.....เสื้อขาว กางเกงขาว พร้อม กับเนคไท สีน้ำเงิน กับ การถวายบังคม หน้าพระบรมรูป สองรัชกาล เป็นจุดเริ่มต้นของนักวิทยาศาสตร์เคมีในอนาคต...... เหตุผลที่เลือกเรียนเคมีเพราะว่า ไม่ชอบฟิสิกส์ เกลียดภาษาอังกฤษ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตนี้ควรจะเรียนอะไร และสุดท้าย ในสิ่งที่ดไม่ชอบทั้งหลาย ได้รุมเร้าเข้ามาในชีวิตทั้งหมด ทั้งปวง ทั้งฟิสิกส์ และภาษาอังกฤษ.
เวลา 4 ปีได้ผ่านไปรวดเร็ว อย่างไม่คาดคิด ชีวิตผม ก็เหมือน ชีวิตคนอื่น ทั่วๆ ไป คือ เรียนจบ ทำงาน......แล้วในที่สุด เหมือนสวรรค์ประทาน.... ระหว่างนั่งรถเมล์ไปทำงานเหมือนทุกๆ วัน ก็ได้เลือบตาไปเห็นโรงเรียนสอน ทำอาหาร เลอเกอร์ดองเบอร์ที่โรงแรงดุสิตธานี. สิ่งนั้น ได้จุดประกาย ในชีวิต ว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราตามหามาทั้งชีวิต นี่คือความฝันอันสูงสุด(ออกแนวเวอร์ๆๆนิดนึง) พอกลับถึงบ้านปุบ ก็ได้ทำการหาข้อมูลเลยว่า นี่คือโรงเรียนอะไร? ค่าเรียนเท่าไหร่? เรียนกี่วัน? และอื่นๆ อีกมากมาย. สุดท้ายเหมือนโชคชะตาเล่นตลก มาหลอกให้ความหวังและก็จากไป เนื่องจากค่าเรียน แพงมาก สำหรับเด็กธรรมดาๆ อย่างเราคนนึง (เศร้า......)
ก็ได้คุยกับพี่สาว สุดที่รัก และแล้ว พี่สาว ก็ได้จุดประกายความหวัง ขึ้นใหม่ว่า เค้าเคยรู้ว่าที่โรงแรมโอเรียนเต็ล (โรงเรียนวิชาการโรงแรม แห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล OHAP) มีเปิดหลักสูตรสอนทำอาหารเหมือนกันนิ ลองหาข้อมูล และลองไปสมัครดู เราก็ไม่นิ่งนอนใจ หาข้อมูลทันที ทั้งโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต (สมัยนั้น ข้อมูลในอินเตอร์เน็ทน้อยมาก.....บ่งบอกถึงอายุผู้เขียน55555+) และแล้วก็เหมือนเห็นแสงไฟในปลายอุโมง เนื่องจากค่าเรียนอยู่ในระดับที่รับได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า โรงเรียนนี้เรียน 6 วันต่อสัปดาห์ และ 8 ชั่วโมงต่อวัน.....เราจะทำไงดีละ เพราะเราก็มีงานทำ.... ถ้าอยากเรียนก็ต้องลาออกจากงาน .......คิดไปประมาณ 1 อาทิตย์ ก็ตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อไปตามหาความฝัน (คิดว่าตัวเองเป็นAF…555) ก็สมัครเรียนตามปรกติ ซึ่งก็มีสอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ ....มันก็แอบทำให้เรากลัว เพราะลาออก ก็ลาออกแล้ว ถ้าเกิดสอบไม่ติด ทำไงละชีวิตกู.... แต่เหมือนโชคก็เข้าข้างเราเสมอ ในที่สุดก็สอบติดสาขาครัวไทย....(แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเบอร์เกอร์รี่วะเนี่ย....) ปล. เราไม่ได้เลือกเรียนสาขาเบอร์เกอร์รี่เลย.
ชีวิตการเป็นนักเรียน OHAP มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด เรียนวันแรก แทบอยากกลับบ้าน แล้วก็ไม่รู้สิ่งที่เราเลือก กูคิดผิดหรือเปล่าวะ แทบร้องไห้ สับสน และอื่นๆ อีกมากมาย (เพราะงานแรกที่เจอ คือการตัดพริกแห้งบางช้าง ซึ่งคือ พริกแห้งเม็ดใหญ่ๆ กลิ่นฉุนๆ ต้องตัดประมาณ 1 กระสอบ น้ำหูน้ำตา ไหลจากความฉุน มือก็แสบจากพริก ทรมาน แบบสุดๆ) แต่ก็ต้องคิดว่า เอานะ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เราก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนิ งานก็ลาออกแล้ว ตังส์ค่าเทอมก็จ่ายแล้ว (ซึ่งก็ประมาณเกือบๆ แสน) แล้วจะให้ทำไงได้ ก็ต้องสู้ต่อไป หลังจากนั้น ทุกอย่าง ก็เหมือนจะดีขึ้น และแล้วก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด.. เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ก็มีเรื่องไม่คาดฝันที่ทำให้โดนพี่ประจำครัว ด่าเราต่อหน้าคนอื่น อีกทั้งยังเรียกตัวไปคุย แบบ ตัวต่อตัว แบบ ตัวต่อตัว ง่วงแล้ว...เดี๋ยวกลับมาเขียนต่อนะครับ ...
