วันนี้ อยากท้าทาย ไปลองโปรลด 50% จึงได้เดินทางไปที่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
ห้างเปิดเวลา 10.30 น. ผมสังเกตคนหลายคนเลือกที่จะเข้าทางประตูหน้า ประตูใหญ่
แต่ผมเลือกเดินไปที่ประตูที่ใกล้ร้านที่สุด ฝั่งลานจอดรถชั้น B
พอประตูเปิดเท่านั้นละ ต่างคน ต่างวิ่ง เหมือนไปแย่งของฟรี
ผมเองก็ได้คิวรอบแรกเช่นกัน พอเข้าไปนั่งในร้าน ก็เดินไปตักของกิน พบว่า
- การทำอาหารนั้น เป็นการทำเหมือน ตอนปลายปี 54 ที่ให้กินฟรีเป็นรอบ ถ้าใครไม่เคยไปกินตอนนั้น จะเล่าให้ฟังดังนี้
1. ในโซนที่เราต้องใช้ตัวหนีบ เลือกอาหารไปให้พ่อครัวทำให้สุกนั้น ปกติจะมีหลากหลายมาก เช่น สเต็กหมู สเต็กเนื้อ หมู ไก่ ปลาซาบะ
หลากหลายชนิด แต่ตอนนี้ เค้าจะทำสุกมาให้ตัก ซึ่งมีถาดวางประมาณ 5 ถาดใหญ่ๆ เท่านั้น ดังนั้น อาหารจะเป็นลักษณะวน
คือมีวางเต็ม 5 ถาดก็จริง แต่ถ้ามีถาดใด ถาดหนึ่งหมด ของที่มาเติมจะเปลี่ยนไป
2. โซนใกล้ๆกันที่เป็น แครอท ข้าวโพดอ่อน กระเทียม เห็นเข็มทอง เห็ดออรินจิ เห็ดฟาง ก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน
มีถาดวางประมาณ 4 ถาด ผมเดินรอบแรก ไม่มีเห็ดเลย พอกลับมาเดินรอบ 2 ก็มีนำเห็ดเข็มทองที่ผัดให้สุกแล้วขึ้นมา และเห็ดออรินจิย่าง
ระยะเวลาที่ผมกินทั้ง 1 ชม. 45 นาที ผมไม่เจอ ข้าวโพดอ่อน ไม่เจอ กระเทียม ไม่เจอ เห็ดฟาง เลย
3. โซนที่เป็นพวก บล็อคโคลี่ ผักกาดแก้ว ยังคงใช้ตัวหนีบเหมือนเดิม
4. ข้างๆที่จะมีเมนู ที่เราต้องเอาตัวหนีบไปวาง เช่น ราดหน้าปลาเต้าซี่ ปลาดอลี่นิ่งมะนาว เป็นต้น ก็หายไปคงเหลือเพียง ราดหน้า
ส่วนปลาดอลี่นิ่งมะนาว ไปรวมอยู่กับถาดในข้อ 2
5. โซนปลาดิบ ข้าวปั้น ผมคิดว่ามีครบทุกอย่าง ไม่ขาด
6. ไอศครีม เครื่องงดใช้
7. โซนอาหารปรุงสำเร็จ มีมาเติมตลอด ไม่ขาดสาย
สรุป ผมคิดว่างานนี้ โออิชิ มีกำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน คนทั่วไปอาจสังเกตว่า อาหารมีเต็ม และมาเติมตลอด
แต่ คนทั่วไป ไม่เคยสังเกตว่า อาหารที่เคยมีให้ตัก ให้คีบ ก่อนไปให้พ่อครัวปรุง บางอย่างหายไป
และสิ่งที่หายไป ก็เป็นสิ่งที่ถึงแม้ว่า ราคาวัตถุไม่สูง แต่โออิชิ ก็เลือกที่จะให้สิ่งเหล่านั้นหายไป เปรียบเสมือนการลดต้นทุน
อย่างน้อย ก็ขอให้คงเมนูที่คนทั่วไปนิยมทาน เช่น ปลาดิบ
