ผมจากอุดรเข้ามากรุงเทพเมื่อปี2547
เข้ามาเรียนต่อและทำงานที่กรุงเทพก็10ปีแล้ว กลับไปเยี่ยมบ้านปีละ2-3ครั้งบ้าง
หวังว่าจะเข้ามาประสบความสำเร็จที่กรุงเทพเหมือนคนอื่นเขา
แต่จนถึงทุกวันนี้ มองย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนเข้ามากรุงเทพฯใหม่ๆ
ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักอย่าง
ยังกระ
กระสนหาเช้ากินค่ำ แฟนเคยมีก็ทิ้งก็หนีไปหมดแล้ว
ทุกวันนี้อยู่คนเดียว เหงาๆครับ เพื่อนๆก็มีบ้างสองสามคน แต่ไม่ค่อยได้เจอกัน
คิดจะกลับไปหางานทำที่อุดร คิดมาสองสามปีแล้ว เพิ่งจะมาพีคเมื่อตอนอายุ29นี่ล่ะคับ
เพราะแม่กับพ่ออยากให้ผมกลับไปอยู่ใกล้ๆท่าน เพราะท่านเริ่มอายุเยอะแล้ว อยากมีลูกๆดูแลข้างๆใกล้ๆในยามแก่บัาง
ผมก็ได้แต่พลัดคำขอของแม่ไปเรื่อยๆว่ายังก่อน รอให้ฐานะการงานการเงินดีกว่านี้ก่อน แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นดีขึ้นสักที
สาเหตุจริงๆที่ผมไม่กลับไปสักทีคือผู้หญิงคับ เพราะมักจะมีความรักตอนที่คิดว่าจะกลับไปทุกทีตลอด
จนไม่แน่ใจว่าเข้ามากรุงเทพมาหาเงินหรือมาหาแฟนกันแน่ แต่ความรักก็ดีอย่าง มันทำให้ผมหายใจต่อไปได้ในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายแบบนี้
พอมีความรัก ก็มีกำลังใจอยู่ที่นี่ต่อ แต่พอเหงาๆอยู่คนเดียว ก็อยู่ไม่ได้ อยากกลับไปอยู่บ้าน เป็นไปเป็นมาอยู่อย่างนี้หลายครั้งแล้วครับ
เมื่อเดือนที่แล้ว ผมได้กลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ แม่ผมดีใจมาก เพราะผมไม่ได้กลับไปหาท่านจะ2ปีแลัว
ทำนู่นทำนี่ให้กินมากมาย เพราะรู้ดีว่าลูกชายอยู่ที่โน้น คงอดๆอยากๆไม่ได้กินของดีๆเหมือนคนอื่นเขา
แม่จึงยอมเหนื่อย ทำกับข้าวหลายอย่าง ทำขนมให้กิน
ตอนที่ผมนั่งดูแม่ทำ แม่ผมก็ชวนผมคุยเรื่อง เมื่อไหร่จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ผมก็ไม่รู้จะตอบแม่ว่ายังไง เพราะยังกัวอยู่ว่า จะคิดถึงกรุงเทพเพราะอยู่จนชินแล้ว
แม่ก็เล่าให้ฟังว่า
"ถ้าวันหนึ่งแม่ไม่อยู่ จะอยู่คนเดียวได้มั้ย?
ถ้าวันหนึ่งแม่ไม่อยู่ จะทำกับข้าวอร่อยหรือของกินอร่อยได้มั้ย?
...จะคิดถึงแม่มากกว่านี้มั้ย ลูกจะอยู่ได้มั้ย ถ้าแม่ไม่ได้อยู่กับลูกอย่างนี้แล้ว..."
