พ่อป่วยอัมพฤกษ์ ผูกคอเอาเงินฌาปนกิจให้ลูกชายจ่ายค่าเสียหายสาว - ด้านเจ้าหนี้โอดตกเป็นจำเลยสังคม
จากกรณี ที่นายเดช รอดโต อายุ 54 ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อยู่บ้านเลขที่ 189/1 หมู่ 16 บ้านใหม่ทรายทอง ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้เชือกผูกคอกับกิ่งมะรุมหลังบ้านเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงสายวันที่ 28 ก.ค.
ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า วันที่ 1 ส.ค. ร.ต.ท.สมาน ปานเพชร พนักงานสอบสวน สภ.ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าของคดี กล่าวว่าจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และบาดแผลถูกทำร้าย พบเพียงกระดาษ 1 แผ่นมีข้อความสั้นๆ ว่า "หาทางออกได้แล้ว เอาเงินตัวนี้ไปให้เขา พ่ออยู่ก็ทำกินไม่ได้ จากพ่อ" และแพทย์ ลงความเห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากขาดอากาศหายใจ เนื่องจากผูกตายใช้ลวดสลิงผูกคอตัวเองและจากการสอบถามญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตจึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีญาติได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา
โดย นางประจบ รอดโต อายุ 50 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามีเป็นคนรักครอบครัวมาก มีอาชีพรับจ้างหาเลี้ยงลูกเมีย ซึ่งตนมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นลูกชาย เมื่อประมาณ 1 ปี เศษสามีได้ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ทำงานไม่ได้ เดินไม่สะดวก ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยลูกหาเลี้ยง ซึ่งก็ไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว
กระทั่งเมื่อประมาณ 3-4 เดือน ที่ผ่านมา ลูกชายอายุ 18 ปี ของตน ไปรับจ้างเจ้าของไร่อ้อย ซึ่งเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน และได้ไปมีสัมพันธ์กับลูกสาวนายจ้าง เหตุเกิดช่วงเดือนพ.ค. และเมื่อนายจ้างทราบเรื่องจึงเรียกไปพูดคุย ก่อนเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท กับทองรูปพรรณหนัก 2 บาท โดยทำข้อตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน และตกลงจ่ายเงินกันไม่เกินสิ้นเดือนมิ.ย. ตนและสามีพยายามดิ้นรนหาเงินมาให้แต่ไม่สามารถหาเงินได้เนื่องจากฐานะยากจน จึงได้ผัดผ่อนออกไป ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย. ทั้งสองฝ่ายได้ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเจรจาต่อรองและฝ่ายผู้เสียหายยอมลดจำนวนเงินลงเหลือ 60,000 บาทถ้วน โดยต้องจ่ายเงินงวดเดียว หากผิดสัญญาต้องถูกปรับเพิ่มอีก 20,000 บาท กำหนดจ่ายภายในวันที่ 29 ก.ค. สุดท้ายก็ยังหาเงินไม่ได้อยู่ดี
