สวัสดีค่ะ "ฮอกไกโดรำลึก" ดูเหมือนย้อนอดีตไปหลายปี แต่จริงๆแล้วเป็นการเดินทางที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2013 เมื่อหนึ่งปีวนมาบรรจบทำให้คิดถึงหน้าร้อนที่ฮอกไกโด
ทำไมเราถึงเลือกไปเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ???
คำตอบคือ เมื่อปลายปี 2012 เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เราไปที่คันไซ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เราหลงเสน่ห์ประเทศนี้เข้าอย่างจัง ชอบและประทับใจทริปนั้นสุดๆ เมื่อทริปนั้นจบลง เพื่อนสนิทของเราได้พูดว่า “ญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่เคยพอ” มันเป็นเรื่องจริง มันต้องมีครั้งที่ 2 3 4 …. สำหรับประเทศนี้
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนผู้เขียน เคยเปิดหนังสือนิตยสารที่นำเสนอการท่องเที่ยวเกาะฮอกไกโด ผู้เขียนได้เก็บภาพสวยๆนั้นไว้ในหัว สักวันเราต้องไปที่นี่ให้ได้สักครั้ง
หลังจากทริปญี่ปุ่นครั้งแรกจบลงประมาณสองเดือน ด้วยความที่ผู้เขียนและเพื่อนสนิทมีความต้องการที่จะท่องเที่ยวตลอดเวลา จึงวางแผนทริปใหม่ทันที
ทริปนั้นคือ “เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น”
ทันทีที่รู้เป้าหมายของทริปใหม่ ผู้เขียนซื้อหนังสือเกี่ยวกับเกาะฮอกไกโด มาอ่าน ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากไป อยากไปดู ชม สถานที่ต่างๆ ด้วยตาของตัวเอง
แน่นอนคะ ว่า เมื่อไปเที่ยว ภาพบางภาพไม่เหมือนในรูปถ่าย หรือสิ่งที่เราจินตนาการไว้ การออกเดินทางไปเที่ยวเองสนุกและมีคุณค่าสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรามากกว่าการอ่านหนังสือท่องเที่ยว หรือ คำบอกเล่า
ผู้เขียนจะพาไปสัมผัสสีสันของฤดูร้อน ณ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น จากความทรงจำและความประทับใจที่ได้สัมผัสมาด้วยตัวเอง ไปกันเลย !!!!
แพลนการเดินทาง
Day 1 : BKK,THAILAND-SAPPORO,HOKKAIDO,JP
DAY2 : OTARU
DAY3 : SAPPORO-HAKODATE
DAY4 : HAKODATE-SAPPORO
DAY5 : FURANO-BIEI
DAY6 : BIEI-ASAHIKAWA
DAY7 : ASAHIKAWA
DAY8 : SAPPORO,HOKKAIDO,JP-BKK,THAILAND
การเดินทางเริ่มขึ้น...
การเดินทางครั้งนี้เราบินลัดฟ้าไปญี่ปุ่นโดยใช้บริการสายการบินไทย เป็นเที่ยวบินตรงไปลงที่สนามบิน NEW CHITOSE ที่ SAPPORO (จองตั๋วช่วงโปรโมชั่นของการบินไทย ราคาตั๋ว อยู่ที่ประมาณ 21,000 บาท )
การเดินทางกับเครื่องบินสัญชาติไทย ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและไม่กังวลมาก เพราะสามารถใช้ภาษาไทยของเราสื่อสารได้อย่างเข้าใจ รวมถึงรอยยิ้มที่ได้จากการบริการ
ระยะเวลาในการบิน ประมาณ 6 ชั่วโมง 45 นาที และแล้วก็ถึงเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เย้!!!