จากการวิเคราะห์จากสาขานี้ ในครั้งนี้
เดิม ลูกค้าไม่เคยเต็มร้านในวันธรรมดา แต่วันนี้ลูกค้าเต็มร้านทั้งวัน
โออิชิ บุฟเฟต์ น่าจะขายได้ 6 รอบ คือ 10.30-12.15 , 12.15-14.00 , 14.00-15.45 , 15.45-17.30 , 17.30-19.15 , 19.15-21.00
ทั้งนี้ ยังไม่นับคนที่ใช้บริการไม่เต็มรอบ นั่นหมายความว่า โต๊ะนั้น อาจใช้บริการได้ถึง 7 รอบ
ดังนั้น คนเข้ามาใช้บริการ น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 เท่า ผมประมาณที่ 3.5 เท่า
สมมติ เดิม 1 วัน มี 100 คน รายรับ 100 x 529 = 52,900
ช่วงโปรโมชั่น 1 วัน มี 350 คน รายรับ 350 x 265 = 92,750
นั่นแสดงว่า รายรับ เพิ่มขึ้น 39,850 บาท โดยประมาณ
ลองมาวิเคราะห์รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น น่าจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเฉพาะค่าอาหาร
เดิม 1 วัน รายรับ 52,900 คิดรายจ่ายค่าอาหาร น่าจะอยู๋ประมาณ 30% จากราคาเต็ม ไม่น่าจะเกินนี้ รายจ่ายอาหาร 15,870 บาท
ช่วงโปรโมชั่น 1 วัน รายรับ 92,750 คิดรายจ่ายค่าอาหาร น่าจะอยู๋ประมาณ 30% จากราคาเต็ม ไม่น่าจะเกินนี้ รายจ่ายอาหาร 55,545 บาท
ผลสรุป นำรายได้ - รายจ่ายเฉพาะค่าอาหาร
เดิม 1 วัน 52,900 - 15,870 = 37,030
ช่วงโปรโมชั่น 1 วัน 92,750 - 55,545 = 37,205
จะเห็นได้ว่า
โออิชิ ไม่ได้ขาดทุนเลย
แถมยังได้ การโฆษณาเพิ่มขึ้น ตรงที่ มีฟรีทีวีบางช่อง นำข่าวไปออกว่ามีคนมาใช้บริหารเยอะ
เมื่อประชาชนที่รับชมรายการข่าว ก็เกิดอยากไปลองใช้บริการดูบ้าง
มีการพูดต่อๆกันในโลกออนไลน์ ที่ไม่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนเลย
ส่วนการโฆษณาในทีวี ผมเองมองว่า เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นปกติอยู่แล้ว
บริษัท โออิชิ คงจะมีการตั้งงบประมาณโฆษณาใน 1 ปี ไว้อยู่แล้ว
ผลสรุป โปรโมชั่นนี้ เป็นการดึงกลุ่มคนที่ไม่เคยมาทานโออิชิ ให้มาทานโออิชิ แล้วหวังว่าภายภาคหน้า เค้าจะกลับมาใหม่
ถ้าเค้ากลับมา โออิชิ ได้ผลประโยชน์เต็ม
ถ้าเค้าไม่กลับมา โออิชิ ก็ไม่เสียหายอะไร
ส่วนฐานลูกค้าเดิม คงไม่ได้หดหายไปไหน ลูกค้าเดิมคงเลี่ยงที่จะไปใช้บริการในช่วง 7 วันนี้
แต่ผมก็มั่นใจว่า ยังมีฐานลูกค้าเดิม บางราย ต้องการลองของ ไปเป็นผู้พิชิต แคมเปญนี้ให้ได้
