรู้ พอเลยวันที่ 25 ไปแล้วนี่ มันเหี่ยวๆ ยังไงชอบกล ไม่มีเงินค่ารถ..ค่าอาหาร..ซื้อข้าวสาร..มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน
แม่อยู่กับเราก็จริง แต่ถ้าแม่ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่ หัวใจท่านเหี่ยว พอถึงวันเงิน
เดือนออก ทุกคนหน้าบานเหมือนดอกไม้ยามเช้า จิตใจสดชื่นเบิกบาน มี
ความสุข รับเงินเดือนมาใหม่ๆหน้าสดใส สั่งกาแฟยังเสียงดังฟังชัด
ทุกสิ้นเดือนพอเงินเดือนออก ผมเข้าไปกราบแม่บอกว่า วันนี้เงินเดือนออกครับ
ผมนำเงินมาบูชาพระคุณแม่ 300 บาทครับ...เอาเงินใส่มือแม่ แม่ก็ให้ศีล ให้
พร เอาเงินเก็บใต้หมอนไว้อย่างมีความสุข"
300.-บาท เลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร?
วันหนึ่งน้องของอาจารย์พาภรรยาไปคลอด คุณแม่ก็ซื้อทองให้หลานด้วย
เงิน 300.-บาท แต่ก่อนทองคำบาทละ 400 ท่านกอดหลานชาย...สวม
สร้อยให้พร้อมเป่าหัว
พอเด็กคนนี้โตพอพูดได้ มีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใคร
ซื้อให้ ก็จะตอบว่า “คุณย่าซื้อให้” ชี้มือไปที่คนตาบอด คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า ไม่ใช่พ่อแม่ เพราะเงิน 300.- บาทนี่เสกให้คนตาบอดขลัง ถ้าคุณแม่ไม่มีเงิน จะรับขวัญหลานได้อย่างไร ? เห็นไหมครับ ?
ไม่ใช่ว่าพอโตขึ้น มีคนถามว่าคนนี้เป็นใคร เด็กบอกว่ายายแก่ตาบอดนี่..มา
อาศัยพ่อแม่ฉันอยู่ เห็นหรือยังคุณว่าเงินเดือน 300 บาทนี่ ทำให้คนแก่ตา
บอดมีคุณค่าขึ้นมาได้
วันดีคืนดี แม่ครัวล้างชามเสร็จ คุณแม่ก็บอกให้มานวดขาให้ แม่ครัวหน้ามุ่ย
ทำงานเหนื่อยยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำๆคว่ำหน้า พอนวดเสร็จคุณย่าหยิบ
เงินให้ 30 บาท แม่ครัวยิ้มหน้าบาน ยกมือไหว้ ขอบคุณค่ะ
วันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จรีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ... วันนี้นวดอีกไหมคะคุณย่า?
เห็นไหมเงินเดือน 300 บาท ที่เราให้แม่ของเรามีฤทธิ์ขึ้นมาได้ มีคนมายก
มือไหว้ มีคนมาปรนนิบัติ มีคนมานวดให้ ถ้าไม่มีเงินเดือน 300 บาทนี้
แม่เราจะมีฤทธิ์ได้อย่างไร?
...บันไดไปสวรรค์ด้วยเงิน 300 บาท...
วันหนึ่ง พระมาเรี่ยไรจะสร้างโบสถ์ อาจารย์นิมนต์พระเข้ามา แล้วชี้มือบอก
มรรคนายกว่า...ให้ไปเรี่ยไรกับคุณย่าโน่น มรรคนายกบรรยายว่าจะสร้าง
โบสถ์ กว้างเท่านั้น ยาวเท่านี้ สูงเท่าไร สวยงามยัง ราคาเท่าไร
คุณแม่ยกหมอนขึ้น นับเงินมา 500 พนมมืออธิษฐาน ขอให้ศาสนายืนยงไปอีก 5 พันปี นิพพานปัจโยโหตุ...ทำบุญสร้างโบสถ์ไว้เป็นมิ่งขวัญในพระศาสนา
เห็นมั๊ยว่าเงินเดือน 300 ที่เราให้เป็นบันไดพาแม่ไปสวรรค์...นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือแม่จะได้ทำบุญไหม?
พอพระให้พรเสร็จก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป ยายแก่บ้านโน้นกำลังเก็บผ้าอยู่
ในบ้าน มรรคนายกตะโกนข้ามรั้ว ทำบุญสร้างโบสถ์ไหมคุณยาย?
ยายข้างบ้านตอบ “ยายไม่มีเงินหรอก ยายอาศัยลูกสาวเขาอยู่ เดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทันจะขอเงินเขาทำบุญ” เพราะลูกเค้าไม่ได้ให้เงินเดือนแม่ ยายแก่คนนี้เป็นเพียงแค่คนเก็บผ้าของ ลูกๆ ยายแก่คนนี้ไม่มีเงิน เพราะลูกเอามาเลี้ยงแปะๆ แมะๆไว้ข้างรั้วบ้าน เอาไว้คอยเก็บผ้า!
เป็นยังไงบ้างครับ...เห็นอิทธิฤทธิ์ของเงิน 300 บาท..."เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยังครับ
วันนี้เราให้ "เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยัง ?
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/Tip2/2007/08/11/entry-2