* ช่วงที่ไปเที่ยว เป็นฤดูร้อนของฮอกไกโด
** อากาศเย็นสบายกำลังดี
*** ช่วงที่ไปเที่ยว เวลากลางวันจะยาว เวลากลางคืนจะสั้น พระอาทิตย์ขึ้นประมาณตีสี่พระอาทิตย์ตกเกือบสองทุ่ม ทำให้เรามีเวลาเที่ยวมากขึ้น
เมื่อถึงสนามบิน เราก็ไปจัดการออกตั๋วจริงของ HOKKAIDO RAIL PASS ที่ซื้อมาจากกรุงเทพ ก่อนเดินทาง ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ
ในที่สุด ก็ได้ HOKKAIDO RAIL PASS บัตรนี้มีค่ายิ่งนักรักษายิ่งชีพ (ใครมา ฮอกไกโดแล้วมีแพลนคล้ายผู้เขียนแนะนำซื้อเลยค่า คุ้ม !!!)
เมื่อได้ JR HOKKAIDO PASS มาแล้วเราก็นั่งรถไฟ JR RAPID TRAIN AIRPORT จากสนามบินไปยัง JR SAPPORO STATION
จากนั้นก็ได้เวลาไปเก็บสัมภาระที่ RICHMOND HOTEL SAPPORO ODORI จาก JR SAP. STATION นั่ง NAMBOKU SUBWAY LINE ลงที่สถานี ODORI
*วันแรกเป็นวันเดียวที่เราใช้บริการรถใต้ดินเดินทางระหว่าง JR SAPPORO STATION กับ โรงแรมที่พัก เพราะว่าวันอื่นๆรวมถึงวันเดินทางกลับ เราใช้การเดินเท้า โดยส่วนตัวคิดว่าการเดินเที่ยว เราเห็นเมืองและวิถีชีวิต ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนสมบูรณ์มากขึ้น
RICHMOND HOTEL SAPPORO ODORI ปลื้ม รร. นี้แนะนำเลย บริการดี ของแจกเพียบ คือชอบตรงของแจกเป็นพิเศษ (ถ่ายมาแต่รูปห้องน้ำ)
วันแรกก็เริ่มเที่ยวกันเลย
เราไปที่ SHIROI KOIBITO PARK นั่ง TOZAI SUBWAY LINE ลงที่ MIYANOSAWA STATION แล้วเดินเท้าต่ออีกนิดก็ถึง ทันทีที่ โผล่ขึ้นมาจากรถใต้ดิน ฝนก็โปรยปรายต้อนรับเลยที่เดียว
พิพิธภัณฑ์ของเล่นด้านใน
ช่วงเย็นของวันแรก เราแวะไปที่ ตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าของฮอกไกโด (FORMER HOKKAIDO GOVERNMENT OFFICE BUILDING)
ODORI PARK
ตบท้ายด้วยมื้อเย็น คือ ข้าวห่อไข่ ที่ห้าง DAIMARU SAPPORO ลองตามไปชิมกันดูนะ
เมื่อท้องอิ่มก็เดินย่อยกันซะหน่อย การเดินชมเมืองยามค่ำคืน ผ่านหอนาฬิกา และ SAPPORO TV TOWER
วันต่อมาเราไปเมืองโอตารุ นั่ง JR SAPPORO~OTARU~OSHAMAMBE LINE ไปที่ OTARU STATION หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองไปเรื่อย เริ่มที่คลองโอตารุกับมุมมหาชน
