สวัสดีคร้าบบบบบ....มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน เจอกันอีกแล้วหลังจากที่ผมได้ตั้งกระทู้พาเที่ยวงาน Singapore Airshow 2012 (
http://topicstock.ppantip.com/wahkor/topicstock/2012/02/X11737408/X11737408.html)ไปเมื่อสองปีก่อน (ดู๊...ดูมัน หายหัวไปเป็นชาติ ยังมีหน้ามาทักชาวบ้านเหมือนตั้งกระทู้ทุกอาทิตย์ 555)
เนื่องจากเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้ควบเจ้าปุ๊กลุ๊ก (ชื่อแมงกะไซค์ของผมเอง ^^ ) ไปเซย์ฮัลโหลกับพี่ๆก๊วนมอเตอร์ไซค์ที่รู้จักกันแถวๆม.กรุงเทพ รังสิต ก่อนที่พี่ๆเค้าจะขี่รถกันไปต่อเพื่อไปทำบุญที่สิงห์บุรี ส่วนตัวผมหลังจากแยกกับพี่ๆเค้าแล้วเห็นว่ายังเช้าอยู่เพิ่งจะแปดโมงนิดๆเอง ขาขี่กลับกลับจึงตัดสินใจแวะไปชมสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งบรรดาคนบ้าเครื่องบินอย่างผมมองว่ามันเป็นสถานที่ที่มีมนต์สเน่ห์ และน่าไปเยี่ยมเยือนอย่างมาก (พูดง่ายๆ คนชอบเครื่องบินอย่างผมไปแล้วโคตรฟิน)
แต่น่าเสียดายที่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ในกรุงเทพด้วย นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ของกองทัพอากาศไทยของเรานั่นเองครับ และในเมื่อไหนๆก็ได้มาแล้วเพื่อไม่ให้เสียเที่ยวจึงถ่ายรูปเอามาแนะนำเพื่อนๆต่ออีกทีครับ (บอกก่อนเลยครับ กระทู้นี้ไม่มีภาพสวยๆเทพๆให้ดูครับ มีแต่ภาพเห่ยๆจากฝีมือกากๆของจขกท. ที่ถ่ายจากไอโฟนสภาพใกล้จะลงโลงอยู่รอมร่อ 555)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาออกประมาณกิโลเมตรที่ 24 ใกล้ๆกับโรงเรียนนายเรืออากาศครับ ถ้ายังนึกไม่ออกว่ามันอยู่ตรงไหนของกรุงเทพ ให้นึกถึงสนามบินดอนเมืองไว้ครับ อยู่ตรงสนามบินดอนเมืองเลยแต่เป็นฝั่งถนนพหลโยธิน (อาคารผู้โดยสารของสนามบินดอนเมืองอยู่บนถนนวิภาวดีซึ่งเป็นคนละฝั่งกัน) สามารถขับรถมาจอดในพิพิธภัณฑ์ได้เลยครับมีที่จอดรถให้ แถมไม่ต้องกลัวเต็มด้วยเพราะคนไม่เยอะ หรือหากจะเดินทางมาโดยรถประจำทางก็มีสายรถที่ผ่านดังต่อไปนี้ครับ
รถธรรมดา : สาย 34,39,114,185,356
รถปรับอากาศ : สาย 34,39,114,356,503,520,522, 543(อู่บางเขน-ลำลูกกาคลอง7)
รถสวัสดิการทหารอากาศ : วิ่งวนเป็นวงกลมระหว่างฝั่งดอนเมืองและสะพานใหม่
รถตู้ : - รังสิต-สะพานใหม่-มีนบุรี
- รังสิต-สะพานใหม่-BTSหมอชิต-อนุสาวรีย์
- รังสิต-สะพานใหม่-มาบุญครอง-ท่าน้ำสี่พระยา
- รังสิต-สะพานใหม่-รามอินทรา-บางกะปิ-ม.ราม1
- รังสิต-สะพานใหม่-โชคชัย4-บางกะปิ-ม.ราม1
*ขอบคุณข้อมูลสายรถจากคุณสายไหมนุ่มนิ่มครับ*
