เพิ่งไปเที่ยวที่สวิสกลับมาครับ มิกล้ามารีวิวอะไรมากมาย เพราะว่าถ่ายรูปจากไอโฟนอย่างเดียว ที่สำคัญรูปสวยๆและข้อมูลแน่นๆ หาได้มากมายจากในห้องบลูนี้อยู่แล้ว แต่ว่ามีบัตรเติมเงินที่ซื้อแล้วไม่ได้ใช้ มาแจกแทนครับ ถือว่าเอามาแบ่งปันเพื่อนๆใน pantip นี้ เพื่อเป็นการขอบคุณที่ให้สูบข้อมูลมาตลอดๆ
... จริงๆแล้วจะบอกว่า ไม่ได้ใช้ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ต้องเรียกว่าซื้อแล้ว ใช้ไม่ได้ มากกว่า
จขกท. ลงเครื่องที่ Zurich ปุ๊บ ก็ตรงไปที่ร้าน Swisscom ทันที ปรากฎว่าซิมการ์ดแบบเติมเงินหมดเกลี้ยง เลยเดินไปร้าน sunrise ที่อยู่ใกล้ๆ คนขายถามว่าเน้นอะไร เราก็ตอบไปเลยว่าเน้นใช้ data internet ก็จัดมาให้ 1 ซิม จ่ายไป 20 ฟรังก์สวิส โดยหารู้ไม่ว่า เป็นซิมการ์ด ยี่ห้อง yallo !! เยี่ยมละสิ พออยู่ไปได้ 5-6 วัน เครดิตหมด เนื่องจากใช้งานเยอะ ทั้งเช็คการเดินทาง และเช็คเมล์ของที่ทำงานตลอด เดินเข้าร้าน kiosk บอกอย่างมั่นใจ sunrise prepaid 20 CHF ที่ร้านให้ voucher 10 CHF มา 2 ใบ ก่อนจะขึ้นรถไฟสาย golden pass จาก Lucerne ไป Interlaken ... ปรากฎว่า เติมเงินเท่าไหร่ก็ไม่ได้ ระบบไม่รับ เรียกว่าวุ่นวาย บวกงง และหงุดหงิด จนพลาดวิวสวยๆระหว่างการเดินทางไปหลายช็อต
พอมาถึง Interlaken เข้าไปถามที่ shop sunrise ว่าทำไมถึงเติมเงินไม่ได้ เช็คไปเช็คมา อ้าวซิมคนละยี่ห้อ มันจะเติมได้ยังไงละท่าน !! เราก็ยังเถียงว่า เป็นอีกยี่ห้อแต่เจ้าของเดียวกัน ก็เราซื้อมาจาก shop sunrise นะ (เข้าใจว่าเหมือน AIS กับ 1-2-call) จะเปลี่ยนหรือว่าทำอะไรได้บ้างมั๊ย ณ ตอนนั้น รู้สึกว่าพลาดและโง่มาก กับ 20 CHF ที่เสียไป สรุปคือใช้ไม่ได้ครับ เค้าทำอะไรให้ไม่ได้ เลยต้องซื้อบัตรเติมเงินใหม่ของ Yallo ไปโดยปริยาย
*** ดังนั้นถ้าสำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวสวิส และโอเคที่จะซื้อซิมของ sunrise ใช้ ส่งหลังไมค์มาได้เลยครับ ผมมี voucher 10CHF อยู่ 2 ใบ ขอมอบให้ 2 คนแรกที่แจ้งเข้ามานะครับ ***
ทิ้งท้ายกระทู้ ด้วย 10 ข้อที่เจอกับตัวเองจากการไปเที่ยวสวิสมา 10 คืนครับ อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับคนอื่นบ้าง เพราะเป็นประสบการ์ณที่เพิ่งไปมาช่วงต้นเดือน แต่ถือว่าเอามาแบ่งเป็นข้อมูลนะครับ
1. คนในประเทศสวิสไม่ว่าเมืองไหน สูบบุหรี่จัดมาก ที่สำคัญบุหรี่เหม็นมากๆ เหม็นจนปวดหัว สูบทุกที่ ทุกเวลา บางที่ภายในอาคารยังอนุญาตให้สูบได้ ยังไงก็เตรียมใจเผื่อไว้นิดนึง
