สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คนที่มีนิสัยเจ้าอารมณ์...ขี้โมโห...บางคนก็ชอบสวดมนต์...ศึกษาธรรมะ
นิสัยทั้งดีและไม่ดี....มันก็เป็นนิสัยที่เราสะสมมาจากอดีตทั้งนั้น
เด็กผู้หญิงอายุ 7 ขวบ...ลูกเพื่อนที่ผมรู้จักก็ชอบนั่งสมาธิทั้งๆ ที่พ่อแม่พี่น้องก็ไม่มีใครสนใจเรื่องแบบนี้
ถามแกว่าทำไมถึงนั่งสมาธิแกตอบไม่ได้...รู้แค่ว่านั่งท่านี้แล้วมีความสุข...ส่วนเรื่องทฤษฏีแกไม่รู้
ตอนที่ผมบวชมีการฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐาน...สามเณรต่างวัดองค์หนึ่งไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนไม่ว่าจะสำนักไหน
นั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงลืมตาขึ้นมาแกมองเห็นทุกอย่างรอบตัวเป็นกระดูกไปซะทุกอย่าง...เหมือนมีตาแกกลายเป็นเครื่องเอ็กเรย์
พระองค์ไหนเคยประสบอุบัติเหตุแขนขาหักกระดูกถูกดามด้วยเหล็ก...แกชี้บอกได้ถูกทุกคน
หมาแมวเป็ดไก่ที่เดินผ่านไปมาก็มองเห็นเป็นโครงกระดูก..เมล็ดข้าวในจานก็มองเห็นเป็นเศษกระดูกหักป่นกองอยู่ในจาน
จนแกอาเจียนกินข้าวไม่ได้....อาจารย์ต้องให้แยกไปฝึกเป็นการส่วนตัวและปรับอารมณ์ให้ใหม่
ด้วยบารมีที่สร้างสมมาต่างกันนี่แหละ...จิตของเราจึงไม่เหมือนกันและแข่งขันกันทางจิตคงไม่ได้
ฝึกมาพร้อมกันแต่บางคนนั่งสมาธิไม่นานก็สามารถเข้าสมาธิได้...แต่เราอาจใช้เวลานับเดือนจิตยังไม่เคยเฉียดใกล้สมาธิเลยก็มี
เราก็เลยต้องหันมาสร้างสมบารมีตั้งแต่วันนี้...ถึงวันที่บารมีมากพอ
ปัจจัยเงื่อนไขมันคลิกลงตัว < ปัจจัยเงื่อนไขจริตนิสัยของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน >
เราอาจได้เจอกับมันสักครั้ง...เมื่อครั้งแรกมันเกิดขึ้นแล้วครั้งต่อไปก็คงไม่ยาก
มันจะยากก็ตรงที่ยังมองหาปัจจัยและเงื่อนไขของตัวเองไม่เจอนี่แหละ
ต้องฝึกบ่อยๆ สร้างสมประสบการณ์ตรงให้จิตมันรู้มากขึ้น....แล้วเราจะรู้เองว่าอะไรที่ตรงกับจริตของเรา
เคล็ดลับก็คือ...ศีล สมาธิ ปัญญา
ถ้ายังถือศีล 5 ไม่ได้..ยังปล่อยใจให้หลงเตลิดไปกับสภาพแวดล้อมรอบตัว...ยังไม่รู้จักการสำรวมระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
สมาธิอันมีรากฐานมาจากจิตใจที่สงบก็คงไม่เกิด...คนที่จิตใจสงบแม้จะเดินอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมันก็สงบ
แต่คนที่จิตใจฟุ้งซ๋าน...แม้จะนั่งสมาธิอยู่ในห้องคนเดียว...มันก็ฟุ้งซ่าน
มันเป็นเรื่องของเหตุและผล....คุณต้องลงมือทำเหตุแห่งสมาธิให้มันเกิดขึ้นก่อน...ผลของสมาธิก็จะตามมาเอง
ถ้าคุณขยันสร้างแต่เหตุแห่งความฟุ้งซ่านขุ่นมัวให้จิตใจทุกวี่วัน....แต่หวังจะให้ผลออกมาเป็นความสงบและสมาธิ
แบบนี้มันไม่มีเหตุผลครับ...
