ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องความรักโชกโชนอะไรหรอกนะคะ ในเรื่องของความรักนับว่าเรายังอ่อนหัด เพียงแต่ประสบการณ์ที่เราจะนำมาแชร์นี้ เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนความคิดอะไรหลายๆอย่างของเรา เราเลยอยากแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายคนที่กำลังตกอยู่ในภาวะของคนแอบชอบ แอบรัก
ตอนอยู่ปี4 เราแอบชอบเพื่อนอยู่คนหนึ่งค่ะ การที่เราแอบชอบเพื่อนคนนี้ทำให้เพื่อนสนิทเราทุกคนตกใจมาก แบบว่า เฮ้ยยย แกชอบมันจริงๆหรอวะ แกชอบมันได้ยังไง (แหม ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะนะ มารู้อีกทีก็ชอบไปแล้ว) มีแต่คนคิดว่าเราพูดเล่น คือนึกออกมั้ยคะ อยู่คณะเดียวกันกับผู้ชายคนนี้มาจนปี4 เคยคุยกันบ้างนิดหน่อย ไม่ถึงกับสนิทสนมอะไร ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่มันมีเหตุการณ์ที่เป็นจุดคลิ๊ก คือเราก็บอกไม่ถูกนะ อยู่ดีๆก็ชอบเลยอ่ะค่ะ แล้วผู้ชายคนที่เราชอบเขาค่อนข้างขี้อาย หน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไรเลย เขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนค่ะ หลังจากที่เรารู้ตัวแล้วว่าชอบเขา เราก็เครซี่ในตัวเขามากๆ เข้าเฟสบุคเขาดูไทม์ไลน์ย้อนหลังไปเรื่อยๆ ไปจนถึงโพสในวันแรกที่เขาสมัครเฟสบุคเลย แล้วในเฟสบุคของเขามันก็จะมีรูปที่เขาถ่ายตัวเองในห้อง แล้วก็คลิปที่เขาเล่นกีตาร์ในห้องด้วย เราไล่ดูทุกรูป ทุกคลิป จนรู้เลยว่าในห้องเขามีอะไรบ้าง เตียงอยู่มุมไหน ทีวีอยู่ตรงปลายเตียง แอร์อยู่ตรงส่วนไหนของห้อง (พิมพ์ไปพิมพ์มาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโรคจิต น่ากลัวจัง) แต่ก็นั่นแหละค่ะ ที่เราทำแบบนั้นเพราะเราชอบเขามากจริงๆ
เราคิดว่าจะสารภาพความรู้สึกกับเขาค่ะ เราจะไม่เป็นแค่คนที่แอบชอบเขาไปวันๆ บอกความรู้สึกให้รู้ไปเลย ที่ผ่านมาเวลาแอบชอบใครก็ทำได้แค่แอบ ไม่เคยกล้า แต่ครั้งนี้แหละเราจะกล้า เราปรึกษาทั้งเพื่อนสนิทในกลุ่ม ทั้งเพื่อนผู้ชายที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของเขา (เราต้องดึงเพื่อนเขา ให้มาเป็นคนของเรา ทางจะได้สะดวก ) ทุกคนยั้งเราไว้ก่อน บอกว่าถ้าจะบอกชอบเขาต้องจีบเขาก่อน ถ้าจู่โจมไปบอกชอบเขาเลย เขาจะตกใจ งง แล้วหนีห่างเราออกไป ..เอาแล้วไง ตอนแรกแค่จะบอกชอบ ไปๆมาๆคือต้องจีบเขาด้วยซะงั้น เพื่อนเราบอกว่าจีบเลย ปี4แล้ว จะเรียนจบแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำ แต่เรากลัวว่ามันจะดูไม่ดีไม่งามรึเปล่าที่ผู้หญิงจะจีบผู้ชายก่อน เพื่อนผู้ชายมันก็บอกว่าไม่น่าเกลียดหรอก สมัยนี้แล้วผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนเป็นเรื่องปกติ ด้านได้อาย-อดเว้ยยย …เออ เอาวะ!