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี
ปิดท้ายเมืองโอตารุที่ร้านนี้เลย LeTAO มาที่นี่ก็ต้องชิม cheesecake นั่งจิบชา ฟินเลยทีเดียว
ประมาณช่วงบ่ายเราก็เที่ยวรอบเมืองโอตารุ มีเวลาเหลือ ก็คิดกันว่า อยากไปเก็บลูกเชอร์รี่ที่ฟาร์ม จึงนั่ง JR สายเดิม ไปลงที่สถานี KUTCHAN ถึงปุ๊ป ก็หิวป๊าป เมืองนี้เงียบสงบมากกกก เราเดินหาร้านอาหารอยู่สักพัก ก็เห็นร้านบะหมี่ร้านหนึ่งเปิดอยู่ เลยกินที่ร้านนี้เลย ร้านนี้คงเป็นร้านเก่าแก่ของเมืองนี้ เพื่อนๆ เรียกร้านนี้ว่า “ร้านบะหมี่ร้อยปี ในเมืองที่เราหลงมา”
บะหมี่เย็นกับไข่สดๆ
เมื่อกินเสร็จ ก็เริ่มเย็นแล้ว เลยตัดสินใจกลับ SAPPORO ล้มเลิกภาระกิจเก็บเชอร์รี่ (สงสัยต้องกลับไปซ่อมภาระกิจนี้ในคราวหน้า)
ถ้าเรามองวิวรอบๆ ที่สถานี KUTCHAN จะเห็นภูเขาเด่นสดุดตาลูกหนึ่ง นั่นคือ ภูเขาไฟโยเทอิ ชื่อเล่น "ฟูจิน้อย"
*****สีสันของการเดินทาง บ่อยครั้งเกิดจากการที่เราไม่เดินตามแผนที่วางไว้
วันที่สี่เป้าหมาย คือ HAKODATE พวกเราตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อเตรียมตัวเดินทางให้ทันรถไฟเที่ยวแรก (JR SAPPORO~ HIGASHI ~MURORAN ~HAKODATE) แล้วไปหลับต่อในรถไฟ คร่อกกกๆๆๆ นอนหลับยาวๆไป 4-5ชั่วโมง
พอถึง HAKODATE ท้องฟ้าครึ้ม เมฆฝน ต้อนรับพวกเราเต็มที่เลย อย่าได้ท้อถอย มาแล้วเก็บกระเป๋าที่โรงแรม SMILE HOTEL HAKODATE
SLOPE IN MATOMACHI
สิ่งที่ไม่ควรพลาด คือ ชีทเค้กที่ละมุนลิ้นมากกกก อร่อยเลอค่า หาซื้อได้ที่ตึกโกดังสีแดงเลยจ้า
เมื่ออากาศไม่เป็นใจ เราก็ตัดสินใจกลับ SAPPORO ในวันรุ่งขึ้นหลังจากเที่ยว กิน ตลาดเช้า(MORNING MARKET)
มื้อเช้าที่พลาดไม่ได้ คือ ข้าวหน้าอาหารทะเล มีหลายร้านให้เลือก แต่ละร้านก็มีเมนูคล้ายๆ กัน แต่ที่สำคัญสดมากจริงๆ
ข้าวหน้าปลาหมึกสดและหอยเม่น
มื้อบ่ายที่ SAPPORO คือ ซูชิ มื้อแห่งความประทับใจ พวกเรานั่งติดๆ กับคุณลุงคนญี่ปุ่น คุณลุงสอนพวกเราวิธีกินซูชิที่ถูกต้องตามธรรมเนียม พูดสั่งอาหารให้พวกเรากินเมนูเลิศรส รวมถึงให้พนักงานในร้านถ่ายรูปหมู่พวกเราด้วย คนญี่ปุ่นน่ารักจริงๆ
เมลอน หวาน ฉ่ำ
สถานที่ต่อไป คือเป้าหมายหลักของทริปนี้ ไปกันเลย!!!
