ท่านที่เคารพรักครับ ในความคิดอ่านของ คนๆหนึ่ง ย่อมประกอบด้วยทัศนะสองอย่าง อย่างหนึ่งคือ โลกทัศน์ ก็คือ การมองโลก มองสังคม อีกอย่างหนึ่งคือ ชีวทัศน์ หรือทัศนะต่อชีวิต การใช้ชีวิต
ทั้งโลกทัศน์ และ ชีวทัศน์ ควรจะสอดคล้องกัน เพราะคนเรามีสองด้าน เฉกเช่นกับสำนวนกำลังภายในของท่านโกวเล้งที่ว่า
เหรียญมีหัว มีก้อย มีดมีคม มีทื่อ
โลกมีมืด มีสว่าง คนเราก็เฉกเช่นเดียวกัน มีด้านงดงาม และด้านที่เลวร้าย
และสองด้านนั้น เรายังแยกย่อยออกเป็น ด้านที่เป็นส่วนตัว และด้านที่เป็นส่วนรวม ท่านโกวเล้งเคยเขียนถึงสองด้านของมนุษย์ในลักษณะนี้ที่ว่า
" อยู่ท่ามกลางเหล่ามิตรสหาย ล้วนโอ่ประโคมแต่วาจาที่เกินจริง ราวกับแค้นที่ไม่สามารถควักหัวใจออกมาตีแผ่แก่กัน
พอเมามายไร้สติ ตื่นขึ้นมาพบแต่คนแปลกหน้า ......."
สำหรับผู้ใช้ชีวิต คบหามิตรสหาย จากการดื่มกินสุราอาหาร เต็มไปด้วยคำประจบ สอพลอต่างๆ นานา
นี่คือชีวทัศน์
ซึ่งสำหรับ ความคิดอ่านส่วนตัว ต้องชัดแจ้ง ไม่อย่างนั้น เรื่องส่วนตัวจะคล้ายสัมภาระ ห่อใหญ่อันหนักอึ้ง
เช่น คนหนึ่งมีความคิดแบบศักดินา ต้องการอนุรักษ์ระบบดั่งเดิม
ส่วนอีกคนมีความคิดแบบทุนนิยม ต้องการเสรีนิยม
จะไปกันได้อย่างไร นี่คือ โลกทัศน์
คนสองคน หรือคนจำนวนหนึ่ง ที่แตกต่างกัน จะรักกันได้อย่างไร ปัญหาข้อนี้ แก้ไขได้ด้วย ประชาธิปไตย ด้วยหลักการเคารพเสียงข้างมาก
นี่คือตัวอย่างง่ายๆของคำว่า โลกทัศน์ และชีวทัศน์
แน่นอนว่า ด้วยความแตกต่างของ โลกทัศน์ และชีวทัศน์ แต่ละคน ย่อมทำความเข้าใจกับคำว่า " รัก " ได้แตกต่างกัน
แต่ละคนย่อมทำความเข้าใจกับคำว่า " สตรี " ได้แตกต่างกัน
เฉกเช่นกับในเรื่อง " ฤทธิ์มีดสั้น " นั้น การปรากฏตัวของ ลี้คิมฮวง คือวัย สามสิบแปด ส่วน อาฮุย ฉายาทารกแห่งบู๊ลิ้มนั้นมีวัยเพียงยี่สิบ
นี่คือความแตกต่างที่เด่นชัด อันนำมาถึงการมองโลกด้วยสายตาที่ ไร้เดียงสา และอ่อนต่อโลกยิ่งนัก
อาฮุยจึงตามไม่ทัน ลิ่มเซียนยี้ และ ตามไม่ทันเล่ห์กลอุบาย ในยุทธจักร
หนักกว่านั้น อาฮุย ยังไม่เข้าใจ ใน " รัก " และ ยิ่งไม่เข้าใจใน " สตรี " หนักขึ้นไปอีก
จวบจนได้รับบทเรียนนั้นเล่า อาฮุยจึงเติบกล้าขึ้น ด้วยประสบการณ์ตรง
หากถามสถานะการณ์ ทางการเมือง เวลานี้ ใครที่มีประสบการณ์ตรงที่สุด ต้องนับท่านทักษิณครับ
ครั้งแรกยามบังสนธินั้น ยังถือว่า ท่านอาจจะอ่อนประสบการณ์ แต่ครั้งล่าสุดนี้ ต้องถือได้ว่า
