สวัสดีชาวบลูแพลนเน็ตทุกคนค่ะ
จริงๆแล้วเราเองก็ได้ไปเที่ยวมาในหลายที่หลายๆประเทศที่ไปเองง่ายๆ
และก็ประทับใจกับทุกสถานที่ที่ไป แต่ไม่เคยมีโอกาสจะได้ทำรีวิว
เพราะส่วนใหญ่เป็นการเที่ยวแบบติดสอยห้อยตามเพื่อนไปด้วย
ประมาณว่า เพื่อนเป็นคนจัดทริป ส่วนเราก็ตามๆเขาไป เขาไปไหน เราไปนั่น
แต่ทริป
"แบกเป้ไปเชจู" ครั้งนี้ มีโอกาสได้ร่วมวางแผนการเดินทางด้วย
เลยจดจำรายละเอียดได้มากหน่อย บวกกับ "เกาะเชจู" ที่จะไปนั้น มีคนเขียนรีวิวไว้ไม่มาก
ด้วยเหตุผลหลักข้างบน รีวิวนี้จึงถือกำเนิดขึ้นมา
.................................
และสุดท้ายที่ต้องขอบคุณอย่างสุดซึ้งก็คือ Daboice ค่ะ
เพราะเขาคือเพื่อนร่วมทริป คนต้นคิดและวางแผนในการแบกเป้ไปเชจูครั้งนี้ค่ะทั้งหมด
ไม่มีเขา ทริปนี้ก็ไม่สำเร็จ ^^ เอาล่ะ... ได้เวลา แบกเป้ไปเชจูแล้วค่ะ
วู้วววววววววววววววววววววววววววว
.................................
Trip Jeju-Seoul 5D 4N [4-8 มีนาคม 2557]
Day 1 : กรุงเทพฯ - อินชอน (เกาหลีใต้)
Day 2 : อินชอน - เชจู
- Manjanggul Lava Cave
- Gimnyeong maze park
Day 3 : เชจู
- Hallasan National Park
- Yongduam rock
- Jungang underground market / Dongmun market
Day 4 : เชจู - โซล
- Seongsan Ilchulbong
- Myeongdong (Seoul)
Day 5 : โซล - อินชอน - กรุงเทพฯ
- Ehwa women university
..........................................
สรุปแผนการกันโดยย่อนะคะ ทริปนี้เดินทางกันแค่ 2 คน
กล้องที่พกไปเก็บรูปก็เป็นกล้องดิจิตอลก๊องแก๊งเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
ภาพที่ถ่ายออกมาจึงไม่สวยเท่าตามอง (ขออภัยเป็นอย่างสูง - -")
พวกเราเดินทางในช่วงต้นเดือนมีนาฯซึ่งเป็นฤดูหนาวของเกาหลีใต้รวมถึงเชจูด้วย
อาจดูแปลกๆตรงที่การเที่ยวโซลไม่ได้ไปในแหล่งที่ท้อปฮิตอย่างเช่น N-Seoul tower, เกาะNami ฯลฯ
เพราะว่าครั้งนี้เป็นการไปเกาหลีเป็นครั้งที่สองแล้ว ดังนั้นหลักๆจึงอยู่ที่ "เชจู"
ส่วนในโซลก็จะไปในย่านที่ยังไม่เคยไปในรอบที่แล้วค่ะ
พร้อมแล้ว ลุย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
..........................................