SAPPORO ~ARAHIKAWA ~ABASHIRI ลงสถานี TAKIKAWA แล้ว นั่งต่อไปลงที่สถานี FURANO
ผลจากการตื่นเช้าและนั่งรถอันยาวนาน เมื่อมาถึงเรา FURANO ก็หิวอีกแล้ว เริ่มหาของกิน ไปเจอร้านหนึ่ง ร้านยังไม่เปิด ด้วยความสงสารนักท่องเที่ยวผู้หิวโหย เจ้าของร้านก็ใจดีบอกให้รอหน่อย เค้าจะทำให้กิน สมหวัง อิ่มเลย
สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา การเดินเท้า ดีและฟินที่สุดในการชมทุ่งลาเวนเดอร์และดอกไม้หลากสี
TOMITA FARM
ลาเวนเดอร์
สวนดอกไม้มีคนดูแลอย่างดี
อย่าลืมชิมไอศกรีม
ทุ่งนา ใกล้ๆ ฟาร์มโทมิตะ
หลังจากเพลิดเพลินกับมวลหมู่ดอกไม้แล้ว เราก็นั่งรถไฟสาย ASAHIKAWA~FURANO ไปลงที่สถานีBIEI คืนนี้เราพักที่ HOTEL LAVENIR @BIEI หลังจากเช็คอินแล้ว เวลาช่วงบ่ายนี้เราตัดสินใจเช่าจักรยาน จากโรงแรมคันละประมาณ 500 เยน
เมื่อได้จักรยานคู่ใจแล้วก็ไปซิ่งกันเลย
***มีสองเส้นทางให้ปั่นจักรยาน คือ PATCHWORK ROAD (~5hrs) และ PANORAMA ROAD (~3.5hrs)
แน่นอนพวกเราเลือกแบบ PANORAMA ROAD ได้แผนที่แล้วก็ปั่นเลย ปั่นไปสักพักเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเลี้ยวมาผิดทาง ทางนั้นคือเส้นทาง PATCHWORK ROAD คุณพระ !!! แต่มาถึงขั้นนี้แล้วพวกเราจะถอยได้ไง ปั่นต่อไป สู้!!!
แรกๆ ปั่นไปแรงดี ผ่านไปสักพัก พอจะขึ้นเนิน ก็ลงเข็นเลยจ้า หอบ เหนื่อย ปั่นตามแผนที่ ไปเรื่อย แวะถ่ายภาพเป็นระยะๆ ระหว่างทางก็จะพบนักท่องเที่ยวบางคนใช้การขับรถยนต์ส่วนตัว แทนการปั่นจักรยาน
ระหว่างทางมีตู้น้ำหยอดเหรียญให้เราแวะเติมพลัง ผ่านไปหลายชั่วโมงภารกิจ พิชิติเส้นทาง PATCHWORK ROAD ก็สำเร็จ เย้ๆ เมื่อถึงจุดหมายก็ แอบภูมิใจในลำแข้งของเรา
[CR] HOKKAIDO MEMORY : ฮอกไกโดรำลึก : คิดถึงหน้าร้อนที่ฮอกไกโด
ทำไมเราถึงเลือกไปเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ???
คำตอบคือ เมื่อปลายปี 2012 เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เราไปที่คันไซ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เราหลงเสน่ห์ประเทศนี้เข้าอย่างจัง ชอบและประทับใจทริปนั้นสุดๆ เมื่อทริปนั้นจบลง เพื่อนสนิทของเราได้พูดว่า “ญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่เคยพอ” มันเป็นเรื่องจริง มันต้องมีครั้งที่ 2 3 4 …. สำหรับประเทศนี้
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนผู้เขียน เคยเปิดหนังสือนิตยสารที่นำเสนอการท่องเที่ยวเกาะฮอกไกโด ผู้เขียนได้เก็บภาพสวยๆนั้นไว้ในหัว สักวันเราต้องไปที่นี่ให้ได้สักครั้ง
หลังจากทริปญี่ปุ่นครั้งแรกจบลงประมาณสองเดือน ด้วยความที่ผู้เขียนและเพื่อนสนิทมีความต้องการที่จะท่องเที่ยวตลอดเวลา จึงวางแผนทริปใหม่ทันที
ทริปนั้นคือ “เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น”
ทันทีที่รู้เป้าหมายของทริปใหม่ ผู้เขียนซื้อหนังสือเกี่ยวกับเกาะฮอกไกโด มาอ่าน ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากไป อยากไปดู ชม สถานที่ต่างๆ ด้วยตาของตัวเอง
แน่นอนคะ ว่า เมื่อไปเที่ยว ภาพบางภาพไม่เหมือนในรูปถ่าย หรือสิ่งที่เราจินตนาการไว้ การออกเดินทางไปเที่ยวเองสนุกและมีคุณค่าสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรามากกว่าการอ่านหนังสือท่องเที่ยว หรือ คำบอกเล่า
ผู้เขียนจะพาไปสัมผัสสีสันของฤดูร้อน ณ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น จากความทรงจำและความประทับใจที่ได้สัมผัสมาด้วยตัวเอง ไปกันเลย !!!!