วิดยา เคมี ทุบ บีกเกอร์ สู่การเป็น เบอร์เกอรรรี่ ร้านมิชชิลินในนิวยอกด์
เวลา 4 ปีได้ผ่านไปรวดเร็ว อย่างไม่คาดคิด ชีวิตผม ก็เหมือน ชีวิตคนอื่น ทั่วๆ ไป คือ เรียนจบ ทำงาน......แล้วในที่สุด เหมือนสวรรค์ประทาน.... ระหว่างนั่งรถเมล์ไปทำงานเหมือนทุกๆ วัน ก็ได้เลือบตาไปเห็นโรงเรียนสอน ทำอาหาร เลอเกอร์ดองเบอร์ที่โรงแรงดุสิตธานี. สิ่งนั้น ได้จุดประกาย ในชีวิต ว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราตามหามาทั้งชีวิต นี่คือความฝันอันสูงสุด(ออกแนวเวอร์ๆๆนิดนึง) พอกลับถึงบ้านปุบ ก็ได้ทำการหาข้อมูลเลยว่า นี่คือโรงเรียนอะไร? ค่าเรียนเท่าไหร่? เรียนกี่วัน? และอื่นๆ อีกมากมาย. สุดท้ายเหมือนโชคชะตาเล่นตลก มาหลอกให้ความหวังและก็จากไป เนื่องจากค่าเรียน แพงมาก สำหรับเด็กธรรมดาๆ อย่างเราคนนึง (เศร้า......)
ก็ได้คุยกับพี่สาว สุดที่รัก และแล้ว พี่สาว ก็ได้จุดประกายความหวัง ขึ้นใหม่ว่า เค้าเคยรู้ว่าที่โรงแรมโอเรียนเต็ล (โรงเรียนวิชาการโรงแรม แห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล OHAP) มีเปิดหลักสูตรสอนทำอาหารเหมือนกันนิ ลองหาข้อมูล และลองไปสมัครดู เราก็ไม่นิ่งนอนใจ หาข้อมูลทันที ทั้งโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต (สมัยนั้น ข้อมูลในอินเตอร์เน็ทน้อยมาก.....บ่งบอกถึงอายุผู้เขียน55555+) และแล้วก็เหมือนเห็นแสงไฟในปลายอุโมง เนื่องจากค่าเรียนอยู่ในระดับที่รับได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า โรงเรียนนี้เรียน 6 วันต่อสัปดาห์ และ 8 ชั่วโมงต่อวัน.....เราจะทำไงดีละ เพราะเราก็มีงานทำ.... ถ้าอยากเรียนก็ต้องลาออกจากงาน .......คิดไปประมาณ 1 อาทิตย์ ก็ตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อไปตามหาความฝัน (คิดว่าตัวเองเป็นAF…555) ก็สมัครเรียนตามปรกติ ซึ่งก็มีสอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ ....มันก็แอบทำให้เรากลัว เพราะลาออก ก็ลาออกแล้ว ถ้าเกิดสอบไม่ติด ทำไงละชีวิตกู.... แต่เหมือนโชคก็เข้าข้างเราเสมอ ในที่สุดก็สอบติดสาขาครัวไทย....(แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเบอร์เกอร์รี่วะเนี่ย....) ปล. เราไม่ได้เลือกเรียนสาขาเบอร์เกอร์รี่เลย.
ชีวิตการเป็นนักเรียน OHAP มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด เรียนวันแรก แทบอยากกลับบ้าน แล้วก็ไม่รู้สิ่งที่เราเลือก กูคิดผิดหรือเปล่าวะ แทบร้องไห้ สับสน และอื่นๆ อีกมากมาย (เพราะงานแรกที่เจอ คือการตัดพริกแห้งบางช้าง ซึ่งคือ พริกแห้งเม็ดใหญ่ๆ กลิ่นฉุนๆ ต้องตัดประมาณ 1 กระสอบ น้ำหูน้ำตา ไหลจากความฉุน มือก็แสบจากพริก ทรมาน แบบสุดๆ) แต่ก็ต้องคิดว่า เอานะ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เราก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนิ งานก็ลาออกแล้ว ตังส์ค่าเทอมก็จ่ายแล้ว (ซึ่งก็ประมาณเกือบๆ แสน) แล้วจะให้ทำไงได้ ก็ต้องสู้ต่อไป หลังจากนั้น ทุกอย่าง ก็เหมือนจะดีขึ้น และแล้วก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด.. เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ก็มีเรื่องไม่คาดฝันที่ทำให้โดนพี่ประจำครัว ด่าเราต่อหน้าคนอื่น อีกทั้งยังเรียกตัวไปคุย แบบ ตัวต่อตัว แบบ ตัวต่อตัว ง่วงแล้ว...เดี๋ยวกลับมาเขียนต่อนะครับ ...