หลายคนคงคิดไม่ถึงว่า การเลือกแบบประกันความคุ้มครองนั้นมีความสำคัญอย่างไร
ผมขอแนะนำดังนี้
1. สิ่งแรกเริ่มในการทำประกันชีวิต คุณควรจะทำประกันชีวิตที่ให้มีทุนประกันที่คุ้มครองภาระที่คุณมีอยู่ ณ ปัจจุบัน
ล่วงหน้าไปก่อนอย่างน้อย 5 ปี
เช่น คุณมีภาระต่อครอบครัวเดือนละ50000 ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายปีละ 600000
5 ปีก็ 3ล้านบาท เผื่อคุณเสียชีวิต ครอบครัวจะได้มีเงินก้อนนี้ ไปได้อีก5ปี ซึ่งในช่วง5 ปีนี้ พวกเค้าจะมีเวลาคิดในการ
ปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ที่จะทำให้พวกเค้าดำเนินชีวิตต่อไปได้ เรียกง่ายๆ ว่า ให้เวลาปรับตัว นะครับโดยไม่เดือดร้อน
ต้องขายสินทรัพย์
2. หลังจากมีความคุ้มครองแล้ว หากมีเงินพอ ก็ควรมาดูเรื่องประกันสุขภาพ อันนี้สำคัญมาก แต่เรามักคิดไม่ถึง
การซื้อประกันสุขภาพ ควรซื้อกับบริษัทประกันชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ควรซื้อกับบริษัทประกันสุขภาพก่อน
เพราะมันมีเหตุผล ที่จะบอกให้ทราบในคราวต่อไป
และที่สำคัญมากๆ คือ ต้องเลยนะครับ ต้องซื้อกับแบบประกันชีวิต แบบตลอดชีวิต พวก จ่ายเปลี่ยน ตลอดชีวิต
หรือ จ่ายเบี้ย 20 ปี คุ้มครองตลอดชีพ หรืออะไรที่เป็นแบบตลอดชีพ เท่านั้น เพื่ออะไร
เพื่อเป็นการล็อคบริษัทประกันให้คุ้มครองเราไปนานๆ เช่น ณ ปัจจุบัน คือ อายุ 80ปี ที่เราพอจะซื้อประกันสุขภาพได้
ไม่ควรซื้อประกันสุขภาพไปกับแบบสะสมทรัพย์เพราะพวกนี้อายุประกันจะสั้น แล้วพอหมดอายุ ประกันสุขภาพเราก็จะซื้อต่อไม่ได้
ตรงนี้แหละ ที่ทำให้เราพลาด ลองคิดดูสิว่า หากในระหว่างที่เราทำอยู่ เรามีโรคที่บริษัทประกันจะไม่รับ
แล้ว เราจะทำอย่างไร เช่น เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น โรคพวกนี้ พอเป็นแล้วบริษัทประกันส่วนใหญ่จะไม่ขาย
ประกันสุขภาพให้ เอาล่ะที่นี้ คุณจะต้องแบกรับความเสี่ยงเอง หากประกันสุขภาพคุณหมดอายุก่อนเวลาอันควรครับ
3. ประกันออมทรัพย์ มันคือประกันที่บวกการออมระยะยาวนั่นเอง ผลตอบแทน หม่สูงแล้วครับเดี๋ยวนี้ หากคิด
Irr. ก็จะอยู่ที่2%. โดยประมาณ โดยคุณต้องไม่คิดเรื่องการลดหย่อนนะครับ
เพราะนั่นเป็นสิทธิของคุณอยู่แล้ว แต่นั่นเป็นการที่บริษัทประกันเอามาใช้เพื่อดึงดูดคุณเท่านั้น
ข้อดีของแบบนี้คือ ช่วยให้คุณมีเงินออมในตอนจบ ลดภาษีได้เยอะ และหากพิการ บริษัทก็จะจ่ายค่าเบี้ยให้ไปจน
จบเหมือนคุณจ่ายเอง แต่ต้องดูรายละเอียดด้วยนะครับ เพราะต้องใส่สัญญาเพิ่มเติมการยกเว้นเบี้ยด้วยซึ่งส่วนใหญ่ให้ฟรี
ครับ คุณต้องตรวจสอบกรมธรรม์ของคุณก่อนรับนะครับ
เอาล่ะเท่านี้ก่อน ใครมีข้อสงสัยก็สอบถามได้นะครับ
