"ฉันก็เดิมๆ ไม่ได้เจอะ ไม่ได้รักใคร มีเสียงเพลงปลอบหัวใจ ให้พ้นวันต่อวัน
เพราะรักแท้ฉันมีได้แค่ครั้งเดียว เธอเท่านั้นที่ฉันยงคงจดจำไว้ในใจ หนึ่งใจที่ตัวฉันมี
เธอเป็นคนได้ไป ไม่ต้องการใคร ไม่เหลือให้ใคร ลมหายใจยังมีแต่เธอ"
ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากเล่า อยากระบาย (เคยเล่ามาบ้างแล้วแหละใน Pantip แห่งนี้)
ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 27 ปี เป็นคนภาคเหนือ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ทางภาคเหนือ ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ได้ 4 ปี เคยมีแฟน คบกัน
มา 7 ปี และตอนนี้เลิกกับแฟนได้ 6 เดือนแล้ว
ใครเลยจะรู้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต จะมีโอกาสได้เป็นแฟนเก่า หรือ จะได้มีแฟนเก่ากับเขา
...ย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 (ไม่ใช่ 2499 นะ เพราะยุคนั้นอันธพาลครองเมือง) ผมนั้น
ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ผมเรียนกฎหมายครับ ตอนเรียนอยู่ปี 1
ก็รับน้อง มีเพื่อน ต้องปรับตัวจากที่เคยเป็นเด็กอยู่กับบ้าน ต้องมาใช้ชีวิตอยู่หอกับเพื่อน
แต่ก็สนุกดี
....ทั้งชีวิตผม ไม่เคยมีแฟนมาก่อนครับ ตอนเรียนมัธยม ก็มีรุ่นน้องมาปลื้ม มาแอบชอบ
หรือ แม้กระทั่งชอบอย่างเปิดเผย มาส่งยิ้มให้หน้าห้องเรียนผมทุกวัน มีคนส่งดอกไม้ให้
ส่งการ์ด ส่งตุ๊กตา น่ารักๆให้บ้าง แต่ก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กันแบบพี่แบบน้อง ไม่เคยทำ
อะไรแบบที่แฟนเขาทำกัน เช่น กินข้าว ดูหนัง อะไรแบบนี้ น้องเขาโทรมาผมก็รับสายบ้าง
ไม่รับสายบ้าง ตอนเรียนมัธยมก็เลยไม่เคยมีแฟนกับเขา
เข้ามหาวิทยาลัย ตอนปี 1 ก็ตั้งใจเรียน เรียนก็ค่อนข้างหนัก ตั้งใจซ้อมกีฬา ผมเป็นนัก
ฟุตบอลของคณะด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาจีบหญิง ประกอบกับไม่เจอคนที่ถูกใจด้วยมั้ง
เริ่มต้นดี >>> ตอนผมอยู่ปี 2 ผมจำได้ดี แม้จะผ่านมาเกือบ 7 ปี แล้วก็ตาม เย็นวันนั้น
ผมตั้งใจจะไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัย ผมใส่เสื้อหมายเลข 8
พอไปถึงสนามกีฬา สายตาของผมก็สะดุดไปที่เด็กหญิงคนหนึ่ง เธอเป็นเด็กปี 1 ผิวขาว
ตัวเล็ก ผมยาวถึงกลางหลัง น่ารักมาก ที่สำคัญเธอใส่เสื้อหมายเลข 8 เหมือนผมเลย
(ผมก็เลยคิดว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ) ทั้งๆ ที่แถวนั้นน่าจะมีคนใส่เสื้อหมายเลข 8
ซัก 10 คน เห็นจะได้...
