สวัสดีค่ะ
เพิ่งจะรู้ตัวเองเมื่อไม่กี่ปีมานี่ ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขมากที่สุด นอกจากสอนคนไม่รู้ ให้รู้ด้วยสติปัญญา คือการที่ได้เดินทางท่องเที่ยวในที่ต่างๆ และการได้เตรียมตัวหาข้อมูลในการเดินทางในแต่ละทริป ซึ่งแค่คิดมันก็สนุกแล้ว…..
โดยส่วนตัวคุณไกด์ไม่เคยคิดจะท่องเที่ยว ตปท. สักเท่าไหร่ เนื่องด้วยรายได้นั้นมันน้อยเสียกว่ารายจ่าย แต่ด้วยใจที่คุณไกด์เป็นติ่ง แรงบันดาลใจในการเดินทางไปต่างแดน จึงเริ่มต้นขึ้น......
คุณไกด์เป็นติ่งเกาหลี จึงเปิดเส้นทาง ตปท. ครั้งแรกในชีวิต ประเทศที่ติ่งทุกคนต้องไปเหยียบ ประเทศที่มีทั้งโอป้า ออนนี่ อาจุมมา อาบอนี ออมม่า ของเหล่าติ่งทั้งหลายที่กรี๊ดกร๊าดกัน นั่นคือ เกาหลีใต้นั่นเอง หลังจากนั้นก็ได้มีประเทศอื่นๆ ตามมาแต่ในแถบๆเอเชียเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางคนเดียว ข้ามทวีปไปยังประเทศในฝันของใครหลายๆคน (แต่....ไม่ใช่ในฝันของคุณไกด์) ประเทศที่ค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก (สำหรับคุณไกด์) ประเทศที่เข้ายากที่สุดในโลก (ออกก็ยาก เพราะไม่อยากกลับ) แต่ด้วยวาสนาก็พาเรามาพบกัน..... จนเกิดเป็นความประทับใจ และคุณไกด์ก็สัญญาต่อหน้า Big Ben และ London Eye (ศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน?) ว่าจะกลับมาอีกครั้งพร้อมครอบครัวของคุณไกด์
ไม่ขออารัมภบทมากมายนะคะ เดียวลูกทัวร์จะเบื่อแล้วหนีไปกันหมด มาดูทริปคร่าวๆ กันก่อนว่าคุณไกด์ ไปมั่วก็ทั่วถึงที่ไหนกันบ้าง
การเดินทางของคุณไกด์ ได้เดินทางในช่วงที่ปิดเทอมซึ่งไม่กระทบกระเทือนต่อการงานและอาชีพแต่อย่างใด ออกเดินทางจาก BKK ไปยัง LHR (London) โดยใช้บริการสายการบินระดับ Top five ของโลก ที่ไม่เพียงแต่ประทับใจในการบริการ แต่ราคาช่วงนั้นคุณไกด์รับได้ค่ะ 32 k ก็ไม่ไดู้ถูกเวอร์จนต้องตบตีแย่งชิงกัน และไม่ได้แพงเวอร์ถึงขั้นรับไม่ได้ค่ะ
Travel Plan คร่าวๆ ดังภาพค่ะ
และนี่เป็น cost สำหรับที่ซุกหัวนอน และการเดินทางด้วยวิธีที่หลากหลาย เรียกได้ว่า คุณไกด์เก็บตกหมดค่ะ ถูกบ้างแพงบ้าง ถือเป็นประสบการณ์และเรียนรู้กันไป เพื่อคราวหน้าค่ะ^*^
รอติดตาม Day 1 : วันแรกของทริปไปมั่วก็ทั่วถึง BKK --> London --> Big Ben --> London Eye --> Bond street --> Oxford Street --> Soho China town --> Piccadilly circus --> Trafalgar Square
ขอแอบรีวิว EK นิดนึงนะคะ ทั้งขาไปและขากลับ เป็นเครื่อง A380 ลำใหญ่ สบายคุณไกด์เลยค่ะทีนี้
คุณไกด์สูง 160 cm. นน. 48 kg ถือว่านั่งสบายๆค่ะ
เครื่อง EK ตรงเวลาดีค่ะ Landing ตามเวลาเป๊ะ เดินตามทางมาเรื่อยๆ มาถึงแถวต่อคิวผ่าน ตม. โหดร้ายมากค่ะ ว่าเกาหลี คนไปเที่ยวเยอะแล้ว
อังกฤษนี่คนเยอะมากค่ะ นี่ค่าครองชีพแพงขนาดนี้ คนก็มาเที่ยวกันไม่ดูฐานะการเงิน เอเชีย จีน แขก มีหมดค่ะ ซึ่งคุณไกด์เข้าใจเลย ว่าทำไม หลังจากกลับมา.......