แพลนการเดินทาง
Day 1 : BKK,THAILAND-SAPPORO,HOKKAIDO,JP
DAY2 : OTARU
DAY3 : SAPPORO-HAKODATE
DAY4 : HAKODATE-SAPPORO
DAY5 : FURANO-BIEI
DAY6 : BIEI-ASAHIKAWA
DAY7 : ASAHIKAWA
DAY8 : SAPPORO,HOKKAIDO,JP-BKK,THAILAND
การเดินทางเริ่มขึ้น...
การเดินทางครั้งนี้เราบินลัดฟ้าไปญี่ปุ่นโดยใช้บริการสายการบินไทย เป็นเที่ยวบินตรงไปลงที่สนามบิน NEW CHITOSE ที่ SAPPORO (จองตั๋วช่วงโปรโมชั่นของการบินไทย ราคาตั๋ว อยู่ที่ประมาณ 21,000 บาท )
การเดินทางกับเครื่องบินสัญชาติไทย ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและไม่กังวลมาก เพราะสามารถใช้ภาษาไทยของเราสื่อสารได้อย่างเข้าใจ รวมถึงรอยยิ้มที่ได้จากการบริการ
ระยะเวลาในการบิน ประมาณ 6 ชั่วโมง 45 นาที และแล้วก็ถึงเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เย้!!!
* ช่วงที่ไปเที่ยว เป็นฤดูร้อนของฮอกไกโด
** อากาศเย็นสบายกำลังดี
*** ช่วงที่ไปเที่ยว เวลากลางวันจะยาว เวลากลางคืนจะสั้น พระอาทิตย์ขึ้นประมาณตีสี่พระอาทิตย์ตกเกือบสองทุ่ม ทำให้เรามีเวลาเที่ยวมากขึ้น
เมื่อถึงสนามบิน เราก็ไปจัดการออกตั๋วจริงของ HOKKAIDO RAIL PASS ที่ซื้อมาจากกรุงเทพ ก่อนเดินทาง ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ
ในที่สุด ก็ได้ HOKKAIDO RAIL PASS บัตรนี้มีค่ายิ่งนักรักษายิ่งชีพ (ใครมา ฮอกไกโดแล้วมีแพลนคล้ายผู้เขียนแนะนำซื้อเลยค่า คุ้ม !!!)
เมื่อได้ JR HOKKAIDO PASS มาแล้วเราก็นั่งรถไฟ JR RAPID TRAIN AIRPORT จากสนามบินไปยัง JR SAPPORO STATION
จากนั้นก็ได้เวลาไปเก็บสัมภาระที่ RICHMOND HOTEL SAPPORO ODORI จาก JR SAP. STATION นั่ง NAMBOKU SUBWAY LINE ลงที่สถานี ODORI
*วันแรกเป็นวันเดียวที่เราใช้บริการรถใต้ดินเดินทางระหว่าง JR SAPPORO STATION กับ โรงแรมที่พัก เพราะว่าวันอื่นๆรวมถึงวันเดินทางกลับ เราใช้การเดินเท้า โดยส่วนตัวคิดว่าการเดินเที่ยว เราเห็นเมืองและวิถีชีวิต ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนสมบูรณ์มากขึ้น
RICHMOND HOTEL SAPPORO ODORI ปลื้ม รร. นี้แนะนำเลย บริการดี ของแจกเพียบ คือชอบตรงของแจกเป็นพิเศษ (ถ่ายมาแต่รูปห้องน้ำ)
วันแรกก็เริ่มเที่ยวกันเลย
เราไปที่ SHIROI KOIBITO PARK นั่ง TOZAI SUBWAY LINE ลงที่ MIYANOSAWA STATION แล้วเดินเท้าต่ออีกนิดก็ถึง ทันทีที่ โผล่ขึ้นมาจากรถใต้ดิน ฝนก็โปรยปรายต้อนรับเลยที่เดียว
พิพิธภัณฑ์ของเล่นด้านใน
ช่วงเย็นของวันแรก เราแวะไปที่ ตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าของฮอกไกโด (FORMER HOKKAIDO GOVERNMENT OFFICE BUILDING)