Day 1-2 : กรุงเทพฯ - อินชอน (เกาหลีใต้) - เชจู
รอบนี้เราเลือกบินกับ Korean air เหมือนเคยค่ะ
บริการดี ที่นั่งสบาย บินตรงทันทีถึงเกาหลีใต้ ออกบินกันช่วงดึกเพื่อให้ถึงเกาหลีช่วงเช้า
ส่วนการเดินทางไปเชจูนั้นมี 2 วิธีหลัก
วิธีแรกคือการนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะ กับอย่างที่สองคือบินตรงไปลงสนามบินเชจูเลยค่ะ
ซึ่งรอบนี้พวกเราเลือกบินต่อภายในประเทศไปเกาะเชจู
ซึ่งเมื่อลงเครื่องที่อินชอนแล้วจะต้องเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องที่สนามบินกิมโปเพื่อบินต่อไปเชจูค่ะ
(งงกันไหมเอ่ย)
:: เราจะใช้การเดินทางโดย airport railroad เพื่อไปยังสนามบินกิมโปกันนะคะ
พอเก็บสัมภาระกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามป้าย airport railroad ไปเรื่อยๆเลยค่ะ
:: พอถึงชานชาลาก็จะเจอป้ายบอกทางแบบนี้
เมื่อรถไฟเทียบชานชาลาก็โดดขึ้นโลดค่าาาาา ถึง Gimpo international airport เมื่อไหร่ก็โดดลงเมื่อนั้น
:: จากสนามบินกิมโปบินไปเชจู เราเลือกบินกับ Asiana airlines ค่ะ แบบว่าอยากลองของใหม่ อิอิ ลองบินแล้วก็โอเคผ่านค่ะ
:: ถึงสนามบินเชจู ออกทาง Gate 2 เพื่อมาขึ้นรถบัสค่ะ เพื่อไปที่พักคือ Yeha guesthouse
(ที่รู้ว่าจะต้องออกทางไหน ไปขึ้นรถที่ไหน ก็เพราะทางที่พักเค้าแจ้งรายละเอียดวิธีเดินทางไว้หมดค่ะ ^^)
รถบัสของเกาะเชจูก็ใช้บัตร T-money ค่ะ
ถ่ายรูปบัสคันนี้ แต่จริงๆขึ้นอีกคัน จะไป Yeha guesthouse ต้องขึ้นสาย 100
*** สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปเกาหลีมาก่อน... ***
การเดินทางภายในประเทศเกาหลี เช่นขึ้นรถไฟใต้ดิน รถบัส ก็จะช้บัตรเดียวกันค่ะ เป็นบัตรเติมเงิน เรียกว่า T-money
ซึ่งหาซื้อและเติมเงินได้ที่ 7-11 ในเกาหลีค่ะ ที่ง่ายสุดก็คือ 7-11 ตรงทางออกของสนามบินอินชอน เหยียบถึงเกาหลีปั๊บก็ซื้อบัตรได้ทันที
:: ต่อๆ ค่ะ... นั่งบัสมาเรื่อยๆก็ลงตรงป้ายที่ทางที่พักบอกไว้ค่ะ แล้วก็... ถึงแล้ว ที่พักของเรา ^^
Yeha guesthouse ที่เชจูมีอยู่ 2 ที่นะคะ แต่ที่เราเลือกคือ สาขาที่ใกล้กับ Jeju bus terminal
พักที่นี่ไม่ผิดหวังค่ะ สบายสมราคา แบบไม่ถูกหรือแพงเกินไป แถมยังใกล้กับสถานีรถบัสอีก
สำหรับคนที่อยากเที่ยวเชจูแบบไม่ต้องเช่ารถขับเอง ถือว่าเหมาะมากค่ะ
ถ้าสนใจ ก็เข้าไปส่องๆรายละเอียดกันได้ >>
http://www.yehaguesthouse.com
ข้อดีอีกอย่างของที่พักนี้ คือเขามีรายละเอียดการเดินทางโดยรถบัสไปยังที่ต่างๆด้วยนะคะ
ว่าต้องลงป้ายไหน ราคาเท่าไหร่ เอาเป็นว่าไปง่ายค่ะ ^^
:: เราถือคติท่องเที่ยวแบบทรหดค่ะ บินกันข้ามวัน บินกันสองต่อ พอถึงที่พักแล้วก็ออกเที่ยวกันต่อเลยอย่าได้ช้า เวลามีน้อย
สถานีต่อไป >>>
Manjanggul Lava Cave
จากที่พัก เดินไปยัง Jeju bus terminal ไม่เกิน 3 นาทีค่ะ สังเกตเห็นง่าย เพราะสถานีตั้งอยู่ริมถนนใหญ่เลยค่ะ
ขึ้น
รถบัสสาย 700 จาก Jeju bus terminal ลงตรงสถานี Manjang Cave Entrance
>> ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ไม่เกินนี้ค่ะ
>> ราคานี่จำไม่ได้จริงๆค่ะ ทำแผ่นโพยที่จดไว้หายไป แต่ไม่เกิน 3500 KRW ค่ะ
ระหว่างทางก็มีแต่น้ำกับฟ้าค่ะ แล้วก็บ้าน โรงเรียน โครงสร้างน่ารักๆอยู่เป็นระยะ
ขนาดถ่ายกับกล้องดิจิตอลธรรมดา และก็ถ่ายผ่านกระจกรถ ยังรู้สึกสดใสเลยค่ะ ของจริงนี่วิวดีมากๆ
รถบัสจะมาจอดตรงที่ป้าย Manjang Cave Entrance ซึ่งเป็นทางสามแยกพอดี
ก็ตามชื่อค่ะถึงแค่ปากทางเข้า จากตรงป้ายรถบัสนี้ไปยัง Manjang cave มี 2 วิธีค่ะ
1. เดินโลด ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
2. นั่ง Taxi 5 นาที ไม่เกินนี้ค่ะ ราคาอยู่ที่ 2000-3000 KRW
สำหรับเรา ขาเข้าเลือก Taxi ค่ะ สงวนแรงขาไว้ก่อน
ส่วนขากลับ เราเลือกเดินค่ะ เพราะมีเป้าหมายว่า เราจะแวะอีกที่หนึ่งที่มันอยู่ระหว่างทาง
แต่แนะนำนะคะ ถ้าเป็นหน้าหนาวอย่าเดินเลยค่ะ ทรมานมว๊ากกกก
ส่วนหน้าอื่นที่ไม่ใช่หน้าหนาว เดินไ้ด้สบายๆเลยค่ะ วิวดี ธรรมชาติสุดๆ
Tips : สำหรับคนที่นั่ง Taxi นะคะ ไปเจอมากับตัวคือ จะมี Taxi ที่เป็นบริการเช่าเหมาเที่ยว 1 วัน
ประมาณ 4 ที่ คือ Manjanggul Lava Cave, Gimnyeong maze park, Seongsan Ilchulbong, Seobjikoji
Taxi คันที่เราขึ้นเค้าก็เสนอโปรนี้ขึ้นมาค่ะ ตั้งราคาไว้ที่ 180000 KRW ประมาณนี้แหละค่ะ
พอพวกเราปฏิเสธมากๆเข้า ราคาร่วงมาอยู่ที่ 60000 KRW ซะงั้น แต่เราก็ปฏิเสธไปค่ะ
เพราะว่ามีเป้าหมายกันอยู่แล้ว ^^"
และแล้วเราก็มาถึงค่ะ
"Manjanggul Lava Cave"
ค่าเข้าก็ 2000 KRW
รูปนี้เป็นบริเวณร้านอาหารค่ะ ราคาจะค่อนข้างแพง
ตีเป็นเงินไทยตะอยู่ที่ 200-300 บาทต่อจาน แต่ว่าปริมาณเยอะและอิ่มค่ะ
หน้าตาอาหารก็ประมาณนี้
เสร็จจากเรื่องของกินแล้ว ก็ไปเข้าถ้ำกันดีกว่าค่ะ ^^
รูปในถ้ำมีน้อยมากค่ะ เพราะกล้องมันร้ายมาก ถ่ายมาดำมืดเกือบหมด
ระยะเวลาที่ใช้เดิน + ถ่ายรูปจนหนำใจ ก็ไม่เกิน 1 ชั่วโมงค่ะ ถ้าไม่ได้กะถ่ายแบบเอาเป็นเอาตาย
บรรยากาศในถ้ำก็จะมืดๆ ชวนให้นึกถึงยุคของไดโนเสาร์และเหล่ายอดมนุษย์ยังไงก็ไม่รู้
ถ้าไปหน้าหนาวก็เย็นๆ ชื้น เปียกๆ เดินยากหน่อยค่ะ
ไฮไลต์อยู่ตรงสุดปลายทาง เป็นหินจากลาวาที่ซ้อนทับกันเป็นรูปร่างดูสวย
ซึ่งกล้องเราจับไม่ติดเช่นเคย เลยยืมรูปมาจาก visitkorea นะคะ
เสร็จจากถ้ำนี้แล้วก็สถานีต่อไปเลยค่ะ
" Gimnyeong maze park" เย้!!!!
[CR] แบกเป้เที่ยวเชจู
สวัสดีชาวบลูแพลนเน็ตทุกคนค่ะ
จริงๆแล้วเราเองก็ได้ไปเที่ยวมาในหลายที่หลายๆประเทศที่ไปเองง่ายๆ
และก็ประทับใจกับทุกสถานที่ที่ไป แต่ไม่เคยมีโอกาสจะได้ทำรีวิว
เพราะส่วนใหญ่เป็นการเที่ยวแบบติดสอยห้อยตามเพื่อนไปด้วย
ประมาณว่า เพื่อนเป็นคนจัดทริป ส่วนเราก็ตามๆเขาไป เขาไปไหน เราไปนั่น
แต่ทริป "แบกเป้ไปเชจู" ครั้งนี้ มีโอกาสได้ร่วมวางแผนการเดินทางด้วย
เลยจดจำรายละเอียดได้มากหน่อย บวกกับ "เกาะเชจู" ที่จะไปนั้น มีคนเขียนรีวิวไว้ไม่มาก
ด้วยเหตุผลหลักข้างบน รีวิวนี้จึงถือกำเนิดขึ้นมา
.................................