ปัญหาสำคัญอีกอย่าง คือ ใช่ว่าขอวีซ่าได้ แล้วจะเดินผ่านได้สะดวก ก็มีความกังวลเล็กน้อย
เนื่องด้วยเป็นการเดินทางออกนอกทวีปครั้งแรก และมาผู้หญิงคนเดียว แบบ sigle แล้วเค้าจะเพ่งเล็งมั๊ย?
แต่ จนท. ก็ให้ผ่านมาได้สบายๆ เพียงถามว่า มาทำอะไร ตอบไปแมนๆ ว่า "Travel and visit friend"
ปั๊ม passport....... ถอนหายใจ............ ยิ้มให้................. แล้วรีบออกมา เผื่อเค้าจะเปลี่ยนใจ คิคิ
เนื่องจากว่ามา visit friend ค่ะ ก็เลยรอเพื่อนที่ไปเป็น visiting researcher มารับเพื่อมาร่วมทริปในครั้งนี้.......
การเดินทางในมหานครลอนดอน คุณไกด์ใช้บริการ เจ้า tube เป็นหลักค่ะ และก็มีรถเมล์ในบางเวลา
ซึ่งที่พักของคุณไกด์ ในลอนดอน คุณไกด์ใช้บริการของ Travelodge สาขา Vauxhall (www.travelodge.co.uk) ค่ะ
เพราะตอนนั้นซื้อนานได้ราคาค่อนข้างโอเค และที่พักก็ถือว่าถูกใจ เป็นส่วนตัวดีค่ะ ไม่วุ่นวาย ใกล้ tube และรถไฟสถานี Vauxhall สามารถต่อไปยังเมืองต่างๆได้ค่ะ
คุณไกด์ออกจากสนามบิน ลงไปใช้บริการ tube ก่อนอื่น ก็ต้องไปซื้อบัตร Oyster (ซึ่งตอนนั้นก็ตัดสินใจไม่ถูกระหว่าง เจ้า Oyster กับ Travelcard)
การเดินจากสนามบิน โดย tube สาย Piccadily line ---> Leicester Squar รับ london pass (ฆ่าเวลา เพื่อ check in ช่วงเที่ยง) ---> green park เปลี่ยนสาย victoria ---> Vauxhall
สถานที่รับ london pass ค่ะ
เอารูปสวยๆ บน tube ระหว่างสนามบินไปยังที่พักมาฝากค่ะ อิอิ
เก็บข้าวเก็บของสักพัก ด้วยความตื่นตาตื่นใจ และบ้านเมืองที่แปลกตา จึงทำให้คุณไกด์ลืมการเหนื่อยล้าจากการขึ้นเครื่องมาเกือบ 13 ชม. เป็นปลิดทิ้ง….
และตั้งใจจะออกไปเดินเล่นๆ แถวๆที่พัก เพื่อชื่นชมสถานที่ใหม่ๆ แต่กลับกลายเป็นไปในสถานที่เป็นไฮไลต์ของลอนดอนซะงั้น.....
จาก Travelodge ฝั่งตรงข้ามถนน จะเป็นป้ายรถเมล์ คุณไกด์อยากนั่งรถเมล์ 2 ชั้น (แหม....อยู่เมืองไทยไม่คิดจะนั่ง) จึงไปดูป้ายบอกจุดจอดของแต่ละสาย ว่าไปในสถานที่ที่เรารู้จักบ้างมั้ย และคำตอบก็คือ สาย 87 หรือ 88 จากป้าย พาคุณไกด์ไปถึง Westminster กันเลยทีเดียว....