ODORI PARK
ตบท้ายด้วยมื้อเย็น คือ ข้าวห่อไข่ ที่ห้าง DAIMARU SAPPORO ลองตามไปชิมกันดูนะ
เมื่อท้องอิ่มก็เดินย่อยกันซะหน่อย การเดินชมเมืองยามค่ำคืน ผ่านหอนาฬิกา และ SAPPORO TV TOWER
วันต่อมาเราไปเมืองโอตารุ นั่ง JR SAPPORO~OTARU~OSHAMAMBE LINE ไปที่ OTARU STATION หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองไปเรื่อย เริ่มที่คลองโอตารุกับมุมมหาชน
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี
ปิดท้ายเมืองโอตารุที่ร้านนี้เลย LeTAO มาที่นี่ก็ต้องชิม cheesecake นั่งจิบชา ฟินเลยทีเดียว
ประมาณช่วงบ่ายเราก็เที่ยวรอบเมืองโอตารุ มีเวลาเหลือ ก็คิดกันว่า อยากไปเก็บลูกเชอร์รี่ที่ฟาร์ม จึงนั่ง JR สายเดิม ไปลงที่สถานี KUTCHAN ถึงปุ๊ป ก็หิวป๊าป เมืองนี้เงียบสงบมากกกก เราเดินหาร้านอาหารอยู่สักพัก ก็เห็นร้านบะหมี่ร้านหนึ่งเปิดอยู่ เลยกินที่ร้านนี้เลย ร้านนี้คงเป็นร้านเก่าแก่ของเมืองนี้ เพื่อนๆ เรียกร้านนี้ว่า “ร้านบะหมี่ร้อยปี ในเมืองที่เราหลงมา”
บะหมี่เย็นกับไข่สดๆ
เมื่อกินเสร็จ ก็เริ่มเย็นแล้ว เลยตัดสินใจกลับ SAPPORO ล้มเลิกภาระกิจเก็บเชอร์รี่ (สงสัยต้องกลับไปซ่อมภาระกิจนี้ในคราวหน้า)
ถ้าเรามองวิวรอบๆ ที่สถานี KUTCHAN จะเห็นภูเขาเด่นสดุดตาลูกหนึ่ง นั่นคือ ภูเขาไฟโยเทอิ ชื่อเล่น "ฟูจิน้อย"
*****สีสันของการเดินทาง บ่อยครั้งเกิดจากการที่เราไม่เดินตามแผนที่วางไว้
วันที่สี่เป้าหมาย คือ HAKODATE พวกเราตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อเตรียมตัวเดินทางให้ทันรถไฟเที่ยวแรก (JR SAPPORO~ HIGASHI ~MURORAN ~HAKODATE) แล้วไปหลับต่อในรถไฟ คร่อกกกๆๆๆ นอนหลับยาวๆไป 4-5ชั่วโมง
พอถึง HAKODATE ท้องฟ้าครึ้ม เมฆฝน ต้อนรับพวกเราเต็มที่เลย อย่าได้ท้อถอย มาแล้วเก็บกระเป๋าที่โรงแรม SMILE HOTEL HAKODATE
SLOPE IN MATOMACHI
สิ่งที่ไม่ควรพลาด คือ ชีทเค้กที่ละมุนลิ้นมากกกก อร่อยเลอค่า หาซื้อได้ที่ตึกโกดังสีแดงเลยจ้า
เมื่ออากาศไม่เป็นใจ เราก็ตัดสินใจกลับ SAPPORO ในวันรุ่งขึ้นหลังจากเที่ยว กิน ตลาดเช้า(MORNING MARKET)
มื้อเช้าที่พลาดไม่ได้ คือ ข้าวหน้าอาหารทะเล มีหลายร้านให้เลือก แต่ละร้านก็มีเมนูคล้ายๆ กัน แต่ที่สำคัญสดมากจริงๆ
ข้าวหน้าปลาหมึกสดและหอยเม่น
มื้อบ่ายที่ SAPPORO คือ ซูชิ มื้อแห่งความประทับใจ พวกเรานั่งติดๆ กับคุณลุงคนญี่ปุ่น คุณลุงสอนพวกเราวิธีกินซูชิที่ถูกต้องตามธรรมเนียม พูดสั่งอาหารให้พวกเรากินเมนูเลิศรส รวมถึงให้พนักงานในร้านถ่ายรูปหมู่พวกเราด้วย คนญี่ปุ่นน่ารักจริงๆ
เมลอน หวาน ฉ่ำ
สถานที่ต่อไป คือเป้าหมายหลักของทริปนี้ ไปกันเลย!!!
