เมื่อผมไปเที่ยวพม่า หน้า Low season

เมื่อผมไปเที่ยวพม่า หน้า Low season


           
ผมได้ยินเรื่องราวหนาหูมานักต่อนักถึงความลำบากในการไปประเทศพม่า รวมถึงรัฐบาลทหารที่แสนสุดจะเข้มงวด คำเตือนนักต่อนัก เตือนผมว่าอย่าไปเลย มันลำบาก ถ้าจะไปก็ซื้อทัวร์ไปเถอะ โนวววว มันไม่ใช่แนวผมเสียเลย ชีวิตมันต้องสมบุกสมบัน มันต้องลุยบ้างสิถึงจะมีรสชาติ ผมเลยฝันไว้ว่าวันหนึ่งผมต้องไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ให้ได้สักครั้งนึง



เมื่อผมจองตั๋ว


               
สิ้นสุดงานรับปริญญา แม่บอกว่าจะให้ของขวัญ ประจวบเหมาะตั๋วโปรโมชั่น นกแอร์เพื่อนยาก (ยังกะแมงมุมเพื่อนรักยังไงยังงั้นเลย) เจ๊เลยบอก จองตั๋วเลยลูก แม่ไปด้วย “ชโยวววววววววว ช้านนนนนนนนนจะได้ไปพม่าาาาแล้ววววววววววววววว” หลังจากนั่งรอเวลานับถอยหลังกันเป็นนาที ผมจองตั๋วเสร็จ พร้อมไม่ลืมกด จ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินด้วยบริการ เคาท์เตอร์เซอร์วิส นอนกระดิกเท้าฝันวาดหวานฝันเดินเล่นชมเมืองพม่า เวลาผ่านไปอีก 30 นาที เจ๊เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับชุดนอนสีเขียว บอกว่าผมว่า แม่ไม่ไปแล้ว ขี้เกียจเดี๋ยวเหนื่อย ผมสตั้นไป 10 วินาที เปิดคอมใหม่อีกรอบ จองตั๋วใหม่ ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ เดินทาง 5 วัน 4 คืน สิริรวมค่าตั๋วนก ไป-กลับ 1800 กว่าบาท ก็มันโลวซีซั่นนี้ครับ ถูกมาก นอนยิ้มฝันหวานกระดิกเท้ารอรอบสอง แล้วก็หลับไป ตื่นมาอีกที 7 โมงเช้า กระยิ้มกระสนล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำชำระเมือกมันบนใบหน้า รีบไปจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินที่เซเว่นทันที ภาระกิจการจองตั๋วผมก็สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย




เมื่อผมไปขอวีซ่า


             
เนื่องด้วย สหภาพพม่า ยังไม่เปิดประเทศอย่างเป็นทางการ การเดินทางไปพม่านั้นจำเป็นที่จะต้องขอวีซ่า แน่นอนครับ ผมก็ต้องขอวีซ่าเช่นกัน ศึกษาหาข้อมูลการขอวีซ่า ได้ความมาว่า วีซ่าพม่า ต้องของที่สถานทูตพม่า ในซอย ถนนปั้น ใกล้ๆโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ผมจึงจัดการเอกสารประกอบไปด้วย ใบคำร้องขอวีซ่า 2 หน้า ที่ต้องกรอกด้วยตัวหนังสือกระท่อนกระแท่น แผ่นแรกเป็นประวัติส่วนตัว ชื่อตัว นามสกุล รวมถึงชื่อ “พ่อ” ถูกแล้วครับ ชื่อพ่อ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เนื่องด้วยในสมันก่อน พม่ายังไม่มีการใช้นามสกุล จึงมีการเรียกแบบเก๋ๆว่า นายแดงบุตรนายดำ เป็นต้น ผมบรรจงเขียนชื่อพ่ออย่างงดงาม ระยะเวลาที่ไปพม่า, ที่พักในพม่า และอื่นๆ อีกหลายข้อ มาถึงหน้าถัดมา คือประวัติการทำงานของเราว่าปัจจุบันเราทำอะไรที่ กรอกประวัติ เซ็นชื่อติดรูปถ่าย พร้อมแนบรูปถ่ายอีก 1 รูป ตามด้วยสำเนาพาสปอร์ต อีก 1 ใบ และเล่มพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุภายใน 6 เดือน วันรุ่งขึ้นผมจึงรีบรุดไปขอวีซ่า พม่าที่สถานทูตทันที ขึ้นชื่อว่าขอวีซ่าก็ต้องไปตั้งแต่เช้าครับผมไปถึงแปดโทง บริเวณถนนปั้น เห็นคนยืนต่อแถวเข้าประตู ทั้งที่ประตูยังล็อกอยู่ ประตูจะเปิดประมาณ เก้าโมง และเริ่มยื่นเอกสารขอวีซ่าประมาณ เก้าโมงครึ่ง ไม่รีรอครับรีบไปต่อแถวทันที มีคิวหน้าผมประมาณ หนึ่งช่วงเสาไฟ (ขุ่นพระ) เมื่อประตูเปิดเราก็เดินเรียงแถวกันไปต่อเคาท์เตอร์ด้านในเพื่อยื่นเอกสารครับ สำหรับคนไทยให้ต่อแถวที่ 4 ครับ เพื่อรอรับบัตรคิว เรียกคิว จ่ายเงิน โดยวีซ่า ธรรมดาไม่รีบร้อนเป็นเงินจำนวน 810 บาทถ้วน ใช้เวลาสามวันทำการรับพาสปอร์ตคือ หากรีบก็ต้องเพิ่มเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มรับเอกสาร อาจมีคำถามเล็กน้อยเช่น ไปกี่วัน หรือไปทำไม แต่ถ้าอาศัยหน้าแบ๊วก็อาจไม่โดนถามอะไรครับ เมื่อได้บัตรคิวก็รอเรียกคิว แล้วจ่ายเงิน ก็จะได้ใบเสร็จเล็กๆ ไว้เป็นที่ระลึก และนำกลับมารับพาสปอร์ตในอีกสามวันทำการครับ เสร็จสิ้นภาระกิจ อย่าลืมเดินผ่านถนนปั้นสุดซอยลงไปจะเจอวัดแขก แวะหาข้าวรับประทานแก้หิวกันได้ครับ