กระทั่งเช้าวันที่ 28 ก.ค. สามีได้ให้ตนออกไปซื้อกับข้าวเตรียมไว้ให้หลาน เมื่อกลับมาถึงบ้านพบสามีได้ใช้เชือกผูกคอกับกิ่งมะรุมหลังบ้าน จึงเรียกลูกชายที่อยู่บนบ้านและญาติๆ ช่วยนำลงมา แต่พบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว สำหรับสาเหตุนั้นคงมาจากความเครียดที่ไม่สามารถหาเงินไปจ่ายค่าเสียหายตามกำหนดได้ จึงสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ลูกนำเงินฌาปนกิจกองทุนเงินล้าน ซึ่งสามีได้กู้เงินกองทุน และเป็นสมาชิกจะได้จำนวน 150,000 บาท ไปจ่ายเขา แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งเงินที่กู้กองทุน 30,000 บาทแล้วคงเหลือเงินไม่เท่าไหร่
ด้าน มารดาของหญิงสาวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเป็นฝ่ายเสียหายแต่กลายเป็นจำเลยของสังคมเนื่องจากคนที่ไม่ทราบความจริงได้ด่วนตัดสินว่าครอบครัวตนเป็นต้นเหตุทำให้อีกฝ่ายต้องฆ่าตัวตายเพื่อหาเงินมาจ่ายให้ตนซึ่งความจริงครอบครัวของตนได้พยายามให้โอกาสมาตลอด ทั้งที่ผู้ที่กระทำนั้นก็เป็นลูกจ้างกินอยู่ที่บ้านตนมานานหลายเดือน ไม่น่าทำกับลูกสาวตนแบบนี้
หลังจากตนทราบเรื่องก็ได้เรียกมาพูดคุยตกลงค่าเสียหายตกลงกันแล้ว ต่อหน้าผู้ใหญ่บ้าน แต่เมื่อฝ่ายชายไม่มีเงินตนก็ยังลดให้โดยการยินยอมของทั้งสองฝ่ายและให้โอกาสมาตั้งหลายเดือนจนสุดท้ายมาก่อเหตุฆ่าตัวตายเพื่อต้องการนำเงินฌาปนกิจมาจ่ายให้ตนนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นธรรมกับครอบครัวตน จึงอยากให้สังคมได้ฟังความทั้ง 2 ฝ่ายด้วย
ส่วนเงินที่ตนเรียกไป 60,000 บาทนั้น ตนจะนำไปทำบุญให้กับผู้ตาย ถ้าหากเงินไม่พอตนขอแค่ 50,000 ลดให้อีก 10,000 บาท ส่วนจะจ่ายยังไงนั้นก็ให้มาพูดคุยกันอีกที เรื่องจะได้จบ ทุกวันนี้ครอบครัวตนออกไปไหนก็ถูกสังคมประณาม โดยไม่รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qZzVOams1TWc9PQ%3D%3D
เรียกร้องค่าเสียหาย จนบิดาของฝ่ายชายฆ่าตัวตาย คิดยังไง?
จากกรณี ที่นายเดช รอดโต อายุ 54 ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อยู่บ้านเลขที่ 189/1 หมู่ 16 บ้านใหม่ทรายทอง ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้เชือกผูกคอกับกิ่งมะรุมหลังบ้านเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงสายวันที่ 28 ก.ค.
ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า วันที่ 1 ส.ค. ร.ต.ท.สมาน ปานเพชร พนักงานสอบสวน สภ.ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าของคดี กล่าวว่าจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และบาดแผลถูกทำร้าย พบเพียงกระดาษ 1 แผ่นมีข้อความสั้นๆ ว่า "หาทางออกได้แล้ว เอาเงินตัวนี้ไปให้เขา พ่ออยู่ก็ทำกินไม่ได้ จากพ่อ" และแพทย์ ลงความเห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากขาดอากาศหายใจ เนื่องจากผูกตายใช้ลวดสลิงผูกคอตัวเองและจากการสอบถามญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตจึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีญาติได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา
โดย นางประจบ รอดโต อายุ 50 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามีเป็นคนรักครอบครัวมาก มีอาชีพรับจ้างหาเลี้ยงลูกเมีย ซึ่งตนมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นลูกชาย เมื่อประมาณ 1 ปี เศษสามีได้ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ทำงานไม่ได้ เดินไม่สะดวก ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยลูกหาเลี้ยง ซึ่งก็ไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว
กระทั่งเมื่อประมาณ 3-4 เดือน ที่ผ่านมา ลูกชายอายุ 18 ปี ของตน ไปรับจ้างเจ้าของไร่อ้อย ซึ่งเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน และได้ไปมีสัมพันธ์กับลูกสาวนายจ้าง เหตุเกิดช่วงเดือนพ.ค. และเมื่อนายจ้างทราบเรื่องจึงเรียกไปพูดคุย ก่อนเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท กับทองรูปพรรณหนัก 2 บาท โดยทำข้อตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน และตกลงจ่ายเงินกันไม่เกินสิ้นเดือนมิ.ย. ตนและสามีพยายามดิ้นรนหาเงินมาให้แต่ไม่สามารถหาเงินได้เนื่องจากฐานะยากจน จึงได้ผัดผ่อนออกไป ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย. ทั้งสองฝ่ายได้ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเจรจาต่อรองและฝ่ายผู้เสียหายยอมลดจำนวนเงินลงเหลือ 60,000 บาทถ้วน โดยต้องจ่ายเงินงวดเดียว หากผิดสัญญาต้องถูกปรับเพิ่มอีก 20,000 บาท กำหนดจ่ายภายในวันที่ 29 ก.ค. สุดท้ายก็ยังหาเงินไม่ได้อยู่ดี
กระทั่งเช้าวันที่ 28 ก.ค. สามีได้ให้ตนออกไปซื้อกับข้าวเตรียมไว้ให้หลาน เมื่อกลับมาถึงบ้านพบสามีได้ใช้เชือกผูกคอกับกิ่งมะรุมหลังบ้าน จึงเรียกลูกชายที่อยู่บนบ้านและญาติๆ ช่วยนำลงมา แต่พบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว สำหรับสาเหตุนั้นคงมาจากความเครียดที่ไม่สามารถหาเงินไปจ่ายค่าเสียหายตามกำหนดได้ จึงสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ลูกนำเงินฌาปนกิจกองทุนเงินล้าน ซึ่งสามีได้กู้เงินกองทุน และเป็นสมาชิกจะได้จำนวน 150,000 บาท ไปจ่ายเขา แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งเงินที่กู้กองทุน 30,000 บาทแล้วคงเหลือเงินไม่เท่าไหร่
ด้าน มารดาของหญิงสาวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเป็นฝ่ายเสียหายแต่กลายเป็นจำเลยของสังคมเนื่องจากคนที่ไม่ทราบความจริงได้ด่วนตัดสินว่าครอบครัวตนเป็นต้นเหตุทำให้อีกฝ่ายต้องฆ่าตัวตายเพื่อหาเงินมาจ่ายให้ตนซึ่งความจริงครอบครัวของตนได้พยายามให้โอกาสมาตลอด ทั้งที่ผู้ที่กระทำนั้นก็เป็นลูกจ้างกินอยู่ที่บ้านตนมานานหลายเดือน ไม่น่าทำกับลูกสาวตนแบบนี้
หลังจากตนทราบเรื่องก็ได้เรียกมาพูดคุยตกลงค่าเสียหายตกลงกันแล้ว ต่อหน้าผู้ใหญ่บ้าน แต่เมื่อฝ่ายชายไม่มีเงินตนก็ยังลดให้โดยการยินยอมของทั้งสองฝ่ายและให้โอกาสมาตั้งหลายเดือนจนสุดท้ายมาก่อเหตุฆ่าตัวตายเพื่อต้องการนำเงินฌาปนกิจมาจ่ายให้ตนนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นธรรมกับครอบครัวตน จึงอยากให้สังคมได้ฟังความทั้ง 2 ฝ่ายด้วย
ส่วนเงินที่ตนเรียกไป 60,000 บาทนั้น ตนจะนำไปทำบุญให้กับผู้ตาย ถ้าหากเงินไม่พอตนขอแค่ 50,000 ลดให้อีก 10,000 บาท ส่วนจะจ่ายยังไงนั้นก็ให้มาพูดคุยกันอีกที เรื่องจะได้จบ ทุกวันนี้ครอบครัวตนออกไปไหนก็ถูกสังคมประณาม โดยไม่รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qZzVOams1TWc9PQ%3D%3D