โชคดีมาก >>> น้องสาวคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เดินเข้ามาทักผมว่าพี่ B สนใจ F หรอ
น้องคนนั้นเป็นเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกับเธอ คณะวิทยาศาสตร์น่ะครับ และเป็นเพื่อน
สนิทกับเธอด้วยผมจึงถือโอกาสให้น้องสาวขอเบอร์ของเธอให้หน่อย จากนั้นไม่นานผม
ก็ได้เบอร์เธอมา และโทรหาเธอ ก็กะว่าจะโทรจีบนั่นแหละ ชวนคุยเรื่องต่างๆ จนเวลา
ผ่านไป 1 เดือน เราเริ่มสนิทกันทางโทรศัพท์ โดยที่เธอไม่เคยเจอผมเลยเราจึงนัด
เจอกันที่หอพักของเธอ (หอพักหญิงของมหาวิทยาลัย)
ครั้งแรกที่เจอกัน >>> ผมมารอเธอประมาณ 10 นาที เธอเดินลงบันไดมา แต่งตัวด้วย
เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงสีน้ำตาล ที่คาดผมสีขาว ปล่อยผมยาวสลวยถึงกลางหลัง
(ผมรู้สึกว่าตกหลุมรักเธอเป็นครั้งที่ 2) เราก็คุยกันแบบอายๆ นิดๆ ผมก็ดีนาฬิกาบ่อยๆ
จนเธอแซว (เวลาผมอายผมจะชอบมองท้องฟ้า หรือดูนาฬิกา)
เดทครั้งแรก >>> เย็นวันหนึ่งผมมาหาเธอที่หอพัก และชวนเธอไปกินข้าว เธอเหมือน
ไม่ค่อยอยากไป (เธอค่อนข้างขี้อายและไม่ค่อยเปิดใจ) แต่ผมอ้างว่าหิวข้าวมาก จะเป็น
โรคกระเพาะอยู่แล้ว (จริงๆ กินมาแล้วโม้ไปงั้น) เธอจึงยอมไปด้วย เป็นครั้งแรกที่เธอ
ยอมไปไหนมาไหนกับผม ผมพาเธอไปทานสลัดหลังมหาวิทยาลัย (ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะกิน
สลัดเป็นข้าวเย็น แต่ก็ไปเพราะเพื่อนแนะนำว่ามันเหมาะกับสาวๆ) ผมยังจำบรรยากาศ
ในวันนั้นได้ดี จำได้แม้กระทั้งชื่อร้าน อากาศเย็นสบาย แสงแดดยามเย็นสาดส่อง เบื้องหลัง
เป็นพระธาตุดอยสุเทพ
หนังเรื่องแรก >>> เธอบ่นว่าอยากดูหนังเรื่อง “สายลับจับบ้านเล็ก” มาก แต่ผมไม่กล้าชวน
เพราะเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน สุดท้ายเธอโทรมาชวนผมไปดู ทุกวันนี้ผมยังเก็บตั๋วหนังคู่นั้น
ไว้อย่างดี (ผมรู้สึกมีความหวังและกำลังใจในชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะมีหลายคนมาจีบเธอ
รวมทั้งพี่รหัสของเธอด้วย)
1 พฤศจิกายน >>> หลังจากที่ได้รู้จักกันประมาณ 4 เดือน ผมจึงของเธอเป็นแฟน เธอตอบ
ตกลง จากนั้นชีวิต 3 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ผมก็ไม่สามารถมองผู้หญิงคนอื่นได้อีกเลย และเธอ
ก็เป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิต ที่ผมกล้าเรียกว่าแฟน
ช่วงเวลาที่ยากลำบาก >>> คือตอนที่ผมเรียนจบ และต้องมาทำงานที่จังหวัดชลบุรี ส่วนเธอ
ยังต้องเรียนอีก 1 ปี เป็นครั้งแรกที่เราต้องห่างกัน เราติดต่อกันทางโทรศัพท์อย่างเดียว
ได้เจอกันตอนที่ผมรับปริญญา นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับครอบครัวของผมอย่างเป็น
ทางการ และอีกครั้งคือตอนที่ผมบินไปเซอร์ไพร์ วันเกิดเธอที่เชียงใหม่
สิ้นสุดการรอคอย >>> เธอเรียนจบ และได้มาทำงานในภาคตะวันออก แต่คนละจังหวัดกับผม
เราต่างดีใจมาก ซึ่งเธอจะนั่งรถตู้มาหาผมทุกสิ้นเดือน และชอบให้ผมพาไปเที่ยวห้างฯ ไปดูหนัง
ไปร้องคาราโอเกะ ฯลฯ