ท่านสมบูรณ์ด้วยประสบการณ์ทั้งปวง การนิ่งสงบของท่านทักฺษิณ
จนหลายคนอดนึกไปถึงกระบวนท่าที่ว่า " หนึ่งตำลึง ปัดพันชั่ง " ไม่ได้
มันคือกระบวนท่า ยืมกำลังอีกศัตรูอีกฝ่าย ทำลายศัตรู และเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากท่าน
อ่านได้อย่างเดียว คือ ท่านไม่จำเป็น ท่านไม่เดือดร้อน เวลานี้
ย้อนกลับมาถึงความรัก สำหรับกับคนบางคนแล้ว ความรัก ที่มีนั้น เช่น รักคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ ก็จะรัก
นี่เป็นตัวอย่างความรักอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า รักทรหด ก็ว่าได้ เป็นความรักที่เจือด้วยความ " จริงใจ " รักเพราะว่า คนนี้ ใช่
ไม่ใช่รัก เพราะว่า ใครก็ได้
และเมื่อ ลงว่า รัก แล้ว ใครก็มาเปลี่ยนใจไม่ได้ แน่วแน่ในความรัก
ความรักแบบนี้ ต้องผ่านกาลเวลา และสะสมความผูกพัน มันไม่ใช่เรื่องว่า ใครจะรักมาก ใครจะรักน้อย มันไม่ใช่เรื่องหยุมๆหยิมๆ
แต่มันเป็นเรื่องของความรักที่มาจาก โลกทัศน์ และ ชีวทัศน์ ที่ชาญฉลาด ที่มองออกว่า คนๆนี้ ท่านยิ่งลักษณ์คนนี้
เหมาะสม ที่จะมอบ ความรัก และ ใครก็ไม่สามารถที่จะทำให้ หมดรักได้
เป็นเรื่องของคนที่หัวใจ เป็นอย่างไร หัวใจ ก็ไม่เคยเปลี่ยน อย่างนั้น
...........................
ผมหยุดเขียนบทความนี้ ตรงนี้ พอดีกับเสียงกริ่งออดที่หน้าตึก ดังขึ้น
ผมเอื้อมมือไปกดรีโมทหยุดเครื่องเล่นหนังเรื่อง " power play " พอดี ตรงคำพูดที่ฝ่ายวางแผนคนหนึ่งเดินเข้าไปหา
ฝ่ายคุมกำลัง แล้วพูดว่า
" เราขนะแล้ว
ปีเตอร์ โอทูล กลับจ้องตาเขม็งดุดัน ตอบว่า
" ไม่ใช่เรา แต่เป็นผม ..... "
จากนั้นก็ให้ลูกสมุนคุมตัวผู้วางแผน ออกไปกำจัดในพ้นทางอำนาจ
มันเป็นการชิงไหว ชิงพริบกันในหนังว่า ใครจะได้เป็นใหญ่ เป็นโต ต้องมีความอำมหิต หนังมันบอกเรานัยๆว่า " ต้องมีพวก "
ส้องสุม เลี้ยงสมุนพันวัน เพื่อใช้งานวันเดียว
แล้วใช้มันไปตามแผน เพื่อกลุ่มกำลังของพวกตนเองจะได้ทำลายคนอื่น แล้วอำนาจ วาสนาจะตามมานั่นเอง
หนังดังเรื่องนี้ หนังที่ว่ากันว่า ใครที่กำลังอยากเป็นใหญ่ เป็นโต ควรจะดู ซึ่งแทบจะเป็นข้อบังคับแรกของคนเป็นบุรุษ
เพราะสำหรับบุรุษแล้ว เหมือนโดนบ่มเพาะมาตั้งแต่เกิดว่า ต้องมี " อำนาจ " และสำหรับบุรุษนั้น ยากยิ่งที่จะฝ่าด่าน สองด่านคือ
" อำนาจ " และ ด่าน " สตรี "
และที่ผ่านมา บุรุษ ไม่ว่าจะเป็น ผู้นำ หรือ ผู้ตาม เห็นแพ้ภัย ด่าน " อำนาจ " และ " ด่าน " สตรี " แทบทุกคนครับ