รถเมล์ที่นี่ จะมีที่นั่ง Hot Seat เหมือนของพี่หางแดง คือชั้น 2 แถวหน้าสุด ซึ่งเป็นที่ที่จะมีคนจับจองกันตลอด เพราะเห็นวิวได้อย่างสวยงาม......และคุณไกด์ก็พลาดตลอดค่ะ
พอถึง Westminster Bus Stop คุณไกด์ก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ ตามแผนที่ จนเจอฝูงชน เค้าเดินไปไหน เราก็เดินตามไป
จนเจอสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของวัน คือ Westminster Abbey -->
Westminster Abbey --> ดูจากแถวแล้ว ไม่ธรรมดานะคะ แต่ถ้ามี london pass จะได้เข้าช่อง Fast lane ค่ะ ไม่ต้องต่อคิวทางนี้
ย่านนี้คนเยอะมากๆ ค่ะ งงมากว่าเกิดอะไร ปกติบริเวณนี้คนเยอะอยู่แล้ว หรือว่ายังไง ยังงงต่อไป.....
--> Big ben วันนี้หมองไปหน่อย ไม่ค่อยสดใส
Big Ben ฝั่ง London eye ค่ะ
และข้ามสะพาน Westminster Bridge st. ก็จะเจอ London eye แหม....คุณไกด์นึกว่ามาผิดประเทศ นักท่องเที่ยวเยอะมาก สมกับเป็นประเทศที่ค่าครองชีพถูกเหลือเกินแม่คุ๊ณ........
สำหรับ London eye คุณไกด์ไม่ได้ขึ้น คนเยอะมหาศาล เก็บตกบรรยากาศภายล่างพอ (เพราะคิดว่าน่าจะคล้ายๆ Singapore flyer) แล้ววิวมันเหมือนกันมั๊ย? เฮ้อ.......
อากาศช่วงนั้นเพื่อนคุณไกด์นางบอกว่า ช่วงนี้เป็นช่วง Spring ของที่นี่ อากาศค่อนข้างดี ขอบคุณเพื่อนมากค่ะ เพราะตั้งแต่เหยียบแผ่นดิน UK ปากสั่น มือด้วน หยั่งกับคนพิการ
ช่วงนั้นอากาศค่อนข้างเพี้ยนไปนิด ก็แค่ 10 กว่าๆองศาเอ๊ง แต่คุณไกด์มาจากที่ราบสูง อุณหภูมิบ้านเกิดเฉลี่ยอยู่ที่ 40 องศา
โปรดเข้าใจว่าปรับตัวไม่ค่อยจะทัน และยังมีฝนปรอยๆ ตกเบาๆ พอชุ่มชื้นหัวใจ แต่หนาวกายจะแย่.......
ก่อนถึง London eye ด้านขวามือ จะมีร้านค้าด้านในพอหลบฝนหลบหนาว ก็จัดของกินเล่นมื้อแรกไป เป็น Hotdog เบาๆ
ราคาไม่เท่าไหร่ค่ะ 4 ponds เองคร้า (200 บาท) ขอร้อง!!!!!! อย่าแปลเป็นเงินไทย คุณไกด์กินอะไรไม่ค่อยจะลงค่ะ
หลังจากยัด Hotdog อันละ 200 เข้าไป ท้องไส้ปั่นป่วนไม่เคยกินของเงินปอนด์ คุณไกด์เลยต้องกลับมาตั้งหลักตรงที่พัก
แต่ขากลับนั้น คุณไกด์เลือกวิธีการเดินเลียบริมแม่น้ำ Thames (เส้นทางสีแดง ในรูปด้านบน) ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ถือว่าโอเคนะคะ เดินชิวๆ (ตรงไหน?)