เรื่องที่เราจะจีบผู้ชายคนนี้เป็นงานใหญ่นะ พูดเลย ทุกคนที่รู้เรื่องดูลุ้นกันมาก ช่วยกันทุกวิถีทาง มีเพื่อนเราคนนึงถึงกับเอาหนังสือคู่มือการจีบผู้ชายก่อนมาให้เราอ่านเลยค่ะ
อย่างที่บอกไปตอนแรกนะคะว่าเรากับเขาเคยคุยกันบ้างนิดหน่อย เพราะฉะนั้นถ้าอยู่ดีๆเราเข้าไปคุยกับเขาในลักษณะที่คุยมากกว่าปกติเราเกรงว่าเขาจะสงสัย และตื่นตูม เราจึงค่อยๆเข้าหา เราใช้วิธีการทักแชทในเฟสบุคไป ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ แรกๆก็ทักไปคุยเรื่องเรียน(เขาเรียนเก่ง) พอเขาตอบมา ก็คุยเรื่องอื่นด้วย แต่ยังคงเป็นเรื่องที่มีสาระนะ เรื่องทำรายงาน บทความที่อาจารย์สั่งไรงี้ ว่าทำหัวข้อไร ทำเสร็จยัง บลาๆ ช่วงแรกเนี่ยนานๆทีเขาจะตอบ คือเราทักแชททิ้งไว้ ส่วนเขาจะออนแล้วมาตอบเมื่อไหร่ก็เรื่องของเขา ถ้าเขาตอบมาตอนที่เราออนพอดี เราก็ยังไม่ตอบกลับทันทีนะ เดี๋ยวเค้าจะรู้ว่าเรารอ หลังๆก็เริ่มคุยเรื่องไร้สาระ เรื่องตลกๆ กวนๆ แล้วเขาก็เริ่มตอบเราบ่อยขึ้น บางทีทักไปกะจะทักทิ้งไว้ ปรากฏว่าเขาตอบเรามาเดี๋ยวนั้นเลย (อย่าบอกนะ ว่าเธอรอแชทกับเราอยู่อ่ะ ฮี่ๆ) บางทีเขาตอบกลับมาเราก็อ่านเฉยๆ ไม่ได้ตอบกลับไป (ก็ต้องมีเชิงบ้างไรบ้าง) เขาก็จะหาเรื่องมาคุยกับเราก่อนเลยค่ะ (ฮั้นแน่…)
แต่ต้องบอกก่อนนะคะ ว่านอกจากจะคุยแชทแล้ว เวลาเจอกันที่คณะเราก็ทัก คุยกับเขา เหมือนที่ทำกับเพื่อนคนอื่นๆตามปกติ อย่าแบบว่าคุยกันในโลกออนไลน์แต่เจอกันจริงๆแล้วไม่มองหน้ากันเลยนะ ไม่ดีๆ ความสัมพันธ์จะไม่คืบหน้า เขาจะงงว่าเราเป็นอะไร
และถึงแม้ว่าในคณะเราจะคุยกับเขาเหมือนเพื่อนทั่วไป แต่เวลาคุยแชทจะรับรู้ได้ค่ะว่าเพื่อนชาย-หญิงเขาคงไม่คุยกันแบบที่เราคุย เพี่อนเราบอกว่าถ้าจะจีบ เวลาเข้าหาเขาอย่าเข้าหาแบบเพื่อน ถ้าเข้าหาแบบเพื่อนเราก็จะเป็นได้แค่เพื่อน ต้องทำให้รู้ว่ามีอะไรที่พิเศษกว่านั้น
เพื่อนในกลุ่มของเขา(ที่ถูกเราดึงมาเป็นคนของเราแล้ว)ก็ช่วยเราอีกทาง เวลามันคุยกันมันก็พูดถึงเราบ่อยๆ เอาเรื่องของเราไปคุยให้เขาได้ยินบ่อยๆ เวลาไปนู่นไปนี่ก็ชวนเรากับเพื่อนเราไปด้วย ไปเป็นกลุ่มเลยค่ะ ก็ทำให้เขากับเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงแม้จะมีเพื่อนอีกเป็นกลุ่มอยู่ด้วยก็เถอะ ส่วนเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเขา เพื่อนเขาก็จะมาบอกเราตลอด วันไหนเขาไปทำอะไรที่ไหน เรารู้หมด (ดีจริงๆ)