อันนี้เป็นแผนที่ที่อยู่ในเว็บของพิพิธภัณฑ์ครับ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ครับ โดยสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 08.00 ไปจนถึง 16.00 น.โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้แบ่งการจัดแสดงอากาศยานออกเป็นหลายอาคาร รวมทั้งมีการจัดแสดงในพื้นที่กลางแจ้งด้วย ซึ่งอาคารที่อยู่หน้าสุดคืออาคาร 1 จะนำเสนอประวัติศาสตร์การบินของกองทัพอากาศไทย รวมถึงจัดแสดงเครื่องบินรบสำคัญๆของกองทัพอากาศด้วย อาคาร แห่งนี้ เพิ่งได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่ไปเมื่อหลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 นี่เองครับ ซึ่งเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ก็ถือว่าปรับปรุงไปเยอะเหมือนกัน จากเมื่อก่อน เป็นอาคาร Open air ตอนนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเป็นอาคารติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการจัดแสดงอากาศยานรวมทั้งบอร์ดนำเสนอข้อมูลต่างๆใหม่ ซึ่งผมถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว
สิ่งแรกที่จะเจอเมื่อเข้ามาในอาคาร 1 ก็คือ F-5 สีเงินลำนี้ที่คอยต้อนรับอยู่ พร้อมกับมีบอร์ดแสดงตำแหน่งของกองบินต่างๆของ ทอ.และภาพวาดเครื่องบินรบประเภทต่างๆของไทยตั้ง อยู่ข้างๆ
เมื่อถ่ายรูปกับปู่ F-5 ข้างหน้าเสร็จแล้วเลี้ยวซ้ายมาเลยครับ เพื่อเข้าสู่ห้องนิทรรศการ
เมื่อเข้ามาจะพบกับบอร์ดนำเสนอประวัติศาสตร์การบินของประเทศไทย และบอร์ดแสดงอากาศยานประเภทต่างๆของไทย ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน เสียดายวันที่ผมไปห้องนี้มืดมาก ไม่รู้ว่าไฟที่ส่องบอร์ดเสีย หรือว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดครับ ถ่ายรูปออกมาชัดที่สุดได้แค่เนี้ย
ในห้องนี้ยังมีตู้แสดงโมเดลของอากาศยานบางแบบอยู่ด้วย รวมถึงบอร์ดแสดงภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่างๆโดยอากาศยานพระที่นั่ง
พระผู้มีคุณูปการด้านการบินของไทย
ทางเข้าห้องแสดงนิทรรศการห้องต่อไปครับ
เมื่อเข้ามาจะเจอกับเครื่องบินรูปร่างหน้าตาโบราณๆสองเครื่องนี้ คือเครื่อง Breguet III และเครื่อง Niueport IIN/IVG ซึ่งเครื่องบินสองแบบนี่แหละถือเป็นเครื่องบินสองแบบแรกในประวัติศาสตร์การบินของชาติไทย(สมัยนั้นยังใช้ชื่อสยาม)
เครื่องบิน Breguet III ปีกสองชั้น
เครื่องบิน Niueport IIN/IVG ปีกชั้นเดียว
เครื่องบินทั้งสองลำนี้ ผมไม่ทราบว่าเป็นเครื่องบินจำลองที่ทำขึ้นใหม่ หรือเป็นเครื่องจริงตั้งแต่สมัยนั้น ถ้าท่านใดทราบว่าเป็นเครื่องจริงหรือไม่ รบกวนบอกด้วยครับ
นอกจากนั้นในห้องนี้ยังมีบอร์ดข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลสำคัญ 3 ท่าน ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกการบินของเมืองไทย เพราะเป็นนายทหารสามคนแรกที่ได้รับคัดเลือกให้ไปเรียนการเป็นนักบินที่ประเทศฝรั่งเศส ประกอบไปด้วย
นายพันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ
นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร
นายร้อยโท ทิพย์ เกตุทัต
ซึ่งทั้งสามท่านถือได้ว่าเป็นบุพการีทหารอากาศเลย
ชุดเครื่องแบบนักบินในยุคแรกๆของบ้านเรา
ผ่านจากห้องนี้แล้ว เมื่อเดินต่อจะพบกับบอร์ดนิทรรศการเกี่ยวกับการซ่อมบำรุง และการออกแบบและการสร้างเครื่องบินรบใช้เอง ใช่ครับ ประเทศไทยของเรานี่แหละเคยออกแบบและผลิตเครื่องบินรบไว้ใช้เองถึงสองรุ่น ซึ่งทั้งสองแบบนั้นก็คือเครื่องบินขับไล่”ประชาธิปก” และเครื่องบินทิ้งระเบิด “บริพัตร”