ความผิดปกติที่ไม่เคยสังเกต >>> ปกติเราจะโทรคุยกันทุกวัน แต่เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2556
ที่ผ่านมา เธอไม่ค่อยจะโทรมาหาผมเหมือนเช่นเคย โดยบอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อนบ้าง ดูละครบ้าง
และจะโทรหาผมหลังละครจบ ซึ่งผมก็ไม่เคยคิดสงสัยอะไร เพราะคิดว่าเธออยู่คนเดียวคงจะเหงา
หากออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อนบ้างก็ดี
14 กุมภาพันธ์ 2557 >>> เที่ยงคืน 15 นาที ผมขับรถไปหาเธอที่บ้านพัก (โดยไม่บอกล่วงหน้า
เพราะจะไปเซอร์ไพร์วันวาเลนไทน์) พร้อมด้วยดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่แซมด้วยดอกกุหลาบสีแดง 7 ดอก
(สื่อถึง 7 ปีที่คบกันมา) พอมาถึงหัวใจผมเต้นแรงทุกที ราวกับว่าจะจีบเธออีกครั้ง ผมจึงโทรหาเธอ
ให้เปิดบ้านมาเซอร์ไพร์
เกิดอะไรขึ้น >>> เธอรับสายและตอบว่าอยู่บ้านเพื่อน ให้ผมกลับไปก่อน ผมทั้งงง ทั้งสงสัย และสับสน
จึงคาดคั้นให้เธอพูดความจริง สุดท้ายเธออยู่บ้านครับ และเซอร์ไพร์ผมด้วยการบอกว่าเธอมีคนใหม่แล้ว
ขอให้ผมกลับไปก่อนแล้วจะอธิบายทีหลัง ผมไม่เชื่อที่เธอพูด เธอจึงต่อสายให้คุยกับผู้ชายคนหนึ่ง
ผมถามว่าเป็นเพื่อนกับ F หรอครับ ผู้ชายคนนั้นตอบว่าเป็นแฟน ผมจึงมอบดอกไม้ให้เธอ และบอกเธอ
ทั้งน้ำตาว่า “หากหมดรักผมแล้วก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ และจะยอมไปแต่โดยดี
...เธอยอมรับผิดว่าเพราะว่าเราอยู่ห่างกัน และเพราะความเหงา ตอนแรกแค่คุยกับคนนั้นเล่นๆ แต่รู้ตัวอีกที
ก็หลงรักเขาไปแล้ว แต่ไม่กล้าบอกผม
ผมเป็นอะไร >>> ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 6 เดือนแล้ว ที่ผมกับเธอเลิกกัน แต่ทำไม่ผมยังคงคิดถึงเธอทุกวัน
แม้กระทั่งเวลานี้ที่พิมพ์ถึงบรรทัดนี้ และยังคงฝันถึงเธออยู่บ่อยๆ ผมยังลืมเธอไม่ได้ มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตผม
ผมก็ไม่สนใจ บอกไปตรงๆ ว่าผมยังไม่พร้อมจะรักใคร…
ล่าสุดในวันเกิดผมเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เธอโทรมาครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโทรมาเลย
และถามว่าสบายดีไหม ส่วนเธอกับแฟน รักกันดีครับ และกำลังทานข้างกลางวันด้วยกันอยู่
(ผมเป็นฝ่ายถามถึงแฟนเธอเอง)
คำถามหนึ่งที่ทำเอาผมเงียบอึ้งไป เธอถามว่า ผมมีแฟนใหม่หรือยัง แบบผมไม่น่าจะหาได้ยาก มีเสน่ห์
แบบนี้ ผมเงียบไปนิดนึง แล้วตอบกลับไปว่า ผมก็เรื่อยๆ ใครจะมาสนใจ
(จริงๆมี ขนาดพี่ที่อยู่ที่คอนโด ยังรู้ว่าผมเลิกกับแฟน ทักไลน์มาคุยด้วย อาสาช่วยดามใจซะงั้น บอกเลย
ผมชอบคนเด็กกว่า)
สุดท้ายผมก็บอกว่า เธอกับแฟนรักกันมาก ผมก็ดีใจ แต่ต่อไปอย่าโทรมาหาผมอีก ผมไม่อยากคุยกับเธออีก
ขอให้ลบเบอร์ผมทิ้ง (ถึงลบจะเบอร์ผม เธอก็คงจำได้อยู่ดี) เธอสัญญาว่าจะไม่โทรมาอีก
# 6 เดือนที่ผ่านมา ผมเศร้ามาก กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว หวังเพียงว่าอีกไม่นานจะลืมเธอได้
ความรู้สึกเมื่อแฟนเก่า...ถามว่าเรามีแฟนหรือยัง ???
