นายหน้าเผยแม่อุ้มบุญไม่ยอมให้ "น้องแกมมี่" กลับออสเตรเลีย หลังขัดแย้งเรื่องค่าจ้าง ขณะที่แม่อุ้มบุญเครียดหนัก สั่งห้ามเยี่ยม ทำข่าว ย้ำจะขอเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ที่ รพ.สมิติเวชศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ยังมีกองทัพสื่อมวลชน ทั้งไทยและเทศบางส่วนเฝ้าติดตามข่าวแม่อุ้มบุญและเฝ้าติดตามอาการน้องแกมมี่ แต่ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ขึ้นเยี่ยม หรือสัมภาษณ์
เนื่องจากเป็นความประสงค์ของแม่อุ้มบุญที่เกิดอาการเครียด ส่วนอาการของน้องแกมมี่ ล่าสุดยังทรงตัวและมีรายงานว่าแม่อุ้มบุญได้ปฏิเสธที่จะให้ใครเอาน้องแกมมี่ไปโดยเด็ดขาด ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์สัมภาษณ์นายหน้าชาวไทย ที่จัดการเรื่องอุ้มบุญให้กับสามีภรรยาออสเตรเลีย โดยระบุว่าพ่อแม่น้องแกมมี่ตั้งใจจะนำทารกกลับไปออสเตรเลียทั้งสองคน แต่ยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้กับแม่อุ้มบุญ เพราะไม่พอใจที่แบ่งเงินจ่ายให้เป็นงวด พร้อมชี้แจงว่าได้ทำข้อตกลงด้วยวาจากับแม่อุ้มบุญน้องแกมมีว่าเธอจะรับเลี้ยงน้องแกมมี่เอง แต่เมื่อไม่พอใจเรื่องเงินเธอก็ขู่ว่าจะนำเรื่องไปฟ้องตำรวจ
ก่อนหน้านี้แม่อุ้มบุญ กล่าวว่าได้ทำข้อตกลงกับนายหน้าว่าจะได้รับค่าจ้าง 350,000 บาท โดยพ่อแม่ชาวออสเตรเลียบอกว่าจะจ่ายให้เต็มจำนวน และระบุด้วยว่านายหน้าตกลงจะจ่ายเพิ่มอีก 150,000 บาทเพื่อให้เธอรับเลี้ยงน้องแกมมี่ ด้านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของออสเตรเลีย เฝ้าสังเกตการณ์บ้านหลังหนึ่งในรัฐเวสเทิร์น ซึ่งเชื่อว่าเป็นบ้านของสามีภรรยาที่ว่าจ้างสาวไทยอุ้มบุญน้องแกมมี่และฝาแฝด หลังมีข่าวว่าพ่อของน้องแกมมี่เคยกระทำผิดคดีล่วงละเมิดทางเพศ เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี อย่างน้อย 3 คน เมื่อ 10 กว่าปีก่อน พร้อมทั้งรายงานว่าเจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มครองเด็กและครอบครัวออสเตรเลียได้ไป ยังบ้านหลังดังกล่าวเป็นครั้งที่สองแล้ว
ขณะที่เพื่อนของครอบครัวนี้ ชี้แจงว่าข้อกล่าวหาที่ว่าพ่อและแม่น้องแกมมี่ไม่รับเลี้ยงดูน้องแกมมี่เป็นเรื่องบิดเบือนพร้อมกล่าวหาว่าหญิงอุ้มบุญต่างหากที่เป็นฝ่ายฉีกสัญญา ขณะที่นายกรัฐมนตรีโทนี่ แอ็บบ็อต ของออสเตรเลียกำลังถูกกดดันให้เผยแพร่รายงานว่าด้วยเรื่องการอุ้มบุญของสภา กฎหมายครอบครัว ซึ่งล่าช้ามากกว่า 7 เดือนแล้ว
นายกรัฐมนตรีแอบบ็อต ระบุว่าออสเตรเลียมีกฎหมายการอุ้มบุญอยู่แล้วและเชื่อว่าประเทศไทยก็มีกฎหมายนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญ คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังมากกว่า รายงานของเว็บไซต์ในออสเตรเลีย ระบุว่าไทยและอินเดียเป็นแหล่งอุ้มบุญให้กับชาวออสเตรเลีย เพราะการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ผิดกฎหมายในออสเตรเลียประกอบกับไทยมีคลีนิครับทำอุ้มบุญถึง 44 แห่ง จึงเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติและในปีที่ผ่านมีการเปิดเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง นอกจากนี้ไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเรื่องการอุ้มบุญทำให้ยังมีช่องโหว่ในการนำเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญออกนอกประเทศได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://news.bugaboo.tv/watch/136142/
ภาคต่อ กรณี อุ้มบุญ นายหน้าเผยแม่อุ้มบุญไม่ยอมให้ 'น้องแกมมี่' กลับออสเตรเลีย !!!!!!