เรื่องราวดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ จนมีอยู่วันนึง 1เดือนก่อนเราจะเรียนจบ เขาเป็นฝ่ายมาบอกชอบเราก่อน แล้วขอเราเป็นแฟนค่ะ เราก็บอกเขาไปว่าเราก็ชอบเขาเหมือนกัน ส่วนที่เขาขอเราเป็นแฟน เราปฏิเสธเขาไปแบบไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลย … อย่าเพิ่งว่าเรานะ อ่านต่อไปให้จบก่อน
เพื่อนๆเคยเป็นมั้ยคะ เวลาที่เราแอบชอบใคร เราชอบเอาเขาคนนั้นมาจินตนาการ จินตนาการว่าไปเที่ยวด้วยกัน ไปดูหนังด้วยกัน เขาทำแบบนู้นแบบนี้ให้เรา จินตนาการในแบบที่เราชอบ แบบที่เราอยากให้เขาเป็น แต่ความเป็นจริงเขาไม่ได้เป็นในแบบที่เราคิด กรณีของเราหลังจากที่เราได้คุยกับเขามาสักระยะนึง ได้ไปกินข้าวด้วยกัน(มีเพื่อนๆไปด้วย) ได้เห็นพฤติกรรมของเขาในหลายๆด้าน เราค่อนข้างที่จะรู้ตัวเลยว่าเรากับเขาไม่เหมาะกัน มีหลายอย่างในตัวเขาที่เราไม่ชอบ คนละแนว ซึ่งก่อนที่เราจะได้รู้จักกับเขามากขึ้นเราไม่เคยมองเห็นในมุมเหล่านี้ของเขาเลย ตอนเราบอกเพื่อนว่าเราปฏิเสธเขาไป ทุกคนก็ตกใจ ด่าเรากันใหญ่เลยค่ะ บอกว่าเราเป็นนางมารร้าย ทำให้เขาชอบแล้วก็ทิ้ง ใจดำ ทำร้ายจิตใจคนอื่น (แต่ด่าแบบขำๆนะคะ ไม่ซีเรียส) ทุกคนเข้าใจ และเคารพในการตัดสินใจของเรา เราไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายจิตใจของเขาเลย ที่เราจีบเขาเพราะเราชอบเขามากจริงๆ แต่ในเมื่อสุดท้ายค้นพบแล้วว่าเขายังไม่ใช่สำหรับเรา เราก็ต้องหยุดค่ะ ขืนตอบตกลงคบกันไปจะมีแต่รู้สึกแย่ เป็นการทำร้ายจิตใจเขามากกว่าการที่เราบอกปฏิเสธ สุดท้ายเพื่อนสนิทเรามันมาบอกเราว่า ชั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วแหละว่าแกกับมันไม่เหมาะกัน แต่ตอนแรกชั้นเห็นแกชอบมันมาก ชั้นเลยไม่อยากขัด
เราอยากจะบอกทุกคนว่า เวลาที่เแอบชอบใคร ไม่ว่าจะแอบชอบเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ฯลฯ และกำลังอยู่ในภาวะที่ครุ่นคิดว่าจะบอกความรู้สึกกับเขาคนนั้นดีมั้ย เราแนะนำให้คุณบอกค่ะ แต่อาจจะต้องมีสเต็ปและชั้นเชิงบ้าง เพราะถ้าอยู่ดีๆไปบอกเขาจะงง และอาจปฏิเสธเราไป และไม่มองหน้ากันอีกเลย การที่เราบอกความรู้สึกไป ถ้าเขาบอกปฏิเสธ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปนะคะ ก็แฟร์ๆค่ะ เท่าทุน เราให้ความรู้สึกดีๆกับเขาไปแล้ว แล้วเขาไม่รับก็ช่างเขาเถอะค่ะ เราก็แค่เอามันกลับมา แสดงว่าเราไม่ได้เกิดมาคู่กัน จบ บาย …ในทางกลับกันถ้าเขาโอเค ลองคุย ลองคบ ก็จะได้รู้ค่ะว่าตัวตนจริงๆของเขาเป็นยังไง เข้ากับเราได้รึเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็จบ จากกันด้วยดีไป
แต่ถ้ามัวแต่แอบชอบเขาไปเรื่อยๆ เราก็จะทำได้แค่แอบชอบเขาไปเรื่อยๆอยู่แบบนี้แหละค่ะ ติดอยู่ในจินตนาการของเรา เลือกมองแต่ส่วนที่เราอยากจะมอง เพ้อฝันถึงเขาไปวันๆ ไม่มีวันจบสิ้น เว้นแต่ว่าเราจะเบื่อและเลิกชอบไปเอง