ก่อนจะอื่นต้องขอขอบคุณแหล่งข้อมูลดีดีเหล่านี้ก่อนนะคะ
ขอบคุณที่ทำให้ทริปของพวกเราเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ขอบคุณจากใจจริงค่ะ
1. กระทู้รีวิวเกาะเชจูใน pantip คือคลังข้อมูลอย่างดีในการวางแผนครั้งนี้
>>> http://ppantip.com/topic/31073276 :
กระทู้ของคุณ Paksabuy เขียนรีวิวไว้อย่างดี
และคนที่สนใจอยากรู้จักเชจูว่ามันคือที่ไหน มีอะไรดี บ้านเมืองเป็นยังไง
คุณเขารวบรวมข้อมูลพื้นฐานไว้หมดค่ะ
>>> http://ppantip.com/topic/31010419 : กระทู้จากคุณ คู่เลิฟตะลอนกิน
>>> http://ppantip.com/topic/30384355 : กระทู้จากคุณ pongapoo
2. http://english.visitkorea.or.kr/mapInfo.kto?func_name=depth2&md=enu&lang_se=ENG&area_code=39
Visitkorea นี่เป็นแหล่งข้อมูลอย่างดีเลยค่ะ สำหรับคนที่จะไปเที่ยวเชจูแบบแบ็คแพ็ค
อยากไปที่ไหนก็เสิร์ชชื่อสถานที่ได้เลยค่ะ เว็บไซต์จะบอกข้อมูลเวลาเปิด-ปิด
บางสถานที่จะบอกระยะเวลาที่ใช้ในการเที่ยวชมด้วย ทำให้เราวางแผนเวลาได้สะดวก
ราคาค่าเข้าชม รวมถึงวิธีการเดินทางโดยรถบัสด้วยค่ะว่าต้องขึ้นสายไหนและลงป้ายไหน
เพราะเขาคือเพื่อนร่วมทริป คนต้นคิดและวางแผนในการแบกเป้ไปเชจูครั้งนี้ค่ะทั้งหมด
ไม่มีเขา ทริปนี้ก็ไม่สำเร็จ ^^ เอาล่ะ... ได้เวลา แบกเป้ไปเชจูแล้วค่ะ
วู้วววววววววววววววววววววววววววว
.................................
Trip Jeju-Seoul 5D 4N [4-8 มีนาคม 2557]
Day 1 : กรุงเทพฯ - อินชอน (เกาหลีใต้)
Day 2 : อินชอน - เชจู
- Manjanggul Lava Cave
- Gimnyeong maze park
Day 3 : เชจู
- Hallasan National Park
- Yongduam rock
- Jungang underground market / Dongmun market
Day 4 : เชจู - โซล
- Seongsan Ilchulbong
- Myeongdong (Seoul)
Day 5 : โซล - อินชอน - กรุงเทพฯ
- Ehwa women university
..........................................
สรุปแผนการกันโดยย่อนะคะ ทริปนี้เดินทางกันแค่ 2 คน
กล้องที่พกไปเก็บรูปก็เป็นกล้องดิจิตอลก๊องแก๊งเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
ภาพที่ถ่ายออกมาจึงไม่สวยเท่าตามอง (ขออภัยเป็นอย่างสูง - -")
พวกเราเดินทางในช่วงต้นเดือนมีนาฯซึ่งเป็นฤดูหนาวของเกาหลีใต้รวมถึงเชจูด้วย
อาจดูแปลกๆตรงที่การเที่ยวโซลไม่ได้ไปในแหล่งที่ท้อปฮิตอย่างเช่น N-Seoul tower, เกาะNami ฯลฯ
เพราะว่าครั้งนี้เป็นการไปเกาหลีเป็นครั้งที่สองแล้ว ดังนั้นหลักๆจึงอยู่ที่ "เชจู"
ส่วนในโซลก็จะไปในย่านที่ยังไม่เคยไปในรอบที่แล้วค่ะ
พร้อมแล้ว ลุย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
..........................................