นายหน้าเผยแม่อุ้มบุญไม่ยอมให้ "น้องแกมมี่" กลับออสเตรเลีย หลังขัดแย้งเรื่องค่าจ้าง ขณะที่แม่อุ้มบุญเครียดหนัก สั่งห้ามเยี่ยม ทำข่าว ย้ำจะขอเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ที่ รพ.สมิติเวชศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ยังมีกองทัพสื่อมวลชน ทั้งไทยและเทศบางส่วนเฝ้าติดตามข่าวแม่อุ้มบุญและเฝ้าติดตามอาการน้องแกมมี่ แต่ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ขึ้นเยี่ยม หรือสัมภาษณ์
เนื่องจากเป็นความประสงค์ของแม่อุ้มบุญที่เกิดอาการเครียด ส่วนอาการของน้องแกมมี่ ล่าสุดยังทรงตัวและมีรายงานว่าแม่อุ้มบุญได้ปฏิเสธที่จะให้ใครเอาน้องแกมมี่ไปโดยเด็ดขาด ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์สัมภาษณ์นายหน้าชาวไทย ที่จัดการเรื่องอุ้มบุญให้กับสามีภรรยาออสเตรเลีย โดยระบุว่าพ่อแม่น้องแกมมี่ตั้งใจจะนำทารกกลับไปออสเตรเลียทั้งสองคน แต่ยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้กับแม่อุ้มบุญ เพราะไม่พอใจที่แบ่งเงินจ่ายให้เป็นงวด พร้อมชี้แจงว่าได้ทำข้อตกลงด้วยวาจากับแม่อุ้มบุญน้องแกมมีว่าเธอจะรับเลี้ยงน้องแกมมี่เอง แต่เมื่อไม่พอใจเรื่องเงินเธอก็ขู่ว่าจะนำเรื่องไปฟ้องตำรวจ
ก่อนหน้านี้แม่อุ้มบุญ กล่าวว่าได้ทำข้อตกลงกับนายหน้าว่าจะได้รับค่าจ้าง 350,000 บาท โดยพ่อแม่ชาวออสเตรเลียบอกว่าจะจ่ายให้เต็มจำนวน และระบุด้วยว่านายหน้าตกลงจะจ่ายเพิ่มอีก 150,000 บาทเพื่อให้เธอรับเลี้ยงน้องแกมมี่ ด้านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของออสเตรเลีย เฝ้าสังเกตการณ์บ้านหลังหนึ่งในรัฐเวสเทิร์น ซึ่งเชื่อว่าเป็นบ้านของสามีภรรยาที่ว่าจ้างสาวไทยอุ้มบุญน้องแกมมี่และฝาแฝด หลังมีข่าวว่าพ่อของน้องแกมมี่เคยกระทำผิดคดีล่วงละเมิดทางเพศ เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี อย่างน้อย 3 คน เมื่อ 10 กว่าปีก่อน พร้อมทั้งรายงานว่าเจ้าหน้าที่หน่วยคุ้มครองเด็กและครอบครัวออสเตรเลียได้ไป ยังบ้านหลังดังกล่าวเป็นครั้งที่สองแล้ว
ขณะที่เพื่อนของครอบครัวนี้ ชี้แจงว่าข้อกล่าวหาที่ว่าพ่อและแม่น้องแกมมี่ไม่รับเลี้ยงดูน้องแกมมี่เป็นเรื่องบิดเบือนพร้อมกล่าวหาว่าหญิงอุ้มบุญต่างหากที่เป็นฝ่ายฉีกสัญญา ขณะที่นายกรัฐมนตรีโทนี่ แอ็บบ็อต ของออสเตรเลียกำลังถูกกดดันให้เผยแพร่รายงานว่าด้วยเรื่องการอุ้มบุญของสภา กฎหมายครอบครัว ซึ่งล่าช้ามากกว่า 7 เดือนแล้ว
นายกรัฐมนตรีแอบบ็อต ระบุว่าออสเตรเลียมีกฎหมายการอุ้มบุญอยู่แล้วและเชื่อว่าประเทศไทยก็มีกฎหมายนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญ คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังมากกว่า รายงานของเว็บไซต์ในออสเตรเลีย ระบุว่าไทยและอินเดียเป็นแหล่งอุ้มบุญให้กับชาวออสเตรเลีย เพราะการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ผิดกฎหมายในออสเตรเลียประกอบกับไทยมีคลีนิครับทำอุ้มบุญถึง 44 แห่ง จึงเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติและในปีที่ผ่านมีการเปิดเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง นอกจากนี้ไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเรื่องการอุ้มบุญทำให้ยังมีช่องโหว่ในการนำเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญออกนอกประเทศได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้