และถ้าจะบอกชอบใคร แนะนำว่าให้บอกเองต่อหน้าเขาเลย อย่าเขียนจดหมาย หรือเขียนใส่สมุดไปให้เขาอ่าน เพราะเขาอาจหายไปพร้อมกับจดหมายหรือสมุดได้ค่ะ เรามีเพื่อนอยู่คนนึง เขียนความรู้สึกใส่สมุดบอกความรู้สึกกับผู้ชายคนนึง ส่งให้เขาเองกับมือ วันต่อมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยจากผู้ชายคนนั้น ไม่เคลียร์เลย ค้างคามากๆ มันไม่ชัดเจน ผู้ชายคนนั้นไม่บอกเพื่อนเราด้วยว่าเขาคิดยังไง ตอบรับหรือปฏิเสธ คือปล่อยให้ค้างคาเฉยๆแบบนั้น ถ้าเราบอกต่อหน้า อย่างน้อยก็จะได้คุยกันไปเลยว่าคิดยังไง จะเอายังไง
และในขณะที่คุณแอบชอบใคร อย่าแอบส่งข้อความหาเขาโดยไม่เปิดเผยตัวนะคะ เราเจอมาเองกับตัว มีเพื่อนในคณะส่งข้อความมาในมือถือเรา ไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร บอกว่าแอบชอบเรา ประมาณนี้ เรากลัวมากเลย เหมือนพวกโรคจิต อย่าทำแบบนี้นะคะหนุ่มๆสาวๆ แทนที่เขาจะปลื้มจะกลายเป็นว่าเขากลัวและระแวงแทนนะคะ
ลองดูนะคะ แล้วจะไม่เสียดายที่ครั้งนึงได้เคยทำตามความรู้สึกของตัวเอง หวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนบ้างนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ปล นี่เป็นกระทู้แรกของเรา เขียนมึนๆงงๆยังไงก็ขออภัยด้วยค่าา
"แอบชอบเพื่อนควรบอกเขาดีมั้ย/จะจีบผู้ชายก่อนทำยังไงดี" วันนี้เรามีประสบการณ์มาแชร์ค่ะ
ตอนอยู่ปี4 เราแอบชอบเพื่อนอยู่คนหนึ่งค่ะ การที่เราแอบชอบเพื่อนคนนี้ทำให้เพื่อนสนิทเราทุกคนตกใจมาก แบบว่า เฮ้ยยย แกชอบมันจริงๆหรอวะ แกชอบมันได้ยังไง (แหม ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะนะ มารู้อีกทีก็ชอบไปแล้ว) มีแต่คนคิดว่าเราพูดเล่น คือนึกออกมั้ยคะ อยู่คณะเดียวกันกับผู้ชายคนนี้มาจนปี4 เคยคุยกันบ้างนิดหน่อย ไม่ถึงกับสนิทสนมอะไร ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่มันมีเหตุการณ์ที่เป็นจุดคลิ๊ก คือเราก็บอกไม่ถูกนะ อยู่ดีๆก็ชอบเลยอ่ะค่ะ แล้วผู้ชายคนที่เราชอบเขาค่อนข้างขี้อาย หน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไรเลย เขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนค่ะ หลังจากที่เรารู้ตัวแล้วว่าชอบเขา เราก็เครซี่ในตัวเขามากๆ เข้าเฟสบุคเขาดูไทม์ไลน์ย้อนหลังไปเรื่อยๆ ไปจนถึงโพสในวันแรกที่เขาสมัครเฟสบุคเลย แล้วในเฟสบุคของเขามันก็จะมีรูปที่เขาถ่ายตัวเองในห้อง แล้วก็คลิปที่เขาเล่นกีตาร์ในห้องด้วย เราไล่ดูทุกรูป ทุกคลิป จนรู้เลยว่าในห้องเขามีอะไรบ้าง เตียงอยู่มุมไหน ทีวีอยู่ตรงปลายเตียง แอร์อยู่ตรงส่วนไหนของห้อง (พิมพ์ไปพิมพ์มาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโรคจิต น่ากลัวจัง) แต่ก็นั่นแหละค่ะ ที่เราทำแบบนั้นเพราะเราชอบเขามากจริงๆ