Day 1-2 : กรุงเทพฯ - อินชอน (เกาหลีใต้) - เชจู
รอบนี้เราเลือกบินกับ Korean air เหมือนเคยค่ะ
บริการดี ที่นั่งสบาย บินตรงทันทีถึงเกาหลีใต้ ออกบินกันช่วงดึกเพื่อให้ถึงเกาหลีช่วงเช้า
ส่วนการเดินทางไปเชจูนั้นมี 2 วิธีหลัก
วิธีแรกคือการนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะ กับอย่างที่สองคือบินตรงไปลงสนามบินเชจูเลยค่ะ
ซึ่งรอบนี้พวกเราเลือกบินต่อภายในประเทศไปเกาะเชจู
ซึ่งเมื่อลงเครื่องที่อินชอนแล้วจะต้องเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องที่สนามบินกิมโปเพื่อบินต่อไปเชจูค่ะ
(งงกันไหมเอ่ย)
:: เราจะใช้การเดินทางโดย airport railroad เพื่อไปยังสนามบินกิมโปกันนะคะ
พอเก็บสัมภาระกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามป้าย airport railroad ไปเรื่อยๆเลยค่ะ
:: พอถึงชานชาลาก็จะเจอป้ายบอกทางแบบนี้
เมื่อรถไฟเทียบชานชาลาก็โดดขึ้นโลดค่าาาาา ถึง Gimpo international airport เมื่อไหร่ก็โดดลงเมื่อนั้น
:: จากสนามบินกิมโปบินไปเชจู เราเลือกบินกับ Asiana airlines ค่ะ แบบว่าอยากลองของใหม่ อิอิ ลองบินแล้วก็โอเคผ่านค่ะ
:: ถึงสนามบินเชจู ออกทาง Gate 2 เพื่อมาขึ้นรถบัสค่ะ เพื่อไปที่พักคือ Yeha guesthouse
(ที่รู้ว่าจะต้องออกทางไหน ไปขึ้นรถที่ไหน ก็เพราะทางที่พักเค้าแจ้งรายละเอียดวิธีเดินทางไว้หมดค่ะ ^^)
รถบัสของเกาะเชจูก็ใช้บัตร T-money ค่ะ
ถ่ายรูปบัสคันนี้ แต่จริงๆขึ้นอีกคัน จะไป Yeha guesthouse ต้องขึ้นสาย 100
*** สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปเกาหลีมาก่อน... ***
การเดินทางภายในประเทศเกาหลี เช่นขึ้นรถไฟใต้ดิน รถบัส ก็จะช้บัตรเดียวกันค่ะ เป็นบัตรเติมเงิน เรียกว่า T-money
ซึ่งหาซื้อและเติมเงินได้ที่ 7-11 ในเกาหลีค่ะ ที่ง่ายสุดก็คือ 7-11 ตรงทางออกของสนามบินอินชอน เหยียบถึงเกาหลีปั๊บก็ซื้อบัตรได้ทันที
:: ต่อๆ ค่ะ... นั่งบัสมาเรื่อยๆก็ลงตรงป้ายที่ทางที่พักบอกไว้ค่ะ แล้วก็... ถึงแล้ว ที่พักของเรา ^^
Yeha guesthouse ที่เชจูมีอยู่ 2 ที่นะคะ แต่ที่เราเลือกคือ สาขาที่ใกล้กับ Jeju bus terminal
พักที่นี่ไม่ผิดหวังค่ะ สบายสมราคา แบบไม่ถูกหรือแพงเกินไป แถมยังใกล้กับสถานีรถบัสอีก
สำหรับคนที่อยากเที่ยวเชจูแบบไม่ต้องเช่ารถขับเอง ถือว่าเหมาะมากค่ะ
ถ้าสนใจ ก็เข้าไปส่องๆรายละเอียดกันได้ >> http://www.yehaguesthouse.com
ข้อดีอีกอย่างของที่พักนี้ คือเขามีรายละเอียดการเดินทางโดยรถบัสไปยังที่ต่างๆด้วยนะคะ
ว่าต้องลงป้ายไหน ราคาเท่าไหร่ เอาเป็นว่าไปง่ายค่ะ ^^
:: เราถือคติท่องเที่ยวแบบทรหดค่ะ บินกันข้ามวัน บินกันสองต่อ พอถึงที่พักแล้วก็ออกเที่ยวกันต่อเลยอย่าได้ช้า เวลามีน้อย