เพราะรักแท้ฉันมีได้แค่ครั้งเดียว เธอเท่านั้นที่ฉันยงคงจดจำไว้ในใจ หนึ่งใจที่ตัวฉันมี
เธอเป็นคนได้ไป ไม่ต้องการใคร ไม่เหลือให้ใคร ลมหายใจยังมีแต่เธอ"
ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากเล่า อยากระบาย (เคยเล่ามาบ้างแล้วแหละใน Pantip แห่งนี้)
ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 27 ปี เป็นคนภาคเหนือ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ทางภาคเหนือ ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ได้ 4 ปี เคยมีแฟน คบกัน
มา 7 ปี และตอนนี้เลิกกับแฟนได้ 6 เดือนแล้ว
ใครเลยจะรู้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต จะมีโอกาสได้เป็นแฟนเก่า หรือ จะได้มีแฟนเก่ากับเขา
...ย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 (ไม่ใช่ 2499 นะ เพราะยุคนั้นอันธพาลครองเมือง) ผมนั้น
ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ผมเรียนกฎหมายครับ ตอนเรียนอยู่ปี 1
ก็รับน้อง มีเพื่อน ต้องปรับตัวจากที่เคยเป็นเด็กอยู่กับบ้าน ต้องมาใช้ชีวิตอยู่หอกับเพื่อน
แต่ก็สนุกดี
....ทั้งชีวิตผม ไม่เคยมีแฟนมาก่อนครับ ตอนเรียนมัธยม ก็มีรุ่นน้องมาปลื้ม มาแอบชอบ
หรือ แม้กระทั่งชอบอย่างเปิดเผย มาส่งยิ้มให้หน้าห้องเรียนผมทุกวัน มีคนส่งดอกไม้ให้
ส่งการ์ด ส่งตุ๊กตา น่ารักๆให้บ้าง แต่ก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กันแบบพี่แบบน้อง ไม่เคยทำ
อะไรแบบที่แฟนเขาทำกัน เช่น กินข้าว ดูหนัง อะไรแบบนี้ น้องเขาโทรมาผมก็รับสายบ้าง
ไม่รับสายบ้าง ตอนเรียนมัธยมก็เลยไม่เคยมีแฟนกับเขา
เข้ามหาวิทยาลัย ตอนปี 1 ก็ตั้งใจเรียน เรียนก็ค่อนข้างหนัก ตั้งใจซ้อมกีฬา ผมเป็นนัก
ฟุตบอลของคณะด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาจีบหญิง ประกอบกับไม่เจอคนที่ถูกใจด้วยมั้ง
เริ่มต้นดี >>> ตอนผมอยู่ปี 2 ผมจำได้ดี แม้จะผ่านมาเกือบ 7 ปี แล้วก็ตาม เย็นวันนั้น
ผมตั้งใจจะไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัย ผมใส่เสื้อหมายเลข 8
พอไปถึงสนามกีฬา สายตาของผมก็สะดุดไปที่เด็กหญิงคนหนึ่ง เธอเป็นเด็กปี 1 ผิวขาว
ตัวเล็ก ผมยาวถึงกลางหลัง น่ารักมาก ที่สำคัญเธอใส่เสื้อหมายเลข 8 เหมือนผมเลย
(ผมก็เลยคิดว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ) ทั้งๆ ที่แถวนั้นน่าจะมีคนใส่เสื้อหมายเลข 8
ซัก 10 คน เห็นจะได้...