เครื่องบินทิ้งระเบิด บริพัตร ซึ่งออกแบบโดย นายพันโท หลวงเวชยันต์รังสฤษฏ์
เครื่องบินขับไล่ประชาธิปก ซึ่งออกแบบโดย นายพันโท หลวงเนรมิตไพชยนต์
ภาพการซ่อมสร้างเครื่องบินของช่างอากาศไทยสมัยก่อน
ใบพัดสำหรับทดสอบเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงซ่อมอากาศยานสมัยก่อน
ห้องถัดไป จะเป็นห้องที่จัดแสดงเครื่องบินรบสองลำ ที่ต่างก็เป็นเครื่องบินที่ถือว่าเป็นลำสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโลกครับ คือ “คอร์แซร์” และ “ฮอว์ค 3” (เครื่องบินทั้งสองรุ่นนี้เคยถูกใช้เป็นคำถามสุดยอดแฟนพันธ์แท้ ในรายการแฟนพันธ์แท้ตอนเครื่องบินรบด้วยนะครับ)
เครื่องบินโจมตีแบบที่ 1 (บ.จ. 1) Vought V-93S/SA Corsair
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 10 (บ.ข. 10) Curtiss Hawk III
นอกจากนี้ ภายในห้องนี้ก็ยังมีการจัดแสดงอาวุธประจำอากาศยาน ทั้งปืนกลอากาศขนาด 20ม.ม. ลูกระเบิดสำหรับทิ้งจากเครื่องบินสมัยก่อน รวมทั้งอาวุธปืนเล็กยาวประจำกายของทหารอากาศในสมัยก่อน แถมท้ายด้วยซากชิ้นส่วนของเครื่องบินรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ถูกยิงตกในประเทศไทยด้วยครับ
ปืนกลอากาศ 20 ม.ม.
ลูกระเบิดต่างๆในสมัยก่อน
ซากชิ้นส่วนเครื่องบินรบในสมัยก่อน
เมื่อเดินต่อมาที่ห้องถัดมา จะพบกับเครื่องบินอีกสองลำซึ่งครับ ลำแรกคือเจ้าแบร์แคท ซึ่งถือเป็นเครื่องบินขับไล่ใบพัด รุ่นสุดท้ายของกองทัพอากาศไทย ส่วนอีกลำคือที-เบิร์ด ซึ่งเป็นเครื่องบินไอพ่นรุ่นแรกของกองทัพอากาศไทย
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 15(บ.ข.15) Grumman F8F-1/1B Bearcat เครื่องบินขับไล่ใบพัดแบบสุดท้ายของไทย
เครื่องบินฝึกแบบที่ 11 (บ.ฝ.11) Lockheed T-33A T-Bird เครื่องบินไอพ่นรุ่นแรกของกองทัพอากาศไทย
เมื่อเดินถัดมาอีกหน่อยจะพบกับเครื่องบินรุ่นที่คุณชายรณพีร์ จุฑาเทพขับครับ นั่นก็คือ F-86F Sabre นั่นเอง
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 17 (บ.ข.17) North American F-86F Sabre
หมดจากโซนนิทรรศการฝั่งนี้แล้ว เราจะเดินต่อไปยังห้องนิทรรศการที่อยู่อีกฝั่งนึงของอาคารเดียวกันนี่แหละครับ ในห้องนี้ จะเป็นห้องที่จัดแสดงเครื่องบินขับไล่ไอพ่นสมรรถนะสูงของกองทัพอากาศไทยครับ
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 (บ.ข.18) Northrop F-5A Freedom Fighter
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ก. (บ.ข.18ก.) Northrop F-5B Freedom Fighter
ซึ่ง F-5 ทั้งรุ่น A และรุ่น B กองทัพอากาศไทยได้ทำการปลดประจำการไปเรียบร้อยแล้วครับ เหลือที่ยังใช้อยู่ก็คือ F-5E/F Tiger II ครับ
F-5AและF-5B ที่ตั้งแสดงอยู่ที่นี่ ทางกองทัพอากาศติดป้ายว่าเป็น F-5 A และ F-5B เครื่องแรกของโลกครับ ซึ่งผมเองก็แอบแปลกใจเเพราะก่อนหน้านี้เคยทราบแค่ว่า F-5B ลำแรกของสายการผลิตอยู่ที่เรา แต่เพิ่งรู้วันนี้แหละว่า F-5A ลำแรกก็อยู่ที่เราด้วย
