ข่าวดี! JAS เคลียร์ชัดทุกประเด็น
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศจำนวน 4 ราย ของบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งภายในวันที่ 18 ส.ค. 2557 เพื่อเรียกร้องให้บริษัทกลับมาชำระหนี้เป็นเงินต้นบวกดอกเบี้ยรวมประมาณ 10,000 ล้านบาทนั้น ข้อมูลในส่วนนี้บริษัทชี้แจงมานาน และเป็นเรื่องที่เปิดเผยอยู่ในงบการเงิน ระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า บริษัทได้ประเมินมีภาระหนี้สิ้นเพิ่มเติมไม่เกิน 1,343 ล้านบาท
ทั้งนี้ มูลหนี้จำนวน 10,000 ล้านบาท ก่อนบริษัทเข้าฟื้นฟูกิจการในปี 2546 แบ่งเป็น 1.หนี้บริษัทในเครือ ประมาณ 30-40% ซึ่งปัจจุบันชำระหนี้หมดแล้ว 2.หนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ซึ่งในส่วนนี้บริษัทมีการทยอยจ่ายคืนหนี้ตลอด โดยในปัจจุบันหนี้ในส่วนนี้เหลืออยู่ประมาณ 400 ล้านบาท และ 3.เจ้าหนี้ต่างประเทศ ประมาณ 30% หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท
“หนี้สินในขณะที่เริ่มเข้าฟื้นฟูกิจการมีมูลหนี้อยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่มีปัญหาคือเจ้าหนี้ต่างประเทศ ซึ่งมีมูลหนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่ระหว่างทางได้มีการชำระหนี้ต่างๆ ไปค่อนข้างเยอะแล้ว โดยชำระเป็นหุ้นซึ่งถือว่าเยอะเป็นพันล้าน เป็นเงินสดบ้าง และเป็นสินทรัพย์บ้าง ทำให้ปัจจุบันเหลือหนี้ตามที่บริษัทประเมินอยู่ที่ 1,343 ล้านบาท” นายพิชญ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในขณะนี้ได้มีเจ้าหนี้ยื่นเอกสาร เพื่อขอให้บริษัทชำระหนี้คืนเข้ามายังบริษัทจำนวนหนึ่ง มูลหนี้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลส่วนนี้ให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทจริง และจำนวนมูลหนี้จริง ซึ่งหากไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะต้องเข้ากระบวนการศาลแพ่ง
Jas หนี้บาน !!!
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศจำนวน 4 ราย ของบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งภายในวันที่ 18 ส.ค. 2557 เพื่อเรียกร้องให้บริษัทกลับมาชำระหนี้เป็นเงินต้นบวกดอกเบี้ยรวมประมาณ 10,000 ล้านบาทนั้น ข้อมูลในส่วนนี้บริษัทชี้แจงมานาน และเป็นเรื่องที่เปิดเผยอยู่ในงบการเงิน ระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า บริษัทได้ประเมินมีภาระหนี้สิ้นเพิ่มเติมไม่เกิน 1,343 ล้านบาท
ทั้งนี้ มูลหนี้จำนวน 10,000 ล้านบาท ก่อนบริษัทเข้าฟื้นฟูกิจการในปี 2546 แบ่งเป็น 1.หนี้บริษัทในเครือ ประมาณ 30-40% ซึ่งปัจจุบันชำระหนี้หมดแล้ว 2.หนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ซึ่งในส่วนนี้บริษัทมีการทยอยจ่ายคืนหนี้ตลอด โดยในปัจจุบันหนี้ในส่วนนี้เหลืออยู่ประมาณ 400 ล้านบาท และ 3.เจ้าหนี้ต่างประเทศ ประมาณ 30% หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท
“หนี้สินในขณะที่เริ่มเข้าฟื้นฟูกิจการมีมูลหนี้อยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่มีปัญหาคือเจ้าหนี้ต่างประเทศ ซึ่งมีมูลหนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่ระหว่างทางได้มีการชำระหนี้ต่างๆ ไปค่อนข้างเยอะแล้ว โดยชำระเป็นหุ้นซึ่งถือว่าเยอะเป็นพันล้าน เป็นเงินสดบ้าง และเป็นสินทรัพย์บ้าง ทำให้ปัจจุบันเหลือหนี้ตามที่บริษัทประเมินอยู่ที่ 1,343 ล้านบาท” นายพิชญ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในขณะนี้ได้มีเจ้าหนี้ยื่นเอกสาร เพื่อขอให้บริษัทชำระหนี้คืนเข้ามายังบริษัทจำนวนหนึ่ง มูลหนี้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลส่วนนี้ให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทจริง และจำนวนมูลหนี้จริง ซึ่งหากไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะต้องเข้ากระบวนการศาลแพ่ง