หลักการทำประกันชีวิต และประกันสุขภาพ
ผมขอแนะนำดังนี้
1. สิ่งแรกเริ่มในการทำประกันชีวิต คุณควรจะทำประกันชีวิตที่ให้มีทุนประกันที่คุ้มครองภาระที่คุณมีอยู่ ณ ปัจจุบัน
ล่วงหน้าไปก่อนอย่างน้อย 5 ปี
เช่น คุณมีภาระต่อครอบครัวเดือนละ50000 ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายปีละ 600000
5 ปีก็ 3ล้านบาท เผื่อคุณเสียชีวิต ครอบครัวจะได้มีเงินก้อนนี้ ไปได้อีก5ปี ซึ่งในช่วง5 ปีนี้ พวกเค้าจะมีเวลาคิดในการ
ปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ที่จะทำให้พวกเค้าดำเนินชีวิตต่อไปได้ เรียกง่ายๆ ว่า ให้เวลาปรับตัว นะครับโดยไม่เดือดร้อน
ต้องขายสินทรัพย์
2. หลังจากมีความคุ้มครองแล้ว หากมีเงินพอ ก็ควรมาดูเรื่องประกันสุขภาพ อันนี้สำคัญมาก แต่เรามักคิดไม่ถึง
การซื้อประกันสุขภาพ ควรซื้อกับบริษัทประกันชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ควรซื้อกับบริษัทประกันสุขภาพก่อน
เพราะมันมีเหตุผล ที่จะบอกให้ทราบในคราวต่อไป
และที่สำคัญมากๆ คือ ต้องเลยนะครับ ต้องซื้อกับแบบประกันชีวิต แบบตลอดชีวิต พวก จ่ายเปลี่ยน ตลอดชีวิต
หรือ จ่ายเบี้ย 20 ปี คุ้มครองตลอดชีพ หรืออะไรที่เป็นแบบตลอดชีพ เท่านั้น เพื่ออะไร
เพื่อเป็นการล็อคบริษัทประกันให้คุ้มครองเราไปนานๆ เช่น ณ ปัจจุบัน คือ อายุ 80ปี ที่เราพอจะซื้อประกันสุขภาพได้
ไม่ควรซื้อประกันสุขภาพไปกับแบบสะสมทรัพย์เพราะพวกนี้อายุประกันจะสั้น แล้วพอหมดอายุ ประกันสุขภาพเราก็จะซื้อต่อไม่ได้
ตรงนี้แหละ ที่ทำให้เราพลาด ลองคิดดูสิว่า หากในระหว่างที่เราทำอยู่ เรามีโรคที่บริษัทประกันจะไม่รับ
แล้ว เราจะทำอย่างไร เช่น เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น โรคพวกนี้ พอเป็นแล้วบริษัทประกันส่วนใหญ่จะไม่ขาย
ประกันสุขภาพให้ เอาล่ะที่นี้ คุณจะต้องแบกรับความเสี่ยงเอง หากประกันสุขภาพคุณหมดอายุก่อนเวลาอันควรครับ
3. ประกันออมทรัพย์ มันคือประกันที่บวกการออมระยะยาวนั่นเอง ผลตอบแทน หม่สูงแล้วครับเดี๋ยวนี้ หากคิด
Irr. ก็จะอยู่ที่2%. โดยประมาณ โดยคุณต้องไม่คิดเรื่องการลดหย่อนนะครับ
เพราะนั่นเป็นสิทธิของคุณอยู่แล้ว แต่นั่นเป็นการที่บริษัทประกันเอามาใช้เพื่อดึงดูดคุณเท่านั้น
ข้อดีของแบบนี้คือ ช่วยให้คุณมีเงินออมในตอนจบ ลดภาษีได้เยอะ และหากพิการ บริษัทก็จะจ่ายค่าเบี้ยให้ไปจน
จบเหมือนคุณจ่ายเอง แต่ต้องดูรายละเอียดด้วยนะครับ เพราะต้องใส่สัญญาเพิ่มเติมการยกเว้นเบี้ยด้วยซึ่งส่วนใหญ่ให้ฟรี
ครับ คุณต้องตรวจสอบกรมธรรม์ของคุณก่อนรับนะครับ
เอาล่ะเท่านี้ก่อน ใครมีข้อสงสัยก็สอบถามได้นะครับ