2. ถ้าคิดจะซื้อน้ำดื่มในซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆอย่าง coop หรือ migros และอยากประหยัดโดยการมองหายี่ห้อที่ราคาถูกกว่า2 CHF ไม่ต้องซื้อ กินน้ำก็อกเลย เพราะรสชาติไม่ต่างกัน
3. คนที่นี่เรียกโรงแรม ibis ว่า "อิบิส" ตอนขึ้น hotel shuttle ครั้งแรก ถามเค้าว่า รถจาก “ไอบิส” ใช่มั๊ย เจ้าหน้าที่ตอบ no no อิบิส อิบิส โอเค อิบิสก็ได้พี่
4. อย่าลังเลที่จะเสียเงินให้กับค่าการใช้งาน internet ไม่ว่าจะ roaming, pocket wifi หรือซื้อซิมของที่สวิส (น่าจะประหยัดที่สุด ถ้ามาไม่เกิน2คน)
5. การมีแอพ SBB ที่เป็นแอพตารางการเดินทางของสวิส ทั้งรถไฟ รถเมล์ และเรือ ติดมือถือของคุณไว้ จะช่วยคุณได้เยอะกว่าการไปสอบถามเส้นทางที่ information center โดยเฉพาะ ฝั่ง Lausanne , Montreux และ Vevey นอกซะจากคุณจะพูดฝรั่งเศสได้
6. แอพ google map ใช้งานได้ดีกว่า แอพ map ของ iOS ที่ติดมากับไอโฟน
7. แอพ MeteoSwiss เป็นแอพพยากรณ์อากาศที่เชื่อถือได้มากกว่าแอพที่ติดมากับเครื่องไอโฟน
8. มีด Victorinox ของดีประจำสวิส ที่คนมักซื้อเป็นของฝาก ราคาเปิดขายเท่ากันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะซื้อที่ไหน ทั้งในเมือง หรือบนยอดเขา Matterhorn ต่างกันแค่ว่า บางร้านจะรับสลักชื่อให้ฟรี บ้างร้านไม่มีสลัก ยกเว้นร้านคนไทย(ที่จะบอกในข้อต่อไป) ลดให้ 10% หรือ อย่างผมเองไปซื้ออีกที่ตรง interlaken เจอคนขายเป็นสวิส แต่ชอบเมืองไทย พูดไทยได้ ลดให้ 8% ซะงั้น แต่โดยมาก ขายเท่ากันทั้งหมด
9. ร้านขายของฝากที่คนไทยเป็นเจ้าของ ชื่อร้าน อารีย์ ที่เมือง Lucerne นอกจากมีด Victorinox ที่ขายเท่าร้านอื่นแล้ว อย่างอื่นเปิดราคาขายแพงกว่าหมด แต่จะบอกว่าถ้าคนไทยซื้อ ไม่ว่าจะซื้อยอดเท่าไหร่จะลดให้ 10% (ปกติต้องซื้อครบ300สวิสฟรังก์) ยกตัวอย่าง ปากกา ที่ทำเลียนแบบ Swarovski แปะธงชาติ และพิมพ์คำว่า Switzerland ใส่กล่องใส ขายราคา 9.90 CHF แต่ร้านขายของที่ระลึกบนยอดเขา Matterhorn ที่นั่งรถรางขึ้นไปเกือบ4กม. ขาย 7.30 CHF หรือพวงกุญแจที่ขาย 8.90 CHF แต่ร้านบน Matterhorn ขาย 7.50 CHF ซึ่งถึงจะลด10% ก็ยังแพงกว่าที่อื่น
10. ถึงแม้สวิตเซอร์แลนด์จะเป็นประเทศที่มีโรงเรียนที่สอนด้านการโรงแรมเป็นอันดับ1ของโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พนักงานจะมี service mind ที่น่าประทับใจแต่อย่างใด (เบสจากการพักที่ ibis เครือ Accor ที่เป็น chain โรงแรมขนาดใหญ่ของโลก ถ้าเทียบกันแล้ว พักโรงแรม3ดาวที่ญี่ปุ่น ดูเหมือนจะได้รับการใส่ใจที่มากกว่า) แต่ไม่แน่ว่า หากพักโรงแรมที่ราคาสูงกว่านี้อาจจะดีก็เป็นได้ (แต่ถ้าพัก 5ดาว ไม่ว่าที่ไหน ก็น่าจะบริการดีอยู่แล้วนะ)