ผมก้มหน้า นั่งน้ำตาซึม พูดอะไรไม่ออก
ในหัวคิดว่า เวลาคงเหลือไม่เยอะแล้ว ที่เราจะได้อยู่กับแม่แบบนี้อีก
แม่ผมแข็งแรงดีคับ ไม่มีโรคอะไร แต่ท่านก็สอนผมเสมอว่า ชีวิตคนเรา จะตายพรุ่งนี้หรือเมื่อไหร่ไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าประมาท
ผมก็หนักใจเหมือนกัน ถ้ากลับมา จะมาทำงานอะไรได้
เพราะสายงานที่เคยทำมา ที่ อุดร ไม่มีคับ
เกรงว่าจะทำงานอย่างอื่นได้ไม่นาน
คิดไปมากมาย ห่วงหน้า ห่วงหลัง ไม่รู้จะทำยังไงดี
ผมจึงลาแม่กลับมาในกรุงเทพ ขอเวลากลับไปตัดสินใจก่อน
หลังจากกลับมาที่กรุงเทพในสองสามอาทิตย์ สิ่งต่างที่เคยเกิดขึ้นเดิมๆก็วนเวียนมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
ความเหงาที่เกิดจากการอยู่คนเดียว ความน่าเบื่อจากงาน จาการเดินทาง ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
ผมรู้ว่า ถ้าผมจะอยู่ต่อได้ ผมต้องมีความรัก แต่ตอนนี้ มีแค่ คุยไปวันๆ,แค่เพื่อน,แอบคบ,อยู่ห่างกันไกล,คิดถึงแฟนเก่า ฯลฯ
ไม่คนไหนที่จะทำให้ผมอยู่ต่อที่นี่ได้เลย เคยคิดพึ่งพาอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้รู้สึกตัวเองคิดผิด เพราะเพิ่งมารู้ว่า ผู้หญิงที่เข้ามา เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่
แม่ตัวเอง เราอาจจะเบื่อเขา เขาอาจะเบื่อเรา มีความเป็นไปได้มากมายที่จะทำให้สิ่งที่เราคิดว่าจะทำให้หัวใจเต้นต่อไปได้ สุดท้าย ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ไม่เอาอีกแล้วคับ ผมจึงตัดสินใจโทรหาหัวหน้า ว่าจะขอยื่นใบลาออกวันจันทร์นี้ อีกหนึ่งเดือนก็จะย้ายกลับไปอยู่บ้านแล้วคับ
ไปหางานทำ งานอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ผมได้อยู่ใกล้ๆครอบครัวที่รักผม คนที่คิดถึงผมจริงๆ ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากครอบครัวเรา
Family Forever
ขอขอบคุณกระทู้ที่เชียงใหม่และศรีราชาด้วยนะครับ
ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้เยอะเลยทีเดียว กลับจริงๆครับคั้งนี้
อีกหนึ่งเดือนจะกลับไปใช้ชีวิตในบั้นปลายที่บ้านเกิดแล้วครับ
เข้ามาเรียนต่อและทำงานที่กรุงเทพก็10ปีแล้ว กลับไปเยี่ยมบ้านปีละ2-3ครั้งบ้าง
หวังว่าจะเข้ามาประสบความสำเร็จที่กรุงเทพเหมือนคนอื่นเขา
แต่จนถึงทุกวันนี้ มองย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนเข้ามากรุงเทพฯใหม่ๆ
ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักอย่าง
ยังกระกระสนหาเช้ากินค่ำ แฟนเคยมีก็ทิ้งก็หนีไปหมดแล้ว
ทุกวันนี้อยู่คนเดียว เหงาๆครับ เพื่อนๆก็มีบ้างสองสามคน แต่ไม่ค่อยได้เจอกัน
คิดจะกลับไปหางานทำที่อุดร คิดมาสองสามปีแล้ว เพิ่งจะมาพีคเมื่อตอนอายุ29นี่ล่ะคับ
เพราะแม่กับพ่ออยากให้ผมกลับไปอยู่ใกล้ๆท่าน เพราะท่านเริ่มอายุเยอะแล้ว อยากมีลูกๆดูแลข้างๆใกล้ๆในยามแก่บัาง
ผมก็ได้แต่พลัดคำขอของแม่ไปเรื่อยๆว่ายังก่อน รอให้ฐานะการงานการเงินดีกว่านี้ก่อน แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นดีขึ้นสักที
สาเหตุจริงๆที่ผมไม่กลับไปสักทีคือผู้หญิงคับ เพราะมักจะมีความรักตอนที่คิดว่าจะกลับไปทุกทีตลอด
จนไม่แน่ใจว่าเข้ามากรุงเทพมาหาเงินหรือมาหาแฟนกันแน่ แต่ความรักก็ดีอย่าง มันทำให้ผมหายใจต่อไปได้ในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายแบบนี้
พอมีความรัก ก็มีกำลังใจอยู่ที่นี่ต่อ แต่พอเหงาๆอยู่คนเดียว ก็อยู่ไม่ได้ อยากกลับไปอยู่บ้าน เป็นไปเป็นมาอยู่อย่างนี้หลายครั้งแล้วครับ
เมื่อเดือนที่แล้ว ผมได้กลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ แม่ผมดีใจมาก เพราะผมไม่ได้กลับไปหาท่านจะ2ปีแลัว
ทำนู่นทำนี่ให้กินมากมาย เพราะรู้ดีว่าลูกชายอยู่ที่โน้น คงอดๆอยากๆไม่ได้กินของดีๆเหมือนคนอื่นเขา
แม่จึงยอมเหนื่อย ทำกับข้าวหลายอย่าง ทำขนมให้กิน
ตอนที่ผมนั่งดูแม่ทำ แม่ผมก็ชวนผมคุยเรื่อง เมื่อไหร่จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ผมก็ไม่รู้จะตอบแม่ว่ายังไง เพราะยังกัวอยู่ว่า จะคิดถึงกรุงเทพเพราะอยู่จนชินแล้ว
แม่ก็เล่าให้ฟังว่า
"ถ้าวันหนึ่งแม่ไม่อยู่ จะอยู่คนเดียวได้มั้ย?