เราคิดว่าจะสารภาพความรู้สึกกับเขาค่ะ เราจะไม่เป็นแค่คนที่แอบชอบเขาไปวันๆ บอกความรู้สึกให้รู้ไปเลย ที่ผ่านมาเวลาแอบชอบใครก็ทำได้แค่แอบ ไม่เคยกล้า แต่ครั้งนี้แหละเราจะกล้า เราปรึกษาทั้งเพื่อนสนิทในกลุ่ม ทั้งเพื่อนผู้ชายที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของเขา (เราต้องดึงเพื่อนเขา ให้มาเป็นคนของเรา ทางจะได้สะดวก ) ทุกคนยั้งเราไว้ก่อน บอกว่าถ้าจะบอกชอบเขาต้องจีบเขาก่อน ถ้าจู่โจมไปบอกชอบเขาเลย เขาจะตกใจ งง แล้วหนีห่างเราออกไป ..เอาแล้วไง ตอนแรกแค่จะบอกชอบ ไปๆมาๆคือต้องจีบเขาด้วยซะงั้น เพื่อนเราบอกว่าจีบเลย ปี4แล้ว จะเรียนจบแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำ แต่เรากลัวว่ามันจะดูไม่ดีไม่งามรึเปล่าที่ผู้หญิงจะจีบผู้ชายก่อน เพื่อนผู้ชายมันก็บอกว่าไม่น่าเกลียดหรอก สมัยนี้แล้วผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนเป็นเรื่องปกติ ด้านได้อาย-อดเว้ยยย …เออ เอาวะ!
เรื่องที่เราจะจีบผู้ชายคนนี้เป็นงานใหญ่นะ พูดเลย ทุกคนที่รู้เรื่องดูลุ้นกันมาก ช่วยกันทุกวิถีทาง มีเพื่อนเราคนนึงถึงกับเอาหนังสือคู่มือการจีบผู้ชายก่อนมาให้เราอ่านเลยค่ะ
อย่างที่บอกไปตอนแรกนะคะว่าเรากับเขาเคยคุยกันบ้างนิดหน่อย เพราะฉะนั้นถ้าอยู่ดีๆเราเข้าไปคุยกับเขาในลักษณะที่คุยมากกว่าปกติเราเกรงว่าเขาจะสงสัย และตื่นตูม เราจึงค่อยๆเข้าหา เราใช้วิธีการทักแชทในเฟสบุคไป ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ แรกๆก็ทักไปคุยเรื่องเรียน(เขาเรียนเก่ง) พอเขาตอบมา ก็คุยเรื่องอื่นด้วย แต่ยังคงเป็นเรื่องที่มีสาระนะ เรื่องทำรายงาน บทความที่อาจารย์สั่งไรงี้ ว่าทำหัวข้อไร ทำเสร็จยัง บลาๆ ช่วงแรกเนี่ยนานๆทีเขาจะตอบ คือเราทักแชททิ้งไว้ ส่วนเขาจะออนแล้วมาตอบเมื่อไหร่ก็เรื่องของเขา ถ้าเขาตอบมาตอนที่เราออนพอดี เราก็ยังไม่ตอบกลับทันทีนะ เดี๋ยวเค้าจะรู้ว่าเรารอ หลังๆก็เริ่มคุยเรื่องไร้สาระ เรื่องตลกๆ กวนๆ แล้วเขาก็เริ่มตอบเราบ่อยขึ้น บางทีทักไปกะจะทักทิ้งไว้ ปรากฏว่าเขาตอบเรามาเดี๋ยวนั้นเลย (อย่าบอกนะ ว่าเธอรอแชทกับเราอยู่อ่ะ ฮี่ๆ) บางทีเขาตอบกลับมาเราก็อ่านเฉยๆ ไม่ได้ตอบกลับไป (ก็ต้องมีเชิงบ้างไรบ้าง) เขาก็จะหาเรื่องมาคุยกับเราก่อนเลยค่ะ (ฮั้นแน่…)