จากเหมย ถึง กาสะลอง จากท่านโกวเล้ง ถึง ท่านยิ่งลักษณ์ 3 (ความรักที่มีต่อ ท่านยิ่งลักษณ์ เป็นรักแท้ ที่จะเลือกอีกหรือ )
ทั้งโลกทัศน์ และ ชีวทัศน์ ควรจะสอดคล้องกัน เพราะคนเรามีสองด้าน เฉกเช่นกับสำนวนกำลังภายในของท่านโกวเล้งที่ว่า
เหรียญมีหัว มีก้อย มีดมีคม มีทื่อ
โลกมีมืด มีสว่าง คนเราก็เฉกเช่นเดียวกัน มีด้านงดงาม และด้านที่เลวร้าย
และสองด้านนั้น เรายังแยกย่อยออกเป็น ด้านที่เป็นส่วนตัว และด้านที่เป็นส่วนรวม ท่านโกวเล้งเคยเขียนถึงสองด้านของมนุษย์ในลักษณะนี้ที่ว่า
" อยู่ท่ามกลางเหล่ามิตรสหาย ล้วนโอ่ประโคมแต่วาจาที่เกินจริง ราวกับแค้นที่ไม่สามารถควักหัวใจออกมาตีแผ่แก่กัน
พอเมามายไร้สติ ตื่นขึ้นมาพบแต่คนแปลกหน้า ......."
สำหรับผู้ใช้ชีวิต คบหามิตรสหาย จากการดื่มกินสุราอาหาร เต็มไปด้วยคำประจบ สอพลอต่างๆ นานา
นี่คือชีวทัศน์
ซึ่งสำหรับ ความคิดอ่านส่วนตัว ต้องชัดแจ้ง ไม่อย่างนั้น เรื่องส่วนตัวจะคล้ายสัมภาระ ห่อใหญ่อันหนักอึ้ง
เช่น คนหนึ่งมีความคิดแบบศักดินา ต้องการอนุรักษ์ระบบดั่งเดิม
ส่วนอีกคนมีความคิดแบบทุนนิยม ต้องการเสรีนิยม
จะไปกันได้อย่างไร นี่คือ โลกทัศน์
คนสองคน หรือคนจำนวนหนึ่ง ที่แตกต่างกัน จะรักกันได้อย่างไร ปัญหาข้อนี้ แก้ไขได้ด้วย ประชาธิปไตย ด้วยหลักการเคารพเสียงข้างมาก
นี่คือตัวอย่างง่ายๆของคำว่า โลกทัศน์ และชีวทัศน์
แน่นอนว่า ด้วยความแตกต่างของ โลกทัศน์ และชีวทัศน์ แต่ละคน ย่อมทำความเข้าใจกับคำว่า " รัก " ได้แตกต่างกัน
แต่ละคนย่อมทำความเข้าใจกับคำว่า " สตรี " ได้แตกต่างกัน
เฉกเช่นกับในเรื่อง " ฤทธิ์มีดสั้น " นั้น การปรากฏตัวของ ลี้คิมฮวง คือวัย สามสิบแปด ส่วน อาฮุย ฉายาทารกแห่งบู๊ลิ้มนั้นมีวัยเพียงยี่สิบ
นี่คือความแตกต่างที่เด่นชัด อันนำมาถึงการมองโลกด้วยสายตาที่ ไร้เดียงสา และอ่อนต่อโลกยิ่งนัก
อาฮุยจึงตามไม่ทัน ลิ่มเซียนยี้ และ ตามไม่ทันเล่ห์กลอุบาย ในยุทธจักร
หนักกว่านั้น อาฮุย ยังไม่เข้าใจ ใน " รัก " และ ยิ่งไม่เข้าใจใน " สตรี " หนักขึ้นไปอีก
จวบจนได้รับบทเรียนนั้นเล่า อาฮุยจึงเติบกล้าขึ้น ด้วยประสบการณ์ตรง
หากถามสถานะการณ์ ทางการเมือง เวลานี้ ใครที่มีประสบการณ์ตรงที่สุด ต้องนับท่านทักษิณครับ
ครั้งแรกยามบังสนธินั้น ยังถือว่า ท่านอาจจะอ่อนประสบการณ์ แต่ครั้งล่าสุดนี้ ต้องถือได้ว่า
ท่านสมบูรณ์ด้วยประสบการณ์ทั้งปวง การนิ่งสงบของท่านทักฺษิณ