สนทนาและแชร์ประสบการณ์ ในการกินโออิชิบุฟเฟต์ ลด50% โออิชิไม่ได้ขาดทุนอย่างที่ทุกท่านคิด
ห้างเปิดเวลา 10.30 น. ผมสังเกตคนหลายคนเลือกที่จะเข้าทางประตูหน้า ประตูใหญ่
แต่ผมเลือกเดินไปที่ประตูที่ใกล้ร้านที่สุด ฝั่งลานจอดรถชั้น B
พอประตูเปิดเท่านั้นละ ต่างคน ต่างวิ่ง เหมือนไปแย่งของฟรี
ผมเองก็ได้คิวรอบแรกเช่นกัน พอเข้าไปนั่งในร้าน ก็เดินไปตักของกิน พบว่า
- การทำอาหารนั้น เป็นการทำเหมือน ตอนปลายปี 54 ที่ให้กินฟรีเป็นรอบ ถ้าใครไม่เคยไปกินตอนนั้น จะเล่าให้ฟังดังนี้
1. ในโซนที่เราต้องใช้ตัวหนีบ เลือกอาหารไปให้พ่อครัวทำให้สุกนั้น ปกติจะมีหลากหลายมาก เช่น สเต็กหมู สเต็กเนื้อ หมู ไก่ ปลาซาบะ
หลากหลายชนิด แต่ตอนนี้ เค้าจะทำสุกมาให้ตัก ซึ่งมีถาดวางประมาณ 5 ถาดใหญ่ๆ เท่านั้น ดังนั้น อาหารจะเป็นลักษณะวน
คือมีวางเต็ม 5 ถาดก็จริง แต่ถ้ามีถาดใด ถาดหนึ่งหมด ของที่มาเติมจะเปลี่ยนไป
2. โซนใกล้ๆกันที่เป็น แครอท ข้าวโพดอ่อน กระเทียม เห็นเข็มทอง เห็ดออรินจิ เห็ดฟาง ก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน
มีถาดวางประมาณ 4 ถาด ผมเดินรอบแรก ไม่มีเห็ดเลย พอกลับมาเดินรอบ 2 ก็มีนำเห็ดเข็มทองที่ผัดให้สุกแล้วขึ้นมา และเห็ดออรินจิย่าง
ระยะเวลาที่ผมกินทั้ง 1 ชม. 45 นาที ผมไม่เจอ ข้าวโพดอ่อน ไม่เจอ กระเทียม ไม่เจอ เห็ดฟาง เลย
3. โซนที่เป็นพวก บล็อคโคลี่ ผักกาดแก้ว ยังคงใช้ตัวหนีบเหมือนเดิม
4. ข้างๆที่จะมีเมนู ที่เราต้องเอาตัวหนีบไปวาง เช่น ราดหน้าปลาเต้าซี่ ปลาดอลี่นิ่งมะนาว เป็นต้น ก็หายไปคงเหลือเพียง ราดหน้า
ส่วนปลาดอลี่นิ่งมะนาว ไปรวมอยู่กับถาดในข้อ 2
5. โซนปลาดิบ ข้าวปั้น ผมคิดว่ามีครบทุกอย่าง ไม่ขาด
6. ไอศครีม เครื่องงดใช้
7. โซนอาหารปรุงสำเร็จ มีมาเติมตลอด ไม่ขาดสาย
สรุป ผมคิดว่างานนี้ โออิชิ มีกำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน คนทั่วไปอาจสังเกตว่า อาหารมีเต็ม และมาเติมตลอด
แต่ คนทั่วไป ไม่เคยสังเกตว่า อาหารที่เคยมีให้ตัก ให้คีบ ก่อนไปให้พ่อครัวปรุง บางอย่างหายไป
และสิ่งที่หายไป ก็เป็นสิ่งที่ถึงแม้ว่า ราคาวัตถุไม่สูง แต่โออิชิ ก็เลือกที่จะให้สิ่งเหล่านั้นหายไป เปรียบเสมือนการลดต้นทุน
อย่างน้อย ก็ขอให้คงเมนูที่คนทั่วไปนิยมทาน เช่น ปลาดิบ