แต่ต้องบอกก่อนนะคะ ว่านอกจากจะคุยแชทแล้ว เวลาเจอกันที่คณะเราก็ทัก คุยกับเขา เหมือนที่ทำกับเพื่อนคนอื่นๆตามปกติ อย่าแบบว่าคุยกันในโลกออนไลน์แต่เจอกันจริงๆแล้วไม่มองหน้ากันเลยนะ ไม่ดีๆ ความสัมพันธ์จะไม่คืบหน้า เขาจะงงว่าเราเป็นอะไร
และถึงแม้ว่าในคณะเราจะคุยกับเขาเหมือนเพื่อนทั่วไป แต่เวลาคุยแชทจะรับรู้ได้ค่ะว่าเพื่อนชาย-หญิงเขาคงไม่คุยกันแบบที่เราคุย เพี่อนเราบอกว่าถ้าจะจีบ เวลาเข้าหาเขาอย่าเข้าหาแบบเพื่อน ถ้าเข้าหาแบบเพื่อนเราก็จะเป็นได้แค่เพื่อน ต้องทำให้รู้ว่ามีอะไรที่พิเศษกว่านั้น
เพื่อนในกลุ่มของเขา(ที่ถูกเราดึงมาเป็นคนของเราแล้ว)ก็ช่วยเราอีกทาง เวลามันคุยกันมันก็พูดถึงเราบ่อยๆ เอาเรื่องของเราไปคุยให้เขาได้ยินบ่อยๆ เวลาไปนู่นไปนี่ก็ชวนเรากับเพื่อนเราไปด้วย ไปเป็นกลุ่มเลยค่ะ ก็ทำให้เขากับเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงแม้จะมีเพื่อนอีกเป็นกลุ่มอยู่ด้วยก็เถอะ ส่วนเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเขา เพื่อนเขาก็จะมาบอกเราตลอด วันไหนเขาไปทำอะไรที่ไหน เรารู้หมด (ดีจริงๆ)
เรื่องราวดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ จนมีอยู่วันนึง 1เดือนก่อนเราจะเรียนจบ เขาเป็นฝ่ายมาบอกชอบเราก่อน แล้วขอเราเป็นแฟนค่ะ เราก็บอกเขาไปว่าเราก็ชอบเขาเหมือนกัน ส่วนที่เขาขอเราเป็นแฟน เราปฏิเสธเขาไปแบบไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลย … อย่าเพิ่งว่าเรานะ อ่านต่อไปให้จบก่อน
เพื่อนๆเคยเป็นมั้ยคะ เวลาที่เราแอบชอบใคร เราชอบเอาเขาคนนั้นมาจินตนาการ จินตนาการว่าไปเที่ยวด้วยกัน ไปดูหนังด้วยกัน เขาทำแบบนู้นแบบนี้ให้เรา จินตนาการในแบบที่เราชอบ แบบที่เราอยากให้เขาเป็น แต่ความเป็นจริงเขาไม่ได้เป็นในแบบที่เราคิด กรณีของเราหลังจากที่เราได้คุยกับเขามาสักระยะนึง ได้ไปกินข้าวด้วยกัน(มีเพื่อนๆไปด้วย) ได้เห็นพฤติกรรมของเขาในหลายๆด้าน เราค่อนข้างที่จะรู้ตัวเลยว่าเรากับเขาไม่เหมาะกัน มีหลายอย่างในตัวเขาที่เราไม่ชอบ คนละแนว ซึ่งก่อนที่เราจะได้รู้จักกับเขามากขึ้นเราไม่เคยมองเห็นในมุมเหล่านี้ของเขาเลย ตอนเราบอกเพื่อนว่าเราปฏิเสธเขาไป ทุกคนก็ตกใจ ด่าเรากันใหญ่เลยค่ะ บอกว่าเราเป็นนางมารร้าย ทำให้เขาชอบแล้วก็ทิ้ง ใจดำ ทำร้ายจิตใจคนอื่น (แต่ด่าแบบขำๆนะคะ ไม่ซีเรียส) ทุกคนเข้าใจ และเคารพในการตัดสินใจของเรา เราไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายจิตใจของเขาเลย ที่เราจีบเขาเพราะเราชอบเขามากจริงๆ แต่ในเมื่อสุดท้ายค้นพบแล้วว่าเขายังไม่ใช่สำหรับเรา เราก็ต้องหยุดค่ะ ขืนตอบตกลงคบกันไปจะมีแต่รู้สึกแย่ เป็นการทำร้ายจิตใจเขามากกว่าการที่เราบอกปฏิเสธ สุดท้ายเพื่อนสนิทเรามันมาบอกเราว่า ชั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วแหละว่าแกกับมันไม่เหมาะกัน แต่ตอนแรกชั้นเห็นแกชอบมันมาก ชั้นเลยไม่อยากขัด
