สวัสดีคะ เป็นกระทู้แรกที่เขียน ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะคะ ซึ่งจริงๆ อยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนผู้หญิงฟังนานแล้วคะแต่ไม่ค่อยมีเวลา เรื่องที่จะเล่าคือ เรื่องของเจ้าของกระทู้เองคะ เรา อายุ 27 มีแฟนแล้วคะ ค่อนข้างเป็นคนแข็งแรง(เมื่อก่อนน๊า) แต่ตั้งแต่เป็น มะเร็ง มาก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ เรื่องที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ คือ เรื่องของโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นโรคที่ผู้หญิงไทยเป็นกันมาก ในปัจุบัน เข้าเรื่องกันเลย คือ ช่วงเดือน ก.พ. 2557 ป่วย..มีอาร ไอ มีน้ำมูก เหมือนเป็นไข้หวัด ปกติ ก็ไปคลีนิคใกล้ที่พักค่ะ สรุป หมอบอกป่วยไข้หวัดธรรมดา มีคออักเสบร่วมด้วย แต่บังเอิญ จุดนี้แหละค่ะ อยู่ๆ ก็มีพยาบาลมาชวนไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และเบาหวาน ฟรี!! เราก็อึกอักอยู่พักใหญ่เพราะว่าอยากกลับห้องพักแล้ว แต่ก็ถูกพี่พยาบาลเซ้าซี้ ให้ตรวจ เราก็เลยตกลงตรวจไป..เขาก็บอกว่ารอฟังผลประมาณ 1 เดือน ..จากวันนั้น จนถึงครบ 1เดือน เราก็ยังคงป่วย อยู่เหมือนเดิม แต่เพิ่มอาการ ปวดท้อง ปวดหลัง มาด้วย เจ็บออดๆ แอดๆ มาเรื่อยๆ ต้นเดือนมีนาคม 2557 ผลตรวจก็มา โดยเขาจะโทรมาบอกผล แต่เราไม่ได้รับสาย เขาเลยโทรเข้า เบอร์พี่สาวเรา ซึ่งเราได้ทำประวัติไว้ที่คลีนิค ว่าเบอร์ที่สามารถติดต่อได้อีกเบอร์ คือ เบอร์พี่สาวเรา วันนั้นเย็นๆ พี่สาวโทรเข้าเครื่องเรา พร้อมกับทำเสีย ตกใจ ว่า ...ผลมาแล้ว เขาบอกเธอมีเซลล์ผิดปกติ....ให้ไปเอาใบผลตรวจแล้วไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใหญ่ ?? เราก็ค่อนข้างตกใจ แต่คิดในใจว่า คงไม่เป็นอะไรมาก ตอนเช้า ก็ไปที่คลีนิค ไปเอาใบผลตรวจ พยาบาลก็บอกให้เราไปส่องกล้องที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ... เราก็ คะๆๆ รีบกลับห้องเอาใบผลตรวจออกมาดู อ่านไม่รู้เรื่องเลยคะ ภาษาแพทย์ล้วนๆเลย ทำไงดี? เลยลองเอาผลไป เซิร์ท ในกูเกิ้ล เท่าที่จำได้ ...LOW CIN .. ประมาณนี้นะคะ เอาไปค้นหา ที่ได้คำตอบก็ประมาณ ว่า มีเซลล์ผิดปกติจริงแต่มีโอกาสน้อยจะเป็นมะเร็งปากมดลูก แต่ถ้าเป็น High CIN นี่รีบให้ไปรักษา อันนี้ตามความเข้าใจของเราเองนะคะ พอเห็นว่าเป็น LOW ก็เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ เลยไม่ได้รีบไปตรวจต่อ เพราะว่าตัวเองยังไม่หาย ปวดท้อง ปวดหลัง ก็โฟกัสแต่ ท้องกับหลัง เพราะว่ามันปวดมากก ปวดจนร้องไห้ ไปทำงานไม่ไหวเลยคะ พอทนไม่ไหวสุดๆ ก็ไปหาหมอ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ไปด้วยอาการปวดท้องและหลัง สรุป หมอบอกว่า เป็นของเสียค้างในลำไส้เยอะ TT ให้ยาระบายมากิน ก็ยังไม่หายอิก กลับไปคลีนิคเดิม หมอทำอัลตร้าซาวด์ ให้ สรุปมีก้อนน้ำเล็กๆ ในมดลูก ให้ยาฆ่าเชื้อเข้าเส้นคะ ครั้งนี้โอเค ค่ะ ดีขึ้น แต่ก็ต้องกลับไปโรงพยาบาลเอกชนอิกครั้งเพราะตามหมอนัด คราวนี้ได้ มีโอกาสปรึกษา เรื่องผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หมอท่านก็ส่งตัวไป แผนก สูตินารีเวช ....