SAPPORO ~ARAHIKAWA ~ABASHIRI ลงสถานี TAKIKAWA แล้ว นั่งต่อไปลงที่สถานี FURANO
ผลจากการตื่นเช้าและนั่งรถอันยาวนาน เมื่อมาถึงเรา FURANO ก็หิวอีกแล้ว เริ่มหาของกิน ไปเจอร้านหนึ่ง ร้านยังไม่เปิด ด้วยความสงสารนักท่องเที่ยวผู้หิวโหย เจ้าของร้านก็ใจดีบอกให้รอหน่อย เค้าจะทำให้กิน สมหวัง อิ่มเลย
สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา การเดินเท้า ดีและฟินที่สุดในการชมทุ่งลาเวนเดอร์และดอกไม้หลากสี
TOMITA FARM
ลาเวนเดอร์
สวนดอกไม้มีคนดูแลอย่างดี
อย่าลืมชิมไอศกรีม
ทุ่งนา ใกล้ๆ ฟาร์มโทมิตะ
หลังจากเพลิดเพลินกับมวลหมู่ดอกไม้แล้ว เราก็นั่งรถไฟสาย ASAHIKAWA~FURANO ไปลงที่สถานีBIEI คืนนี้เราพักที่ HOTEL LAVENIR @BIEI หลังจากเช็คอินแล้ว เวลาช่วงบ่ายนี้เราตัดสินใจเช่าจักรยาน จากโรงแรมคันละประมาณ 500 เยน
เมื่อได้จักรยานคู่ใจแล้วก็ไปซิ่งกันเลย
***มีสองเส้นทางให้ปั่นจักรยาน คือ PATCHWORK ROAD (~5hrs) และ PANORAMA ROAD (~3.5hrs)
แน่นอนพวกเราเลือกแบบ PANORAMA ROAD ได้แผนที่แล้วก็ปั่นเลย ปั่นไปสักพักเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเลี้ยวมาผิดทาง ทางนั้นคือเส้นทาง PATCHWORK ROAD คุณพระ !!! แต่มาถึงขั้นนี้แล้วพวกเราจะถอยได้ไง ปั่นต่อไป สู้!!!
แรกๆ ปั่นไปแรงดี ผ่านไปสักพัก พอจะขึ้นเนิน ก็ลงเข็นเลยจ้า หอบ เหนื่อย ปั่นตามแผนที่ ไปเรื่อย แวะถ่ายภาพเป็นระยะๆ ระหว่างทางก็จะพบนักท่องเที่ยวบางคนใช้การขับรถยนต์ส่วนตัว แทนการปั่นจักรยาน
ระหว่างทางมีตู้น้ำหยอดเหรียญให้เราแวะเติมพลัง ผ่านไปหลายชั่วโมงภารกิจ พิชิติเส้นทาง PATCHWORK ROAD ก็สำเร็จ เย้ๆ เมื่อถึงจุดหมายก็ แอบภูมิใจในลำแข้งของเรา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น