สวัสดีค่ะชาว pantip ทุกคน ติดตาม pantip มากว่าสิบกว่าปีวันนี้ถึงเวลาได้เล่าเรื่องของตัวเองบ้างนะคะ ที่จะเล่าเป็นเรื่องความรักและวีรกรรมของการแอบชอบหนุ่มคนนึงในตอนที่ตัวเองอายุ 32 แล้วนี่ค่ะ เราทำงานเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษที่สถานบันสอนภาษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เรากับน้องที่โรงเรียนคนหนึ่งไปนั่งร้านอาหารชิวๆร้านนึงในกรุงเทพ เป็นร้านนั่งสบายมีดนตรีสด อาหารอร่อย เราไปถึงร้านประมาณห้าทุ่มก็นั่งคุยกินข้าวกันไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ น้องคนที่มาด้วยก็หันไปมองที่นักดนตรีและก็พูดว่า "มือเบสน่ารักจังเลย หนูชอบมากๆ" เราก็หันไปมอง แว๊บแรกก็ปิ๊งเหมือนกัน เค้าน่ารักดี แต่งตัวเซอร์ๆ เจาะหูข้างนึง หน้าตาสะอาด แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก ก็พูดไปว่า "ใช่ๆน่ารักดีอ่ะ"
ด้วยความที่น้องคนนั้นชอบมากๆเลยให้เราช่วย เราก็เลยขอทิชชู่และปากกาเด็กเสิร์ฟ เขียนขอเพลงไป แล้วเขียนว่า "ปล. มือเบสน่ารักจังเลยค่ะ" พอเด็กเสิร์ฟเอาไปให้เค้าก็แซวๆออกไมค์ว่าขอบคุณครับและก็เล่นเพลงที่เราขอไปเพลงเดียว พอใกล้ๆจะกลับประมาณเที่ยงคืน ไอ้น้องที่ไปกับเราบอกว่าอยากรู้จักมือเบสคนนี้มาก ทำไงดี จะให้เบอร์ดีมั้ย เราก็บอกว่า อย่าให้เบอร์ดีกว่าเค้าไม่โทรมาหรอก ให้เฟสบุคดีกว่าเซฟกว่าเยอะ น้องก็บอกว่างั้นก็ลองเขียนเฟสบุคของเราไป แต่น้องจะให้เบอร์ไปแล้วดูว่าเค้าจะทำไง เราก็เลยขอกระดาษเด็กเสิร์ฟมาอีกแล้วเขียนชื่อเฟสบุค พร้อมเขียนว่า "ถึงมือเบส แอดเฟสบุคมาด้วยนะคะ อยากรู้จักค่ะ ปล.มือเบสน่ารักค่ะ" พร้อมแนบนามบัตรของน้องคนนั้น ให้ไปเราก็กลับบ้านนอน โดยไม่คิดอะไร เพราะตอนนั้นเราเองก็มีคนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว คืนนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ค่ะ เพราะวันจันทร์สักประมาณ 11 โมงกว่าๆ(จำไม่ได้ว่ากี่โมงแน่ แต่รู้ว่าสายมาก) ก็มีคนแอดเฟสมา เราก็กดดรับทันทีโดยไม่คิดอะไรเลย 555 คนนั้นเป็นมือเบสจริงๆ จากนั้นเค้าก็ส่งข้อความมาทางเฟสว่า "สวัสดี เราแอดแล้วนะครับ" คุยไปนิดหน่อย ก็เข้าไปดูเฟส ไปดูรูป เค้าก็ดูเป็นคนดีมีกิจกรรมชอบขับมอไซบิ๊กไบค์ เป็นคนตลก รักเด็ก รักครอบครัว มีเพื่อนเยอะแยะ เหมือนคนทั่วไป เราไม่ได้คุยกับเค้ามากเพราะตอนนั้นไม่ได้ชอบ เค้าเองก็คุยน้อย อีกวันเราก็เอาเฟสให้น้องคนที่ไปด้วย ก็ส่งข้อความไปบอกมือเบสว่า "จริงๆเพื่อนเราชอบเธอ รับแอดเพื่อนเราด้วยนะ" "เค้าก็โอเค เราก็ปล่อยให้เค้าคุยกันไป ก็ดูอยู่ห่างๆ กดไลค์เฟสบุคกันไปตามประสาไม่ได้พูดคุยทักทายอะไร