โชคดีมาก >>> น้องสาวคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เดินเข้ามาทักผมว่าพี่ B สนใจ F หรอ
น้องคนนั้นเป็นเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกับเธอ คณะวิทยาศาสตร์น่ะครับ และเป็นเพื่อน
สนิทกับเธอด้วยผมจึงถือโอกาสให้น้องสาวขอเบอร์ของเธอให้หน่อย จากนั้นไม่นานผม
ก็ได้เบอร์เธอมา และโทรหาเธอ ก็กะว่าจะโทรจีบนั่นแหละ ชวนคุยเรื่องต่างๆ จนเวลา
ผ่านไป 1 เดือน เราเริ่มสนิทกันทางโทรศัพท์ โดยที่เธอไม่เคยเจอผมเลยเราจึงนัด
เจอกันที่หอพักของเธอ (หอพักหญิงของมหาวิทยาลัย)
ครั้งแรกที่เจอกัน >>> ผมมารอเธอประมาณ 10 นาที เธอเดินลงบันไดมา แต่งตัวด้วย
เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงสีน้ำตาล ที่คาดผมสีขาว ปล่อยผมยาวสลวยถึงกลางหลัง
(ผมรู้สึกว่าตกหลุมรักเธอเป็นครั้งที่ 2) เราก็คุยกันแบบอายๆ นิดๆ ผมก็ดีนาฬิกาบ่อยๆ
จนเธอแซว (เวลาผมอายผมจะชอบมองท้องฟ้า หรือดูนาฬิกา)
เดทครั้งแรก >>> เย็นวันหนึ่งผมมาหาเธอที่หอพัก และชวนเธอไปกินข้าว เธอเหมือน
ไม่ค่อยอยากไป (เธอค่อนข้างขี้อายและไม่ค่อยเปิดใจ) แต่ผมอ้างว่าหิวข้าวมาก จะเป็น
โรคกระเพาะอยู่แล้ว (จริงๆ กินมาแล้วโม้ไปงั้น) เธอจึงยอมไปด้วย เป็นครั้งแรกที่เธอ
ยอมไปไหนมาไหนกับผม ผมพาเธอไปทานสลัดหลังมหาวิทยาลัย (ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะกิน
สลัดเป็นข้าวเย็น แต่ก็ไปเพราะเพื่อนแนะนำว่ามันเหมาะกับสาวๆ) ผมยังจำบรรยากาศ
ในวันนั้นได้ดี จำได้แม้กระทั้งชื่อร้าน อากาศเย็นสบาย แสงแดดยามเย็นสาดส่อง เบื้องหลัง
เป็นพระธาตุดอยสุเทพ
หนังเรื่องแรก >>> เธอบ่นว่าอยากดูหนังเรื่อง “สายลับจับบ้านเล็ก” มาก แต่ผมไม่กล้าชวน
เพราะเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน สุดท้ายเธอโทรมาชวนผมไปดู ทุกวันนี้ผมยังเก็บตั๋วหนังคู่นั้น
ไว้อย่างดี (ผมรู้สึกมีความหวังและกำลังใจในชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะมีหลายคนมาจีบเธอ
รวมทั้งพี่รหัสของเธอด้วย)
1 พฤศจิกายน >>> หลังจากที่ได้รู้จักกันประมาณ 4 เดือน ผมจึงของเธอเป็นแฟน เธอตอบ
ตกลง จากนั้นชีวิต 3 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ผมก็ไม่สามารถมองผู้หญิงคนอื่นได้อีกเลย และเธอ
ก็เป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิต ที่ผมกล้าเรียกว่าแฟน
ช่วงเวลาที่ยากลำบาก >>> คือตอนที่ผมเรียนจบ และต้องมาทำงานที่จังหวัดชลบุรี ส่วนเธอ
ยังต้องเรียนอีก 1 ปี เป็นครั้งแรกที่เราต้องห่างกัน เราติดต่อกันทางโทรศัพท์อย่างเดียว
ได้เจอกันตอนที่ผมรับปริญญา นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับครอบครัวของผมอย่างเป็น
ทางการ และอีกครั้งคือตอนที่ผมบินไปเซอร์ไพร์ วันเกิดเธอที่เชียงใหม่
สิ้นสุดการรอคอย >>> เธอเรียนจบ และได้มาทำงานในภาคตะวันออก แต่คนละจังหวัดกับผม
เราต่างดีใจมาก ซึ่งเธอจะนั่งรถตู้มาหาผมทุกสิ้นเดือน และชอบให้ผมพาไปเที่ยวห้างฯ ไปดูหนัง