เราอยากจะบอกทุกคนว่า เวลาที่เแอบชอบใคร ไม่ว่าจะแอบชอบเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ฯลฯ และกำลังอยู่ในภาวะที่ครุ่นคิดว่าจะบอกความรู้สึกกับเขาคนนั้นดีมั้ย เราแนะนำให้คุณบอกค่ะ แต่อาจจะต้องมีสเต็ปและชั้นเชิงบ้าง เพราะถ้าอยู่ดีๆไปบอกเขาจะงง และอาจปฏิเสธเราไป และไม่มองหน้ากันอีกเลย การที่เราบอกความรู้สึกไป ถ้าเขาบอกปฏิเสธ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปนะคะ ก็แฟร์ๆค่ะ เท่าทุน เราให้ความรู้สึกดีๆกับเขาไปแล้ว แล้วเขาไม่รับก็ช่างเขาเถอะค่ะ เราก็แค่เอามันกลับมา แสดงว่าเราไม่ได้เกิดมาคู่กัน จบ บาย …ในทางกลับกันถ้าเขาโอเค ลองคุย ลองคบ ก็จะได้รู้ค่ะว่าตัวตนจริงๆของเขาเป็นยังไง เข้ากับเราได้รึเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็จบ จากกันด้วยดีไป
แต่ถ้ามัวแต่แอบชอบเขาไปเรื่อยๆ เราก็จะทำได้แค่แอบชอบเขาไปเรื่อยๆอยู่แบบนี้แหละค่ะ ติดอยู่ในจินตนาการของเรา เลือกมองแต่ส่วนที่เราอยากจะมอง เพ้อฝันถึงเขาไปวันๆ ไม่มีวันจบสิ้น เว้นแต่ว่าเราจะเบื่อและเลิกชอบไปเอง
และถ้าจะบอกชอบใคร แนะนำว่าให้บอกเองต่อหน้าเขาเลย อย่าเขียนจดหมาย หรือเขียนใส่สมุดไปให้เขาอ่าน เพราะเขาอาจหายไปพร้อมกับจดหมายหรือสมุดได้ค่ะ เรามีเพื่อนอยู่คนนึง เขียนความรู้สึกใส่สมุดบอกความรู้สึกกับผู้ชายคนนึง ส่งให้เขาเองกับมือ วันต่อมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยจากผู้ชายคนนั้น ไม่เคลียร์เลย ค้างคามากๆ มันไม่ชัดเจน ผู้ชายคนนั้นไม่บอกเพื่อนเราด้วยว่าเขาคิดยังไง ตอบรับหรือปฏิเสธ คือปล่อยให้ค้างคาเฉยๆแบบนั้น ถ้าเราบอกต่อหน้า อย่างน้อยก็จะได้คุยกันไปเลยว่าคิดยังไง จะเอายังไง
และในขณะที่คุณแอบชอบใคร อย่าแอบส่งข้อความหาเขาโดยไม่เปิดเผยตัวนะคะ เราเจอมาเองกับตัว มีเพื่อนในคณะส่งข้อความมาในมือถือเรา ไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร บอกว่าแอบชอบเรา ประมาณนี้ เรากลัวมากเลย เหมือนพวกโรคจิต อย่าทำแบบนี้นะคะหนุ่มๆสาวๆ แทนที่เขาจะปลื้มจะกลายเป็นว่าเขากลัวและระแวงแทนนะคะ
ลองดูนะคะ แล้วจะไม่เสียดายที่ครั้งนึงได้เคยทำตามความรู้สึกของตัวเอง หวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนบ้างนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ปล นี่เป็นกระทู้แรกของเรา เขียนมึนๆงงๆยังไงก็ขออภัยด้วยค่าา