แจกบัตรเติมเงินโทรศัพท์ในสวิส และ 10 ข้อที่ได้รู้เมื่อมาเที่ยวสวิสเป็นเวลา10คืน
จขกท. ลงเครื่องที่ Zurich ปุ๊บ ก็ตรงไปที่ร้าน Swisscom ทันที ปรากฎว่าซิมการ์ดแบบเติมเงินหมดเกลี้ยง เลยเดินไปร้าน sunrise ที่อยู่ใกล้ๆ คนขายถามว่าเน้นอะไร เราก็ตอบไปเลยว่าเน้นใช้ data internet ก็จัดมาให้ 1 ซิม จ่ายไป 20 ฟรังก์สวิส โดยหารู้ไม่ว่า เป็นซิมการ์ด ยี่ห้อง yallo !! เยี่ยมละสิ พออยู่ไปได้ 5-6 วัน เครดิตหมด เนื่องจากใช้งานเยอะ ทั้งเช็คการเดินทาง และเช็คเมล์ของที่ทำงานตลอด เดินเข้าร้าน kiosk บอกอย่างมั่นใจ sunrise prepaid 20 CHF ที่ร้านให้ voucher 10 CHF มา 2 ใบ ก่อนจะขึ้นรถไฟสาย golden pass จาก Lucerne ไป Interlaken ... ปรากฎว่า เติมเงินเท่าไหร่ก็ไม่ได้ ระบบไม่รับ เรียกว่าวุ่นวาย บวกงง และหงุดหงิด จนพลาดวิวสวยๆระหว่างการเดินทางไปหลายช็อต
พอมาถึง Interlaken เข้าไปถามที่ shop sunrise ว่าทำไมถึงเติมเงินไม่ได้ เช็คไปเช็คมา อ้าวซิมคนละยี่ห้อ มันจะเติมได้ยังไงละท่าน !! เราก็ยังเถียงว่า เป็นอีกยี่ห้อแต่เจ้าของเดียวกัน ก็เราซื้อมาจาก shop sunrise นะ (เข้าใจว่าเหมือน AIS กับ 1-2-call) จะเปลี่ยนหรือว่าทำอะไรได้บ้างมั๊ย ณ ตอนนั้น รู้สึกว่าพลาดและโง่มาก กับ 20 CHF ที่เสียไป สรุปคือใช้ไม่ได้ครับ เค้าทำอะไรให้ไม่ได้ เลยต้องซื้อบัตรเติมเงินใหม่ของ Yallo ไปโดยปริยาย
*** ดังนั้นถ้าสำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวสวิส และโอเคที่จะซื้อซิมของ sunrise ใช้ ส่งหลังไมค์มาได้เลยครับ ผมมี voucher 10CHF อยู่ 2 ใบ ขอมอบให้ 2 คนแรกที่แจ้งเข้ามานะครับ ***
ทิ้งท้ายกระทู้ ด้วย 10 ข้อที่เจอกับตัวเองจากการไปเที่ยวสวิสมา 10 คืนครับ อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับคนอื่นบ้าง เพราะเป็นประสบการ์ณที่เพิ่งไปมาช่วงต้นเดือน แต่ถือว่าเอามาแบ่งเป็นข้อมูลนะครับ
1. คนในประเทศสวิสไม่ว่าเมืองไหน สูบบุหรี่จัดมาก ที่สำคัญบุหรี่เหม็นมากๆ เหม็นจนปวดหัว สูบทุกที่ ทุกเวลา บางที่ภายในอาคารยังอนุญาตให้สูบได้ ยังไงก็เตรียมใจเผื่อไว้นิดนึง
2. ถ้าคิดจะซื้อน้ำดื่มในซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆอย่าง coop หรือ migros และอยากประหยัดโดยการมองหายี่ห้อที่ราคาถูกกว่า2 CHF ไม่ต้องซื้อ กินน้ำก็อกเลย เพราะรสชาติไม่ต่างกัน