ถ้าวันหนึ่งแม่ไม่อยู่ จะทำกับข้าวอร่อยหรือของกินอร่อยได้มั้ย?
...จะคิดถึงแม่มากกว่านี้มั้ย ลูกจะอยู่ได้มั้ย ถ้าแม่ไม่ได้อยู่กับลูกอย่างนี้แล้ว..."
ผมก้มหน้า นั่งน้ำตาซึม พูดอะไรไม่ออก
ในหัวคิดว่า เวลาคงเหลือไม่เยอะแล้ว ที่เราจะได้อยู่กับแม่แบบนี้อีก
แม่ผมแข็งแรงดีคับ ไม่มีโรคอะไร แต่ท่านก็สอนผมเสมอว่า ชีวิตคนเรา จะตายพรุ่งนี้หรือเมื่อไหร่ไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าประมาท
ผมก็หนักใจเหมือนกัน ถ้ากลับมา จะมาทำงานอะไรได้
เพราะสายงานที่เคยทำมา ที่ อุดร ไม่มีคับ
เกรงว่าจะทำงานอย่างอื่นได้ไม่นาน
คิดไปมากมาย ห่วงหน้า ห่วงหลัง ไม่รู้จะทำยังไงดี
ผมจึงลาแม่กลับมาในกรุงเทพ ขอเวลากลับไปตัดสินใจก่อน
หลังจากกลับมาที่กรุงเทพในสองสามอาทิตย์ สิ่งต่างที่เคยเกิดขึ้นเดิมๆก็วนเวียนมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
ความเหงาที่เกิดจากการอยู่คนเดียว ความน่าเบื่อจากงาน จาการเดินทาง ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
ผมรู้ว่า ถ้าผมจะอยู่ต่อได้ ผมต้องมีความรัก แต่ตอนนี้ มีแค่ คุยไปวันๆ,แค่เพื่อน,แอบคบ,อยู่ห่างกันไกล,คิดถึงแฟนเก่า ฯลฯ
ไม่คนไหนที่จะทำให้ผมอยู่ต่อที่นี่ได้เลย เคยคิดพึ่งพาอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้รู้สึกตัวเองคิดผิด เพราะเพิ่งมารู้ว่า ผู้หญิงที่เข้ามา เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่
แม่ตัวเอง เราอาจจะเบื่อเขา เขาอาจะเบื่อเรา มีความเป็นไปได้มากมายที่จะทำให้สิ่งที่เราคิดว่าจะทำให้หัวใจเต้นต่อไปได้ สุดท้าย ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ไม่เอาอีกแล้วคับ ผมจึงตัดสินใจโทรหาหัวหน้า ว่าจะขอยื่นใบลาออกวันจันทร์นี้ อีกหนึ่งเดือนก็จะย้ายกลับไปอยู่บ้านแล้วคับ
ไปหางานทำ งานอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ผมได้อยู่ใกล้ๆครอบครัวที่รักผม คนที่คิดถึงผมจริงๆ ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากครอบครัวเรา
Family Forever
ขอขอบคุณกระทู้ที่เชียงใหม่และศรีราชาด้วยนะครับ
ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้เยอะเลยทีเดียว กลับจริงๆครับคั้งนี้