จนหลายคนอดนึกไปถึงกระบวนท่าที่ว่า " หนึ่งตำลึง ปัดพันชั่ง " ไม่ได้
มันคือกระบวนท่า ยืมกำลังอีกศัตรูอีกฝ่าย ทำลายศัตรู และเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากท่าน
อ่านได้อย่างเดียว คือ ท่านไม่จำเป็น ท่านไม่เดือดร้อน เวลานี้
ย้อนกลับมาถึงความรัก สำหรับกับคนบางคนแล้ว ความรัก ที่มีนั้น เช่น รักคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ ก็จะรัก
นี่เป็นตัวอย่างความรักอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า รักทรหด ก็ว่าได้ เป็นความรักที่เจือด้วยความ " จริงใจ " รักเพราะว่า คนนี้ ใช่
ไม่ใช่รัก เพราะว่า ใครก็ได้
และเมื่อ ลงว่า รัก แล้ว ใครก็มาเปลี่ยนใจไม่ได้ แน่วแน่ในความรัก
ความรักแบบนี้ ต้องผ่านกาลเวลา และสะสมความผูกพัน มันไม่ใช่เรื่องว่า ใครจะรักมาก ใครจะรักน้อย มันไม่ใช่เรื่องหยุมๆหยิมๆ
แต่มันเป็นเรื่องของความรักที่มาจาก โลกทัศน์ และ ชีวทัศน์ ที่ชาญฉลาด ที่มองออกว่า คนๆนี้ ท่านยิ่งลักษณ์คนนี้
เหมาะสม ที่จะมอบ ความรัก และ ใครก็ไม่สามารถที่จะทำให้ หมดรักได้
เป็นเรื่องของคนที่หัวใจ เป็นอย่างไร หัวใจ ก็ไม่เคยเปลี่ยน อย่างนั้น
...........................
ผมหยุดเขียนบทความนี้ ตรงนี้ พอดีกับเสียงกริ่งออดที่หน้าตึก ดังขึ้น
ผมเอื้อมมือไปกดรีโมทหยุดเครื่องเล่นหนังเรื่อง " power play " พอดี ตรงคำพูดที่ฝ่ายวางแผนคนหนึ่งเดินเข้าไปหา
ฝ่ายคุมกำลัง แล้วพูดว่า
" เราขนะแล้ว
ปีเตอร์ โอทูล กลับจ้องตาเขม็งดุดัน ตอบว่า
" ไม่ใช่เรา แต่เป็นผม ..... "
จากนั้นก็ให้ลูกสมุนคุมตัวผู้วางแผน ออกไปกำจัดในพ้นทางอำนาจ
มันเป็นการชิงไหว ชิงพริบกันในหนังว่า ใครจะได้เป็นใหญ่ เป็นโต ต้องมีความอำมหิต หนังมันบอกเรานัยๆว่า " ต้องมีพวก "
ส้องสุม เลี้ยงสมุนพันวัน เพื่อใช้งานวันเดียว
แล้วใช้มันไปตามแผน เพื่อกลุ่มกำลังของพวกตนเองจะได้ทำลายคนอื่น แล้วอำนาจ วาสนาจะตามมานั่นเอง
หนังดังเรื่องนี้ หนังที่ว่ากันว่า ใครที่กำลังอยากเป็นใหญ่ เป็นโต ควรจะดู ซึ่งแทบจะเป็นข้อบังคับแรกของคนเป็นบุรุษ
เพราะสำหรับบุรุษแล้ว เหมือนโดนบ่มเพาะมาตั้งแต่เกิดว่า ต้องมี " อำนาจ " และสำหรับบุรุษนั้น ยากยิ่งที่จะฝ่าด่าน สองด่านคือ
" อำนาจ " และ ด่าน " สตรี "
และที่ผ่านมา บุรุษ ไม่ว่าจะเป็น ผู้นำ หรือ ผู้ตาม เห็นแพ้ภัย ด่าน " อำนาจ " และ " ด่าน " สตรี " แทบทุกคนครับ