นิสัยทั้งดีและไม่ดี....มันก็เป็นนิสัยที่เราสะสมมาจากอดีตทั้งนั้น
เด็กผู้หญิงอายุ 7 ขวบ...ลูกเพื่อนที่ผมรู้จักก็ชอบนั่งสมาธิทั้งๆ ที่พ่อแม่พี่น้องก็ไม่มีใครสนใจเรื่องแบบนี้
ถามแกว่าทำไมถึงนั่งสมาธิแกตอบไม่ได้...รู้แค่ว่านั่งท่านี้แล้วมีความสุข...ส่วนเรื่องทฤษฏีแกไม่รู้
ตอนที่ผมบวชมีการฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐาน...สามเณรต่างวัดองค์หนึ่งไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนไม่ว่าจะสำนักไหน
นั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงลืมตาขึ้นมาแกมองเห็นทุกอย่างรอบตัวเป็นกระดูกไปซะทุกอย่าง...เหมือนมีตาแกกลายเป็นเครื่องเอ็กเรย์
พระองค์ไหนเคยประสบอุบัติเหตุแขนขาหักกระดูกถูกดามด้วยเหล็ก...แกชี้บอกได้ถูกทุกคน
หมาแมวเป็ดไก่ที่เดินผ่านไปมาก็มองเห็นเป็นโครงกระดูก..เมล็ดข้าวในจานก็มองเห็นเป็นเศษกระดูกหักป่นกองอยู่ในจาน
จนแกอาเจียนกินข้าวไม่ได้....อาจารย์ต้องให้แยกไปฝึกเป็นการส่วนตัวและปรับอารมณ์ให้ใหม่
ด้วยบารมีที่สร้างสมมาต่างกันนี่แหละ...จิตของเราจึงไม่เหมือนกันและแข่งขันกันทางจิตคงไม่ได้
ฝึกมาพร้อมกันแต่บางคนนั่งสมาธิไม่นานก็สามารถเข้าสมาธิได้...แต่เราอาจใช้เวลานับเดือนจิตยังไม่เคยเฉียดใกล้สมาธิเลยก็มี
เราก็เลยต้องหันมาสร้างสมบารมีตั้งแต่วันนี้...ถึงวันที่บารมีมากพอ
ปัจจัยเงื่อนไขมันคลิกลงตัว < ปัจจัยเงื่อนไขจริตนิสัยของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน >
เราอาจได้เจอกับมันสักครั้ง...เมื่อครั้งแรกมันเกิดขึ้นแล้วครั้งต่อไปก็คงไม่ยาก
มันจะยากก็ตรงที่ยังมองหาปัจจัยและเงื่อนไขของตัวเองไม่เจอนี่แหละ
ต้องฝึกบ่อยๆ สร้างสมประสบการณ์ตรงให้จิตมันรู้มากขึ้น....แล้วเราจะรู้เองว่าอะไรที่ตรงกับจริตของเรา
เคล็ดลับก็คือ...ศีล สมาธิ ปัญญา
ถ้ายังถือศีล 5 ไม่ได้..ยังปล่อยใจให้หลงเตลิดไปกับสภาพแวดล้อมรอบตัว...ยังไม่รู้จักการสำรวมระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
สมาธิอันมีรากฐานมาจากจิตใจที่สงบก็คงไม่เกิด...คนที่จิตใจสงบแม้จะเดินอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมันก็สงบ
แต่คนที่จิตใจฟุ้งซ๋าน...แม้จะนั่งสมาธิอยู่ในห้องคนเดียว...มันก็ฟุ้งซ่าน
มันเป็นเรื่องของเหตุและผล....คุณต้องลงมือทำเหตุแห่งสมาธิให้มันเกิดขึ้นก่อน...ผลของสมาธิก็จะตามมาเอง
ถ้าคุณขยันสร้างแต่เหตุแห่งความฟุ้งซ่านขุ่นมัวให้จิตใจทุกวี่วัน....แต่หวังจะให้ผลออกมาเป็นความสงบและสมาธิ
แบบนี้มันไม่มีเหตุผลครับ...
แสดงความคิดเห็น
สมาธิต้องเคยได้แต่ชาติก่อนหรือไม่?
ที่ยังทำไม่ได้ เพราะไม่เคยทำได้ในชาติก่อนหรือไม่
ส่วนใครที่ทำได้ช่วยบอกเคล็ดลับด้วย