[CR] Part 1 : คุณครูขอเป็นไกด์ กับทริปบ้านๆ ไปมั่วก็ทั่วถึง England & Scotland 13 วัน
เพิ่งจะรู้ตัวเองเมื่อไม่กี่ปีมานี่ ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขมากที่สุด นอกจากสอนคนไม่รู้ ให้รู้ด้วยสติปัญญา คือการที่ได้เดินทางท่องเที่ยวในที่ต่างๆ และการได้เตรียมตัวหาข้อมูลในการเดินทางในแต่ละทริป ซึ่งแค่คิดมันก็สนุกแล้ว…..
โดยส่วนตัวคุณไกด์ไม่เคยคิดจะท่องเที่ยว ตปท. สักเท่าไหร่ เนื่องด้วยรายได้นั้นมันน้อยเสียกว่ารายจ่าย แต่ด้วยใจที่คุณไกด์เป็นติ่ง แรงบันดาลใจในการเดินทางไปต่างแดน จึงเริ่มต้นขึ้น......
คุณไกด์เป็นติ่งเกาหลี จึงเปิดเส้นทาง ตปท. ครั้งแรกในชีวิต ประเทศที่ติ่งทุกคนต้องไปเหยียบ ประเทศที่มีทั้งโอป้า ออนนี่ อาจุมมา อาบอนี ออมม่า ของเหล่าติ่งทั้งหลายที่กรี๊ดกร๊าดกัน นั่นคือ เกาหลีใต้นั่นเอง หลังจากนั้นก็ได้มีประเทศอื่นๆ ตามมาแต่ในแถบๆเอเชียเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางคนเดียว ข้ามทวีปไปยังประเทศในฝันของใครหลายๆคน (แต่....ไม่ใช่ในฝันของคุณไกด์) ประเทศที่ค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก (สำหรับคุณไกด์) ประเทศที่เข้ายากที่สุดในโลก (ออกก็ยาก เพราะไม่อยากกลับ) แต่ด้วยวาสนาก็พาเรามาพบกัน..... จนเกิดเป็นความประทับใจ และคุณไกด์ก็สัญญาต่อหน้า Big Ben และ London Eye (ศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน?) ว่าจะกลับมาอีกครั้งพร้อมครอบครัวของคุณไกด์
ไม่ขออารัมภบทมากมายนะคะ เดียวลูกทัวร์จะเบื่อแล้วหนีไปกันหมด มาดูทริปคร่าวๆ กันก่อนว่าคุณไกด์ ไปมั่วก็ทั่วถึงที่ไหนกันบ้าง
การเดินทางของคุณไกด์ ได้เดินทางในช่วงที่ปิดเทอมซึ่งไม่กระทบกระเทือนต่อการงานและอาชีพแต่อย่างใด ออกเดินทางจาก BKK ไปยัง LHR (London) โดยใช้บริการสายการบินระดับ Top five ของโลก ที่ไม่เพียงแต่ประทับใจในการบริการ แต่ราคาช่วงนั้นคุณไกด์รับได้ค่ะ 32 k ก็ไม่ไดู้ถูกเวอร์จนต้องตบตีแย่งชิงกัน และไม่ได้แพงเวอร์ถึงขั้นรับไม่ได้ค่ะ
Travel Plan คร่าวๆ ดังภาพค่ะ
และนี่เป็น cost สำหรับที่ซุกหัวนอน และการเดินทางด้วยวิธีที่หลากหลาย เรียกได้ว่า คุณไกด์เก็บตกหมดค่ะ ถูกบ้างแพงบ้าง ถือเป็นประสบการณ์และเรียนรู้กันไป เพื่อคราวหน้าค่ะ^*^
รอติดตาม Day 1 : วันแรกของทริปไปมั่วก็ทั่วถึง BKK --> London --> Big Ben --> London Eye --> Bond street --> Oxford Street --> Soho China town --> Piccadilly circus --> Trafalgar Square
ขอแอบรีวิว EK นิดนึงนะคะ ทั้งขาไปและขากลับ เป็นเครื่อง A380 ลำใหญ่ สบายคุณไกด์เลยค่ะทีนี้
คุณไกด์สูง 160 cm. นน. 48 kg ถือว่านั่งสบายๆค่ะ
เครื่อง EK ตรงเวลาดีค่ะ Landing ตามเวลาเป๊ะ เดินตามทางมาเรื่อยๆ มาถึงแถวต่อคิวผ่าน ตม. โหดร้ายมากค่ะ ว่าเกาหลี คนไปเที่ยวเยอะแล้ว
อังกฤษนี่คนเยอะมากค่ะ นี่ค่าครองชีพแพงขนาดนี้ คนก็มาเที่ยวกันไม่ดูฐานะการเงิน เอเชีย จีน แขก มีหมดค่ะ ซึ่งคุณไกด์เข้าใจเลย ว่าทำไม หลังจากกลับมา.......