ไปร้องคาราโอเกะ ฯลฯ
ความผิดปกติที่ไม่เคยสังเกต >>> ปกติเราจะโทรคุยกันทุกวัน แต่เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2556
ที่ผ่านมา เธอไม่ค่อยจะโทรมาหาผมเหมือนเช่นเคย โดยบอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อนบ้าง ดูละครบ้าง
และจะโทรหาผมหลังละครจบ ซึ่งผมก็ไม่เคยคิดสงสัยอะไร เพราะคิดว่าเธออยู่คนเดียวคงจะเหงา
หากออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อนบ้างก็ดี
14 กุมภาพันธ์ 2557 >>> เที่ยงคืน 15 นาที ผมขับรถไปหาเธอที่บ้านพัก (โดยไม่บอกล่วงหน้า
เพราะจะไปเซอร์ไพร์วันวาเลนไทน์) พร้อมด้วยดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่แซมด้วยดอกกุหลาบสีแดง 7 ดอก
(สื่อถึง 7 ปีที่คบกันมา) พอมาถึงหัวใจผมเต้นแรงทุกที ราวกับว่าจะจีบเธออีกครั้ง ผมจึงโทรหาเธอ
ให้เปิดบ้านมาเซอร์ไพร์
เกิดอะไรขึ้น >>> เธอรับสายและตอบว่าอยู่บ้านเพื่อน ให้ผมกลับไปก่อน ผมทั้งงง ทั้งสงสัย และสับสน
จึงคาดคั้นให้เธอพูดความจริง สุดท้ายเธออยู่บ้านครับ และเซอร์ไพร์ผมด้วยการบอกว่าเธอมีคนใหม่แล้ว
ขอให้ผมกลับไปก่อนแล้วจะอธิบายทีหลัง ผมไม่เชื่อที่เธอพูด เธอจึงต่อสายให้คุยกับผู้ชายคนหนึ่ง
ผมถามว่าเป็นเพื่อนกับ F หรอครับ ผู้ชายคนนั้นตอบว่าเป็นแฟน ผมจึงมอบดอกไม้ให้เธอ และบอกเธอ
ทั้งน้ำตาว่า “หากหมดรักผมแล้วก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ และจะยอมไปแต่โดยดี
...เธอยอมรับผิดว่าเพราะว่าเราอยู่ห่างกัน และเพราะความเหงา ตอนแรกแค่คุยกับคนนั้นเล่นๆ แต่รู้ตัวอีกที
ก็หลงรักเขาไปแล้ว แต่ไม่กล้าบอกผม
ผมเป็นอะไร >>> ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 6 เดือนแล้ว ที่ผมกับเธอเลิกกัน แต่ทำไม่ผมยังคงคิดถึงเธอทุกวัน
แม้กระทั่งเวลานี้ที่พิมพ์ถึงบรรทัดนี้ และยังคงฝันถึงเธออยู่บ่อยๆ ผมยังลืมเธอไม่ได้ มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตผม
ผมก็ไม่สนใจ บอกไปตรงๆ ว่าผมยังไม่พร้อมจะรักใคร…
ล่าสุดในวันเกิดผมเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เธอโทรมาครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยโทรมาเลย
และถามว่าสบายดีไหม ส่วนเธอกับแฟน รักกันดีครับ และกำลังทานข้างกลางวันด้วยกันอยู่
(ผมเป็นฝ่ายถามถึงแฟนเธอเอง)
คำถามหนึ่งที่ทำเอาผมเงียบอึ้งไป เธอถามว่า ผมมีแฟนใหม่หรือยัง แบบผมไม่น่าจะหาได้ยาก มีเสน่ห์
แบบนี้ ผมเงียบไปนิดนึง แล้วตอบกลับไปว่า ผมก็เรื่อยๆ ใครจะมาสนใจ
(จริงๆมี ขนาดพี่ที่อยู่ที่คอนโด ยังรู้ว่าผมเลิกกับแฟน ทักไลน์มาคุยด้วย อาสาช่วยดามใจซะงั้น บอกเลย
ผมชอบคนเด็กกว่า)
สุดท้ายผมก็บอกว่า เธอกับแฟนรักกันมาก ผมก็ดีใจ แต่ต่อไปอย่าโทรมาหาผมอีก ผมไม่อยากคุยกับเธออีก
ขอให้ลบเบอร์ผมทิ้ง (ถึงลบจะเบอร์ผม เธอก็คงจำได้อยู่ดี) เธอสัญญาว่าจะไม่โทรมาอีก
# 6 เดือนที่ผ่านมา ผมเศร้ามาก กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว หวังเพียงว่าอีกไม่นานจะลืมเธอได้