สถานีต่อไป >>> Manjanggul Lava Cave
จากที่พัก เดินไปยัง Jeju bus terminal ไม่เกิน 3 นาทีค่ะ สังเกตเห็นง่าย เพราะสถานีตั้งอยู่ริมถนนใหญ่เลยค่ะ
ขึ้นรถบัสสาย 700 จาก Jeju bus terminal ลงตรงสถานี Manjang Cave Entrance
>> ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ไม่เกินนี้ค่ะ
>> ราคานี่จำไม่ได้จริงๆค่ะ ทำแผ่นโพยที่จดไว้หายไป แต่ไม่เกิน 3500 KRW ค่ะ
ระหว่างทางก็มีแต่น้ำกับฟ้าค่ะ แล้วก็บ้าน โรงเรียน โครงสร้างน่ารักๆอยู่เป็นระยะ
ขนาดถ่ายกับกล้องดิจิตอลธรรมดา และก็ถ่ายผ่านกระจกรถ ยังรู้สึกสดใสเลยค่ะ ของจริงนี่วิวดีมากๆ
รถบัสจะมาจอดตรงที่ป้าย Manjang Cave Entrance ซึ่งเป็นทางสามแยกพอดี
ก็ตามชื่อค่ะถึงแค่ปากทางเข้า จากตรงป้ายรถบัสนี้ไปยัง Manjang cave มี 2 วิธีค่ะ
1. เดินโลด ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
2. นั่ง Taxi 5 นาที ไม่เกินนี้ค่ะ ราคาอยู่ที่ 2000-3000 KRW
สำหรับเรา ขาเข้าเลือก Taxi ค่ะ สงวนแรงขาไว้ก่อน
ส่วนขากลับ เราเลือกเดินค่ะ เพราะมีเป้าหมายว่า เราจะแวะอีกที่หนึ่งที่มันอยู่ระหว่างทาง
แต่แนะนำนะคะ ถ้าเป็นหน้าหนาวอย่าเดินเลยค่ะ ทรมานมว๊ากกกก
ส่วนหน้าอื่นที่ไม่ใช่หน้าหนาว เดินไ้ด้สบายๆเลยค่ะ วิวดี ธรรมชาติสุดๆ
Tips : สำหรับคนที่นั่ง Taxi นะคะ ไปเจอมากับตัวคือ จะมี Taxi ที่เป็นบริการเช่าเหมาเที่ยว 1 วัน
ประมาณ 4 ที่ คือ Manjanggul Lava Cave, Gimnyeong maze park, Seongsan Ilchulbong, Seobjikoji
Taxi คันที่เราขึ้นเค้าก็เสนอโปรนี้ขึ้นมาค่ะ ตั้งราคาไว้ที่ 180000 KRW ประมาณนี้แหละค่ะ
พอพวกเราปฏิเสธมากๆเข้า ราคาร่วงมาอยู่ที่ 60000 KRW ซะงั้น แต่เราก็ปฏิเสธไปค่ะ
เพราะว่ามีเป้าหมายกันอยู่แล้ว ^^"
และแล้วเราก็มาถึงค่ะ "Manjanggul Lava Cave"
ค่าเข้าก็ 2000 KRW
รูปนี้เป็นบริเวณร้านอาหารค่ะ ราคาจะค่อนข้างแพง
ตีเป็นเงินไทยตะอยู่ที่ 200-300 บาทต่อจาน แต่ว่าปริมาณเยอะและอิ่มค่ะ
หน้าตาอาหารก็ประมาณนี้
เสร็จจากเรื่องของกินแล้ว ก็ไปเข้าถ้ำกันดีกว่าค่ะ ^^
รูปในถ้ำมีน้อยมากค่ะ เพราะกล้องมันร้ายมาก ถ่ายมาดำมืดเกือบหมด
ระยะเวลาที่ใช้เดิน + ถ่ายรูปจนหนำใจ ก็ไม่เกิน 1 ชั่วโมงค่ะ ถ้าไม่ได้กะถ่ายแบบเอาเป็นเอาตาย
บรรยากาศในถ้ำก็จะมืดๆ ชวนให้นึกถึงยุคของไดโนเสาร์และเหล่ายอดมนุษย์ยังไงก็ไม่รู้
ถ้าไปหน้าหนาวก็เย็นๆ ชื้น เปียกๆ เดินยากหน่อยค่ะ
ไฮไลต์อยู่ตรงสุดปลายทาง เป็นหินจากลาวาที่ซ้อนทับกันเป็นรูปร่างดูสวย
ซึ่งกล้องเราจับไม่ติดเช่นเคย เลยยืมรูปมาจาก visitkorea นะคะ
เสร็จจากถ้ำนี้แล้วก็สถานีต่อไปเลยค่ะ " Gimnyeong maze park" เย้!!!!