ปัญหาสำคัญอีกอย่าง คือ ใช่ว่าขอวีซ่าได้ แล้วจะเดินผ่านได้สะดวก ก็มีความกังวลเล็กน้อย
เนื่องด้วยเป็นการเดินทางออกนอกทวีปครั้งแรก และมาผู้หญิงคนเดียว แบบ sigle แล้วเค้าจะเพ่งเล็งมั๊ย?
แต่ จนท. ก็ให้ผ่านมาได้สบายๆ เพียงถามว่า มาทำอะไร ตอบไปแมนๆ ว่า "Travel and visit friend"
ปั๊ม passport....... ถอนหายใจ............ ยิ้มให้................. แล้วรีบออกมา เผื่อเค้าจะเปลี่ยนใจ คิคิ
เนื่องจากว่ามา visit friend ค่ะ ก็เลยรอเพื่อนที่ไปเป็น visiting researcher มารับเพื่อมาร่วมทริปในครั้งนี้.......
การเดินทางในมหานครลอนดอน คุณไกด์ใช้บริการ เจ้า tube เป็นหลักค่ะ และก็มีรถเมล์ในบางเวลา
ซึ่งที่พักของคุณไกด์ ในลอนดอน คุณไกด์ใช้บริการของ Travelodge สาขา Vauxhall (www.travelodge.co.uk) ค่ะ
เพราะตอนนั้นซื้อนานได้ราคาค่อนข้างโอเค และที่พักก็ถือว่าถูกใจ เป็นส่วนตัวดีค่ะ ไม่วุ่นวาย ใกล้ tube และรถไฟสถานี Vauxhall สามารถต่อไปยังเมืองต่างๆได้ค่ะ
คุณไกด์ออกจากสนามบิน ลงไปใช้บริการ tube ก่อนอื่น ก็ต้องไปซื้อบัตร Oyster (ซึ่งตอนนั้นก็ตัดสินใจไม่ถูกระหว่าง เจ้า Oyster กับ Travelcard)
การเดินจากสนามบิน โดย tube สาย Piccadily line ---> Leicester Squar รับ london pass (ฆ่าเวลา เพื่อ check in ช่วงเที่ยง) ---> green park เปลี่ยนสาย victoria ---> Vauxhall
สถานที่รับ london pass ค่ะ
เอารูปสวยๆ บน tube ระหว่างสนามบินไปยังที่พักมาฝากค่ะ อิอิ
เก็บข้าวเก็บของสักพัก ด้วยความตื่นตาตื่นใจ และบ้านเมืองที่แปลกตา จึงทำให้คุณไกด์ลืมการเหนื่อยล้าจากการขึ้นเครื่องมาเกือบ 13 ชม. เป็นปลิดทิ้ง….
และตั้งใจจะออกไปเดินเล่นๆ แถวๆที่พัก เพื่อชื่นชมสถานที่ใหม่ๆ แต่กลับกลายเป็นไปในสถานที่เป็นไฮไลต์ของลอนดอนซะงั้น.....