พอพบหมอสูติ เขาก็ดูใบผลตรวจและบอกว่าเราเป็น CIN1 คือระยะก่อนเป็นมะเร็งขั้นที่1 มี3ขั้น CIN1/CIN2/CIN3 และต่อไปก็เป็น CIS (มะเร็งที่อยู่กับที่) ยังไม่ถึงขั้นเป็นมะเร็งที่ลุกลามนะคะ และเท่าที่หมอส่องกล้องหมอบอกเราว่าน่าจะเป็นถึง CIN3 ให้เราตัดสินใจระหว่างตัดชิ้นเนื้อเล็กๆ ไปตรวจ (ราคา 15,000) หรือจะไป ทำ Leep ที่เดียว (ราคา 25,000) แต่ถ้าตรวจชิ้นเนื้อแล้ว เราเป็นไม่ถึง CIS ก็ไม่ต้องทำ Leep (คือ การตัดปากมดลูกโดยใช้ห่วงไฟฟ้า) เราก็ลังเล เพราะหมอก็บอกว่า เราอายุยังน้อยไม่น่าจะเป็นถึง CIS เลยตัดสินใจ ตัดชิ้นเนื้อเล็กๆไปตรวจ ...รอผล 1 อาทิตย์ สรุปผล เราเป็น CIS (มะเร็งที่อยู่กับที่) คะ หมอก็พยายามอธิบายไม่ให้เราตื่น ตกใจ แต่เราก็หน้าเสียไปแล้วคะ ตอนนั้น หมอก็ บอกว่า เรายังเป็นมะเร็งที่อยู่กับที่ คือยังไม่ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยการทำการตัดปากมดลูกด้วงห่วงไฟฟ้า(Leep) เอารอยโรคออกไป เราก็หวั่นๆ ด้วยความกลัวคิดว่ามะเร็งยังไงคงต้องถึงตายแน่แล้ว และหมอก็นัดทำ Leep วันที่ 13 พ.ค. 57 คะ (จ่ายไปอีก 25,000 ) ถึงวัน ผ่าตัด กล้าๆ กลัวๆ คะ ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน ตรวจเลือด เวลา สิบโมงกว่าเดินเข้าห้องผ่าตัด ครั้งแรกในชีวิต อาการวูบๆ เหมือนจะเป็นลม ผู้ช่วยหมอพยุงขึ้นเตียง โอ้ววว.. พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยหมอ อยู่เกือบ 10 คน เราตัวเล็กคนเดียว รู้สึก กล้าๆกลัว หวั่นๆ ..ขึ้นไปนอนสักพักเดียว ก็โดนรมยานอนหลับ มีอาการ วิ้งๆ เวิ้งๆ เหมือนตกอยู่ในภวังค์อยู่ ไม่ถึง 2 นาที และตื่นอีกที บ่ายสามโมงกว่า หลับไปประมาณ 5 ชั่วโมงคะ ตื่นมารู้สึกหน่วงๆ ที่ท้องน้อย นิดหน่อย แล้วพยาบาลก็บอก กลับบ้านได้ค่ะ และวันที่ 20 พ.ค.57 ให้มาฟังผล ถ้าหากตัดเอารอยโรคออกหมด เราก็ไม่ต้องไปรักษา ตามแบบฉบับ มะเร็งเต็มขั้น เราก็กลับบ้าน มารักษาตัวอยู่ 1 อาทิตย์ ถึงวันที่ 20 ไปฟังผล คะ ......เป็นวันที่เหมือนเอาภูเขาลูกมหึมาออกจากอกเลยคะ ผล คือ หมอตัดเอารอยโรคออกหมด เพราะหมอตัดลึก ประมาณ เกือบ 1 เซน แต่จะมีข้อเสียคือ หากเรามีน้องเราจะเสี่ยงต่อการแท้งง่ายกว่าคนปกติเยอะหน่อย แล้วเรายังต้องไปพบหมอ ทุกๆ 2 เดือน เป็นเวลา 2 ปี เพื่อติดตามผล และกลัวกลับมาเป็นซ้ำอีกรอบคะ ประสบการณ์ที่น่ากลัวก็เป็นอย่างที่เล่านะคะ อาจจะเล่า วกวนไปหน่อย แต่อยากให้ผู้หญิงอย่าคิดว่าเราอายุน้อยๆแล้วเราจะไม่เป็นนะคะ โรคนี้น่ากลัวมากๆ เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ แต่หลักๆ คือ เพศสัมพันธ์และติดเชื้อ HPV หรือหาข้อมูลจาก อินเตอร์เน็ตอีกครั้งนะคะเพื่อที่จะได้ความรู้ครบถ้วน หมอยังบอกว่าอีกว่า หากมาช้ากว่านี้ มะเร็งอาจจลุกลามไปยังส่วนอื่น ไปแล้ววว เราถือว่าโชคดีที่ตรวจเจอก่อน ต้องขอขอบคุณพี่พยาบาลที่คลีนิคคนนั้นจริงๆคะ อีกอย่างนะคะ คือ การเป็นมะเร็ง เชื้อมันใช้เวลาในการฟักตัวเป็น สิบๆ ปีเลย กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะอาการเขาจะออกตอนเป็น ขั้นที่ 2-3 ไปแล้ว หากใครมีประสบการณ์เคยทำ Leep มาแชร์กันได้นะ จะได้ แชร์การดูแลตัวเองหลังทำLeep กันคะ.... ขออนุญาติติดแท๊กไปที่โต๊ะเครื่องแป้งนะคะ เพราะว่าสาวๆจะเข้ามาดูเยอะ^^
ภัยใกล้ตัวผู้หญิง(อย่างเรา)