3. คนที่นี่เรียกโรงแรม ibis ว่า "อิบิส" ตอนขึ้น hotel shuttle ครั้งแรก ถามเค้าว่า รถจาก “ไอบิส” ใช่มั๊ย เจ้าหน้าที่ตอบ no no อิบิส อิบิส โอเค อิบิสก็ได้พี่
4. อย่าลังเลที่จะเสียเงินให้กับค่าการใช้งาน internet ไม่ว่าจะ roaming, pocket wifi หรือซื้อซิมของที่สวิส (น่าจะประหยัดที่สุด ถ้ามาไม่เกิน2คน)
5. การมีแอพ SBB ที่เป็นแอพตารางการเดินทางของสวิส ทั้งรถไฟ รถเมล์ และเรือ ติดมือถือของคุณไว้ จะช่วยคุณได้เยอะกว่าการไปสอบถามเส้นทางที่ information center โดยเฉพาะ ฝั่ง Lausanne , Montreux และ Vevey นอกซะจากคุณจะพูดฝรั่งเศสได้
6. แอพ google map ใช้งานได้ดีกว่า แอพ map ของ iOS ที่ติดมากับไอโฟน
7. แอพ MeteoSwiss เป็นแอพพยากรณ์อากาศที่เชื่อถือได้มากกว่าแอพที่ติดมากับเครื่องไอโฟน
8. มีด Victorinox ของดีประจำสวิส ที่คนมักซื้อเป็นของฝาก ราคาเปิดขายเท่ากันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะซื้อที่ไหน ทั้งในเมือง หรือบนยอดเขา Matterhorn ต่างกันแค่ว่า บางร้านจะรับสลักชื่อให้ฟรี บ้างร้านไม่มีสลัก ยกเว้นร้านคนไทย(ที่จะบอกในข้อต่อไป) ลดให้ 10% หรือ อย่างผมเองไปซื้ออีกที่ตรง interlaken เจอคนขายเป็นสวิส แต่ชอบเมืองไทย พูดไทยได้ ลดให้ 8% ซะงั้น แต่โดยมาก ขายเท่ากันทั้งหมด
9. ร้านขายของฝากที่คนไทยเป็นเจ้าของ ชื่อร้าน อารีย์ ที่เมือง Lucerne นอกจากมีด Victorinox ที่ขายเท่าร้านอื่นแล้ว อย่างอื่นเปิดราคาขายแพงกว่าหมด แต่จะบอกว่าถ้าคนไทยซื้อ ไม่ว่าจะซื้อยอดเท่าไหร่จะลดให้ 10% (ปกติต้องซื้อครบ300สวิสฟรังก์) ยกตัวอย่าง ปากกา ที่ทำเลียนแบบ Swarovski แปะธงชาติ และพิมพ์คำว่า Switzerland ใส่กล่องใส ขายราคา 9.90 CHF แต่ร้านขายของที่ระลึกบนยอดเขา Matterhorn ที่นั่งรถรางขึ้นไปเกือบ4กม. ขาย 7.30 CHF หรือพวงกุญแจที่ขาย 8.90 CHF แต่ร้านบน Matterhorn ขาย 7.50 CHF ซึ่งถึงจะลด10% ก็ยังแพงกว่าที่อื่น
10. ถึงแม้สวิตเซอร์แลนด์จะเป็นประเทศที่มีโรงเรียนที่สอนด้านการโรงแรมเป็นอันดับ1ของโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พนักงานจะมี service mind ที่น่าประทับใจแต่อย่างใด (เบสจากการพักที่ ibis เครือ Accor ที่เป็น chain โรงแรมขนาดใหญ่ของโลก ถ้าเทียบกันแล้ว พักโรงแรม3ดาวที่ญี่ปุ่น ดูเหมือนจะได้รับการใส่ใจที่มากกว่า) แต่ไม่แน่ว่า หากพักโรงแรมที่ราคาสูงกว่านี้อาจจะดีก็เป็นได้ (แต่ถ้าพัก 5ดาว ไม่ว่าที่ไหน ก็น่าจะบริการดีอยู่แล้วนะ)