จาก Travelodge ฝั่งตรงข้ามถนน จะเป็นป้ายรถเมล์ คุณไกด์อยากนั่งรถเมล์ 2 ชั้น (แหม....อยู่เมืองไทยไม่คิดจะนั่ง) จึงไปดูป้ายบอกจุดจอดของแต่ละสาย ว่าไปในสถานที่ที่เรารู้จักบ้างมั้ย และคำตอบก็คือ สาย 87 หรือ 88 จากป้าย พาคุณไกด์ไปถึง Westminster กันเลยทีเดียว....
รถเมล์ที่นี่ จะมีที่นั่ง Hot Seat เหมือนของพี่หางแดง คือชั้น 2 แถวหน้าสุด ซึ่งเป็นที่ที่จะมีคนจับจองกันตลอด เพราะเห็นวิวได้อย่างสวยงาม......และคุณไกด์ก็พลาดตลอดค่ะ
พอถึง Westminster Bus Stop คุณไกด์ก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ ตามแผนที่ จนเจอฝูงชน เค้าเดินไปไหน เราก็เดินตามไป
จนเจอสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของวัน คือ Westminster Abbey -->
Westminster Abbey --> ดูจากแถวแล้ว ไม่ธรรมดานะคะ แต่ถ้ามี london pass จะได้เข้าช่อง Fast lane ค่ะ ไม่ต้องต่อคิวทางนี้
ย่านนี้คนเยอะมากๆ ค่ะ งงมากว่าเกิดอะไร ปกติบริเวณนี้คนเยอะอยู่แล้ว หรือว่ายังไง ยังงงต่อไป.....
--> Big ben วันนี้หมองไปหน่อย ไม่ค่อยสดใส
Big Ben ฝั่ง London eye ค่ะ
และข้ามสะพาน Westminster Bridge st. ก็จะเจอ London eye แหม....คุณไกด์นึกว่ามาผิดประเทศ นักท่องเที่ยวเยอะมาก สมกับเป็นประเทศที่ค่าครองชีพถูกเหลือเกินแม่คุ๊ณ........
สำหรับ London eye คุณไกด์ไม่ได้ขึ้น คนเยอะมหาศาล เก็บตกบรรยากาศภายล่างพอ (เพราะคิดว่าน่าจะคล้ายๆ Singapore flyer) แล้ววิวมันเหมือนกันมั๊ย? เฮ้อ.......
อากาศช่วงนั้นเพื่อนคุณไกด์นางบอกว่า ช่วงนี้เป็นช่วง Spring ของที่นี่ อากาศค่อนข้างดี ขอบคุณเพื่อนมากค่ะ เพราะตั้งแต่เหยียบแผ่นดิน UK ปากสั่น มือด้วน หยั่งกับคนพิการ
ช่วงนั้นอากาศค่อนข้างเพี้ยนไปนิด ก็แค่ 10 กว่าๆองศาเอ๊ง แต่คุณไกด์มาจากที่ราบสูง อุณหภูมิบ้านเกิดเฉลี่ยอยู่ที่ 40 องศา
โปรดเข้าใจว่าปรับตัวไม่ค่อยจะทัน และยังมีฝนปรอยๆ ตกเบาๆ พอชุ่มชื้นหัวใจ แต่หนาวกายจะแย่.......
ก่อนถึง London eye ด้านขวามือ จะมีร้านค้าด้านในพอหลบฝนหลบหนาว ก็จัดของกินเล่นมื้อแรกไป เป็น Hotdog เบาๆ
ราคาไม่เท่าไหร่ค่ะ 4 ponds เองคร้า (200 บาท) ขอร้อง!!!!!! อย่าแปลเป็นเงินไทย คุณไกด์กินอะไรไม่ค่อยจะลงค่ะ
หลังจากยัด Hotdog อันละ 200 เข้าไป ท้องไส้ปั่นป่วนไม่เคยกินของเงินปอนด์ คุณไกด์เลยต้องกลับมาตั้งหลักตรงที่พัก
แต่ขากลับนั้น คุณไกด์เลือกวิธีการเดินเลียบริมแม่น้ำ Thames (เส้นทางสีแดง ในรูปด้านบน) ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที ถือว่าโอเคนะคะ เดินชิวๆ (ตรงไหน?)