อาวุธที่ติดตั้งกับ F-5
กระทู้พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ดอนเมืองคร้าบบบบบบบบ
เนื่องจากเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้ควบเจ้าปุ๊กลุ๊ก (ชื่อแมงกะไซค์ของผมเอง ^^ ) ไปเซย์ฮัลโหลกับพี่ๆก๊วนมอเตอร์ไซค์ที่รู้จักกันแถวๆม.กรุงเทพ รังสิต ก่อนที่พี่ๆเค้าจะขี่รถกันไปต่อเพื่อไปทำบุญที่สิงห์บุรี ส่วนตัวผมหลังจากแยกกับพี่ๆเค้าแล้วเห็นว่ายังเช้าอยู่เพิ่งจะแปดโมงนิดๆเอง ขาขี่กลับกลับจึงตัดสินใจแวะไปชมสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งบรรดาคนบ้าเครื่องบินอย่างผมมองว่ามันเป็นสถานที่ที่มีมนต์สเน่ห์ และน่าไปเยี่ยมเยือนอย่างมาก (พูดง่ายๆ คนชอบเครื่องบินอย่างผมไปแล้วโคตรฟิน)
แต่น่าเสียดายที่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ในกรุงเทพด้วย นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ของกองทัพอากาศไทยของเรานั่นเองครับ และในเมื่อไหนๆก็ได้มาแล้วเพื่อไม่ให้เสียเที่ยวจึงถ่ายรูปเอามาแนะนำเพื่อนๆต่ออีกทีครับ (บอกก่อนเลยครับ กระทู้นี้ไม่มีภาพสวยๆเทพๆให้ดูครับ มีแต่ภาพเห่ยๆจากฝีมือกากๆของจขกท. ที่ถ่ายจากไอโฟนสภาพใกล้จะลงโลงอยู่รอมร่อ 555)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาออกประมาณกิโลเมตรที่ 24 ใกล้ๆกับโรงเรียนนายเรืออากาศครับ ถ้ายังนึกไม่ออกว่ามันอยู่ตรงไหนของกรุงเทพ ให้นึกถึงสนามบินดอนเมืองไว้ครับ อยู่ตรงสนามบินดอนเมืองเลยแต่เป็นฝั่งถนนพหลโยธิน (อาคารผู้โดยสารของสนามบินดอนเมืองอยู่บนถนนวิภาวดีซึ่งเป็นคนละฝั่งกัน) สามารถขับรถมาจอดในพิพิธภัณฑ์ได้เลยครับมีที่จอดรถให้ แถมไม่ต้องกลัวเต็มด้วยเพราะคนไม่เยอะ หรือหากจะเดินทางมาโดยรถประจำทางก็มีสายรถที่ผ่านดังต่อไปนี้ครับ
รถธรรมดา : สาย 34,39,114,185,356
รถปรับอากาศ : สาย 34,39,114,356,503,520,522, 543(อู่บางเขน-ลำลูกกาคลอง7)
รถสวัสดิการทหารอากาศ : วิ่งวนเป็นวงกลมระหว่างฝั่งดอนเมืองและสะพานใหม่
รถตู้ : - รังสิต-สะพานใหม่-มีนบุรี
- รังสิต-สะพานใหม่-BTSหมอชิต-อนุสาวรีย์
- รังสิต-สะพานใหม่-มาบุญครอง-ท่าน้ำสี่พระยา
- รังสิต-สะพานใหม่-รามอินทรา-บางกะปิ-ม.ราม1
- รังสิต-สะพานใหม่-โชคชัย4-บางกะปิ-ม.ราม1
*ขอบคุณข้อมูลสายรถจากคุณสายไหมนุ่มนิ่มครับ*
อันนี้เป็นแผนที่ที่อยู่ในเว็บของพิพิธภัณฑ์ครับ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ครับ โดยสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 08.00 ไปจนถึง 16.00 น.โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้แบ่งการจัดแสดงอากาศยานออกเป็นหลายอาคาร รวมทั้งมีการจัดแสดงในพื้นที่กลางแจ้งด้วย ซึ่งอาคารที่อยู่หน้าสุดคืออาคาร 1 จะนำเสนอประวัติศาสตร์การบินของกองทัพอากาศไทย รวมถึงจัดแสดงเครื่องบินรบสำคัญๆของกองทัพอากาศด้วย อาคาร แห่งนี้ เพิ่งได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่ไปเมื่อหลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 นี่เองครับ ซึ่งเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ก็ถือว่าปรับปรุงไปเยอะเหมือนกัน จากเมื่อก่อน เป็นอาคาร Open air ตอนนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเป็นอาคารติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการจัดแสดงอากาศยานรวมทั้งบอร์ดนำเสนอข้อมูลต่างๆใหม่ ซึ่งผมถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว
สิ่งแรกที่จะเจอเมื่อเข้ามาในอาคาร 1 ก็คือ F-5 สีเงินลำนี้ที่คอยต้อนรับอยู่ พร้อมกับมีบอร์ดแสดงตำแหน่งของกองบินต่างๆของ ทอ.และภาพวาดเครื่องบินรบประเภทต่างๆของไทยตั้ง อยู่ข้างๆ
เมื่อถ่ายรูปกับปู่ F-5 ข้างหน้าเสร็จแล้วเลี้ยวซ้ายมาเลยครับ เพื่อเข้าสู่ห้องนิทรรศการ
เมื่อเข้ามาจะพบกับบอร์ดนำเสนอประวัติศาสตร์การบินของประเทศไทย และบอร์ดแสดงอากาศยานประเภทต่างๆของไทย ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน เสียดายวันที่ผมไปห้องนี้มืดมาก ไม่รู้ว่าไฟที่ส่องบอร์ดเสีย หรือว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดครับ ถ่ายรูปออกมาชัดที่สุดได้แค่เนี้ย
ในห้องนี้ยังมีตู้แสดงโมเดลของอากาศยานบางแบบอยู่ด้วย รวมถึงบอร์ดแสดงภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่างๆโดยอากาศยานพระที่นั่ง
พระผู้มีคุณูปการด้านการบินของไทย
ทางเข้าห้องแสดงนิทรรศการห้องต่อไปครับ
เมื่อเข้ามาจะเจอกับเครื่องบินรูปร่างหน้าตาโบราณๆสองเครื่องนี้ คือเครื่อง Breguet III และเครื่อง Niueport IIN/IVG ซึ่งเครื่องบินสองแบบนี่แหละถือเป็นเครื่องบินสองแบบแรกในประวัติศาสตร์การบินของชาติไทย(สมัยนั้นยังใช้ชื่อสยาม)
เครื่องบิน Breguet III ปีกสองชั้น
เครื่องบิน Niueport IIN/IVG ปีกชั้นเดียว
เครื่องบินทั้งสองลำนี้ ผมไม่ทราบว่าเป็นเครื่องบินจำลองที่ทำขึ้นใหม่ หรือเป็นเครื่องจริงตั้งแต่สมัยนั้น ถ้าท่านใดทราบว่าเป็นเครื่องจริงหรือไม่ รบกวนบอกด้วยครับ
นอกจากนั้นในห้องนี้ยังมีบอร์ดข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลสำคัญ 3 ท่าน ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกการบินของเมืองไทย เพราะเป็นนายทหารสามคนแรกที่ได้รับคัดเลือกให้ไปเรียนการเป็นนักบินที่ประเทศฝรั่งเศส ประกอบไปด้วย
นายพันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ
นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร
นายร้อยโท ทิพย์ เกตุทัต
ซึ่งทั้งสามท่านถือได้ว่าเป็นบุพการีทหารอากาศเลย
ชุดเครื่องแบบนักบินในยุคแรกๆของบ้านเรา
ผ่านจากห้องนี้แล้ว เมื่อเดินต่อจะพบกับบอร์ดนิทรรศการเกี่ยวกับการซ่อมบำรุง และการออกแบบและการสร้างเครื่องบินรบใช้เอง ใช่ครับ ประเทศไทยของเรานี่แหละเคยออกแบบและผลิตเครื่องบินรบไว้ใช้เองถึงสองรุ่น ซึ่งทั้งสองแบบนั้นก็คือเครื่องบินขับไล่”ประชาธิปก” และเครื่องบินทิ้งระเบิด “บริพัตร”