จากการวิเคราะห์จากสาขานี้ ในครั้งนี้
เดิม ลูกค้าไม่เคยเต็มร้านในวันธรรมดา แต่วันนี้ลูกค้าเต็มร้านทั้งวัน
โออิชิ บุฟเฟต์ น่าจะขายได้ 6 รอบ คือ 10.30-12.15 , 12.15-14.00 , 14.00-15.45 , 15.45-17.30 , 17.30-19.15 , 19.15-21.00
ทั้งนี้ ยังไม่นับคนที่ใช้บริการไม่เต็มรอบ นั่นหมายความว่า โต๊ะนั้น อาจใช้บริการได้ถึง 7 รอบ
ดังนั้น คนเข้ามาใช้บริการ น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 เท่า ผมประมาณที่ 3.5 เท่า
สมมติ เดิม 1 วัน มี 100 คน รายรับ 100 x 529 = 52,900
ช่วงโปรโมชั่น 1 วัน มี 350 คน รายรับ 350 x 265 = 92,750
นั่นแสดงว่า รายรับ เพิ่มขึ้น 39,850 บาท โดยประมาณ
ลองมาวิเคราะห์รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น น่าจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเฉพาะค่าอาหาร
เดิม 1 วัน รายรับ 52,900 คิดรายจ่ายค่าอาหาร น่าจะอยู๋ประมาณ 30% จากราคาเต็ม ไม่น่าจะเกินนี้ รายจ่ายอาหาร 15,870 บาท
ช่วงโปรโมชั่น 1 วัน รายรับ 92,750 คิดรายจ่ายค่าอาหาร น่าจะอยู๋ประมาณ 30% จากราคาเต็ม ไม่น่าจะเกินนี้ รายจ่ายอาหาร 55,545 บาท
ผลสรุป นำรายได้ - รายจ่ายเฉพาะค่าอาหาร
เดิม 1 วัน 52,900 - 15,870 = 37,030
ช่วงโปรโมชั่น 1 วัน 92,750 - 55,545 = 37,205
จะเห็นได้ว่า โออิชิ ไม่ได้ขาดทุนเลย
แถมยังได้ การโฆษณาเพิ่มขึ้น ตรงที่ มีฟรีทีวีบางช่อง นำข่าวไปออกว่ามีคนมาใช้บริหารเยอะ
เมื่อประชาชนที่รับชมรายการข่าว ก็เกิดอยากไปลองใช้บริการดูบ้าง
มีการพูดต่อๆกันในโลกออนไลน์ ที่ไม่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนเลย
ส่วนการโฆษณาในทีวี ผมเองมองว่า เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นปกติอยู่แล้ว
บริษัท โออิชิ คงจะมีการตั้งงบประมาณโฆษณาใน 1 ปี ไว้อยู่แล้ว
ผลสรุป โปรโมชั่นนี้ เป็นการดึงกลุ่มคนที่ไม่เคยมาทานโออิชิ ให้มาทานโออิชิ แล้วหวังว่าภายภาคหน้า เค้าจะกลับมาใหม่
ถ้าเค้ากลับมา โออิชิ ได้ผลประโยชน์เต็ม
ถ้าเค้าไม่กลับมา โออิชิ ก็ไม่เสียหายอะไร
ส่วนฐานลูกค้าเดิม คงไม่ได้หดหายไปไหน ลูกค้าเดิมคงเลี่ยงที่จะไปใช้บริการในช่วง 7 วันนี้
แต่ผมก็มั่นใจว่า ยังมีฐานลูกค้าเดิม บางราย ต้องการลองของ ไปเป็นผู้พิชิต แคมเปญนี้ให้ได้