ประตูทางเข้าเพื่อขอวีซ่า ห้ามไปด้านหน้าสถานทูตนะครับ จุดนั้นสำหรับคนพม่าส่งคำร้องขอแปลงสัญชาติ



ด้านหน้าจะมีรถตู้รับจ้างยื่นเอกสารให้ เพราะวีซ่าพม่ายื่นเอกสารกันแทนได้ ราคาก็จะบวกชาร์จขึ้นครับ


เมื่อผมเตรียมตัวไปพม่า


เนื่องด้วยความงกบังเกิดการเตรียมตัวของผมนั้นต้องขอขอบคุณห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ให้ผมยืมหนังสือเที่ยวพม่าแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อหนังสือ แนะนำสองเล่มสำหรับการเที่ยว คือ "เที่ยวไม่ง้อทัวร์ พม่า" และ "เที่ยวพม่า ซ่าอย่างอินดี้" เพราะพยายามหาแล้ว มีแค่สองเล่ม และสองเล่มนี้มีจุดผิดพลาดที่ต่างกันถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียวครับ จากนั้นก็ถึงเวลาการจองโรงแรมครับ โดยพื้นฐานผมจองโรงแรม ในย่างกุ้งทั้งสี่คืน ซึ่งราคาถูกแสนถูกผ่าน agoda โรงแรม agga youth hotel หรือ อัคคา ยูธ ห่อแต ในการออกเสียงแบบพม่า และหนึ่ง คืน ที่ ชเว ฮินตาร์(ซาราพา) ห่อแต (Shwe Hinthar (Sarabha) Hotel ที่ ไจทีโย (ကျိုက်ထီးရိုးဘုရား, Kyaikhtiyo)  อ่านหนังสือไปหลายรอบ เริ่มไม่มั่นใจ เลยลองประกาศรับสมัครเพื่อนร่วมทริปครับ สุดท้ายได้พี่คนนึง ไปเที่ยวด้วย ระบบไฟฟ้าที่นี้ถือว่ายังห่างกับไทยมากครับเพราะฉะนั้น จึงควรเตรียมแบตเตอรี่สำรองไปเยอะๆ เพราะไฟดับเป็นเรื่องธรรมดา เว้นเสียแต่โรงแรมนั้นจะมีเครื่องปั่นไฟไว้บริการเราครับ อย่าอื่นที่พกไปตามมาตรฐานการท่องเที่ยวเลยครับไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ


การแลกเงินไปพม่า เพื่อความปลอดภัยที่สุดเราควรพกเงินไปสองสกุลครับ คือ US Dollars แล้ว Baht Thai โดยการแลกเงินไปพม่านั้น พึ่งระวังไว้ว่า เงินที่จะนำไปแล้วเป็นเงินจ๊าด Kyat จะต้องเป็นแบงค์ให้ทั้งหมด ห้ามมีตำหนิแม้นแต่น้อย ประหนึ่งเพิ่งออกจากโรงพิมพ์ จากนั้นแนะนำให้แลกเงินได้ที่สนามบินครับ หรือจะเป็นเคาท์เตอร์ธนาคารในเมืองก็ได้ เรทพอๆกัน คือ 760 KYS = 1 USD ครับ