เครื่องบินทิ้งระเบิด บริพัตร ซึ่งออกแบบโดย นายพันโท หลวงเวชยันต์รังสฤษฏ์
เครื่องบินขับไล่ประชาธิปก ซึ่งออกแบบโดย นายพันโท หลวงเนรมิตไพชยนต์
ภาพการซ่อมสร้างเครื่องบินของช่างอากาศไทยสมัยก่อน
ใบพัดสำหรับทดสอบเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงซ่อมอากาศยานสมัยก่อน
ห้องถัดไป จะเป็นห้องที่จัดแสดงเครื่องบินรบสองลำ ที่ต่างก็เป็นเครื่องบินที่ถือว่าเป็นลำสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโลกครับ คือ “คอร์แซร์” และ “ฮอว์ค 3” (เครื่องบินทั้งสองรุ่นนี้เคยถูกใช้เป็นคำถามสุดยอดแฟนพันธ์แท้ ในรายการแฟนพันธ์แท้ตอนเครื่องบินรบด้วยนะครับ)
เครื่องบินโจมตีแบบที่ 1 (บ.จ. 1) Vought V-93S/SA Corsair
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 10 (บ.ข. 10) Curtiss Hawk III
นอกจากนี้ ภายในห้องนี้ก็ยังมีการจัดแสดงอาวุธประจำอากาศยาน ทั้งปืนกลอากาศขนาด 20ม.ม. ลูกระเบิดสำหรับทิ้งจากเครื่องบินสมัยก่อน รวมทั้งอาวุธปืนเล็กยาวประจำกายของทหารอากาศในสมัยก่อน แถมท้ายด้วยซากชิ้นส่วนของเครื่องบินรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ถูกยิงตกในประเทศไทยด้วยครับ
ปืนกลอากาศ 20 ม.ม.
ลูกระเบิดต่างๆในสมัยก่อน
ซากชิ้นส่วนเครื่องบินรบในสมัยก่อน
เมื่อเดินต่อมาที่ห้องถัดมา จะพบกับเครื่องบินอีกสองลำซึ่งครับ ลำแรกคือเจ้าแบร์แคท ซึ่งถือเป็นเครื่องบินขับไล่ใบพัด รุ่นสุดท้ายของกองทัพอากาศไทย ส่วนอีกลำคือที-เบิร์ด ซึ่งเป็นเครื่องบินไอพ่นรุ่นแรกของกองทัพอากาศไทย
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 15(บ.ข.15) Grumman F8F-1/1B Bearcat เครื่องบินขับไล่ใบพัดแบบสุดท้ายของไทย
เครื่องบินฝึกแบบที่ 11 (บ.ฝ.11) Lockheed T-33A T-Bird เครื่องบินไอพ่นรุ่นแรกของกองทัพอากาศไทย
เมื่อเดินถัดมาอีกหน่อยจะพบกับเครื่องบินรุ่นที่คุณชายรณพีร์ จุฑาเทพขับครับ นั่นก็คือ F-86F Sabre นั่นเอง
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 17 (บ.ข.17) North American F-86F Sabre
หมดจากโซนนิทรรศการฝั่งนี้แล้ว เราจะเดินต่อไปยังห้องนิทรรศการที่อยู่อีกฝั่งนึงของอาคารเดียวกันนี่แหละครับ ในห้องนี้ จะเป็นห้องที่จัดแสดงเครื่องบินขับไล่ไอพ่นสมรรถนะสูงของกองทัพอากาศไทยครับ
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 (บ.ข.18) Northrop F-5A Freedom Fighter
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ก. (บ.ข.18ก.) Northrop F-5B Freedom Fighter
ซึ่ง F-5 ทั้งรุ่น A และรุ่น B กองทัพอากาศไทยได้ทำการปลดประจำการไปเรียบร้อยแล้วครับ เหลือที่ยังใช้อยู่ก็คือ F-5E/F Tiger II ครับ
F-5AและF-5B ที่ตั้งแสดงอยู่ที่นี่ ทางกองทัพอากาศติดป้ายว่าเป็น F-5 A และ F-5B เครื่องแรกของโลกครับ ซึ่งผมเองก็แอบแปลกใจเเพราะก่อนหน้านี้เคยทราบแค่ว่า F-5B ลำแรกของสายการผลิตอยู่ที่เรา แต่เพิ่งรู้วันนี้แหละว่า F-5A ลำแรกก็อยู่ที่เราด้วย
อาวุธที่ติดตั้งกับ F-5