เมื่อผมออกเดินทาง


เที่ยวบินที่ผมออกเดินทางไปกับพี่นกคือ ไฟลท์ 6.00 น. ครับ ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ไปสนามบินตั้งแต่ตีสี่ เพื่อเวลาเข้าไป ช้อปปิ้งนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ สรุปไม่ได้อะไรเลย



เครื่องหางแดงลำข้างๆ ก็คงเตรียมรับ ผู้โดยสารไปพม่าเช่นกันครับ ไฟลท์ต่อกันห่างกันหนึ่งชั่วโมง



บินลัดฟ้า มา 50 นาทีก็ถึงแล้วครับ สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง หรือ ย่างกุ้งเหล่เซ็ต ในภาษาพม่า เป็นการเดินทางที่ติ่นเต้นครับ เนื่องจากสภาพอากาศที่พม่าหมอกจัดมากดังนั้น เครื่องสั่นสะพรึงครับ แต่ยังไงผมก็ปลอดภัย


เมื่อผมจะเข้าเมือง


เมื่อเครื่องผมลงจอดสนิทผ่าน ตม เรียบร้อย ก็ออกมานั่งรอพี่ (เจ๊) ร่วมทริป ลืมบอกไปครับ ก่อนจะมานั่งรอ ผมเดินไปแลกเงินในสนามบินซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายธนาคาร เช่น KBZ Bank, AGED Bank โดยทั่วไป เรทใกล่เคียงกันครับ ระหว่างนั่งรอบวกหน้างงๆ มีรถแทกซี่เข้ามาถามไถ่หลายต่อหลายคน ว่าจะไปไหนอย่างไร ไม่ต้องกลัวครับเขาพูดอังกฤษได้กันทุกคน ผมจึง ตกลงรถโดยให้พาผมไปส่งที่สถานีรถอ่องมิงกาลา เพื่อซื้อตั๋วรถ ไปไจทีโย แล้ว พาผมไปเช็คอินที่โรงแรม อัคคา พระเจ้า แพงเป็นบ้า สนนราคาอยู่ที่ 14000 Kys ~ 500 บาท ระยะทางค่อนข้างไกลเนื่องจากสถานีรถ และ สนามบิน อยู่ทางเหนือ ส่วนโรงแรมอยู่ใกล้กับเจดีสุเล่ หรือ สุเหล่พยา ทางตอนใต้ครับของเมืองย่างกุ้งครับ




รถแทกซี่สภาพค่อนข้างใหม่ รถขับเลนขวา และคนขับก็ยังอยู่ด้านขวาเช่นกัน หลายคนสงสัยว่าทำไม ก็เพราะสมัยก่อนครับ พม่าขับรถเลนซ้านเหมือนไทยเรา คนขับจึงอยู่ด้ายขวา จนพม่าต้องการเปลี่ยนแปลงให้ดูพัฒนาทันสมัยตามประเทศมหาอำนาจ เลยเปลี่ยนระบบการขับรถใหม่ครับ



เมื่อผมมาถึง สถานีรถอ่องมิงกาลา


ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พี่แทกซี่ ที่ผมมารู้ทีหลังว่า หม่องแอบชาจ ก็จัดแจงหาบริษัทรถ พร้อมจองตั๋วเลือกที่นั่งให้เสร็จสรรพ สนนราคาตกต่อคนอยู่ที่ 8000 Kys เฉพาะขาไป แต่ดีที่รถบัสไปถึง ไจทีโย ซึ่งโดยปกติช่วงหน้าฝน รถบัสจะไม่ค่อยวิ่งไปไจทีโย หรือถ้าวิ่งก็วันละไม่กี่เที่ยว ไม่งั้นต้องไปลงในตัวเมิงไจโถ่ แล้วต่อสองแถวกันเองครับ เรียกว่ายอมจ่ายแพงแต่ ไม่ลำบากก็โอเค โดยรถโดยสารที่แนะนำ มันหลายยี่ครับ ได้แก่ Yoe Yoe Lay Express, Win Express และ Thien Tan Kyaw Express ครับ



ผมเดินทางด้วย เทียน ทัน จาว เอกเพรส ครับ ตั๋วสองคน 16000 Kys
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่