เวลาผ่านไปหลายเดือนเราก็ไม่รู้คิดอะไร อยู่ดีๆก็ทักมือเบสไปในข้อความเฟสบุคว่า ยังมาเล่นดนตรีร้านที่เราไปเจอเค้าครั้วแรกอยู่มั้ย เค้าก็บอกว่า ยังเล่นอยู่ เค้าไม่คุยเยอะ เราก็เลยบอกว่าจะไม่รบกวนละนะ เค้าดันบอก "ขี้อยู่" 55555 เค้าเป็นคนตลกค่ะ พูดจาตรงๆ กวนๆ เราเองก็ไม่ได้คิดชอบอะไรเค้า เพราะคิดว่า อาชีพนักดนตรีกลางคืน มันอยู่กับคนละแนวกับเราเลย ทำงานกลางคืน คงเจ้าชู้ เมาเหล้า สูบบุหรี่ อะไรงี้ วันนั้นก็ชวนเค้าคุยสนุกๆไปถามเรื่องเติมลมยางรถไปเรื่อยๆ เค้าก็ตอบมา จนเค้าถามว่า "เธอเป็นครูสอนภาษาใช่มั้ย เราอยากเรียน เธอช่วยสอนเราหน่อย สอนทางออนไลน์นี่แหละ ฟรีนะ" เราก็บอกว่าได้สิ เพราะตอนนั้นเราก็คิดว่า สอนแบบไม่เจอตัวก็ดีไม่เหนื่อย เราก็ให้เบอร์ให้ไลน์กัน ก็ตกลงกันว่าจะสอนทางไลน์ เราไปคิดการบ้านส่งให้เค้า เค้าก็จะส่งกลับมา ประมาณนั้น มือเบสคนนี้เค้าเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนตอนเป็นวัยรุ่นเกเรไม่ยอมเรียน พอแก่ตัวมาเลยต้องมาลงเรียน ม.ราม เอาปริญญา และตอนนี้ก็จะจบแล้ว ติดตรงภาษาอังกฤษนี่แหละ สอบผ่านมาตลอดแต่ได้ D อยากจะได้ดีกว่านี้ อ่อ ต้องบอกก่อนนะคะว่า เค้าก็อายุ 30 ละตอนนั้นเพียงแต่นางหน้าเด็กมาก
เรื่องราวก็ดำเนินไป เราก็เขียนบทเรียนในไอโฟนเช่นวันนี้จะสอน verb to be แล้วก็แต่งประโยคภาษาไทย 10 ประโยค ให้ค้าไปแต่งมาเป็นภาษาอังกฤษส่งมา เวลาส่งการบ้านเค้าจะโทรมา เราก็จะตรวจไปด้วยสอนไปด้วย เค้าก็จะเขียนลงสมุดแล้วถ่ายรูปมา แต่ด้วยที่เค้ายุ่งมาก งานเยอะ ก็จะได้คุยกะเค้าอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ส่งช้าบ้าง เค้ามักจะโทรมาดึก ๆตี 1-2 ตี 3 บ้าง ตามเวลาเลิกงาน เราก็เป็นครูที่ดีรอรับโทรศัพท์เสมอ เค้าเป็นฉลาดหัวไว ตอบได้ตลอด บางคืนโทรมาคุยเล่นก็มี เราก็ลองถามเรื่องส่วนตัวเค้าก็เล่าตรงๆ ค่อนข้างเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา เค้าไม่มีท่าทีจีบเราเพราะก็เห็นหน้าในเฟสแล้ว เราเองไม่ใช่คนสวยเลยนะคะ ธรรมดาๆมากๆ เรื่องราวก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมา เราเองก็เริ่มจะรู้สึกแปลกๆในหัวใจตัวเองแล้ว พอเราคุยกับเค้าสอนไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ร้านที่เค้าเล่นดนตรีอยู่ใกล้ๆที่พักเรา เวลาสอนหนังสือเสร็จเราก็จะไปแอบดูเค้าที่หน้าร้าน บางวันเราก็ซื้อขนมไปให้เค้า แต่เราอายค่ะ เราไม่สวยด้วย ทีเรื่องอื่นไม่อายนะ จริงๆเราเป็นคนมั่นใจในตัวเองกล้าแสดงออกก็เพราะเราเป็นครูเนอะ ไปเที่ยวเมืองนอกคนเดียวได้ แต่เรื่องนี้กลับป๊อดมากๆ ฮ่าๆ เวลาเราอยากเอาของไปให้ เราจะให้นักเรียนที่มาเรียนกับเราเดินเอาของไปให้หน้าเวที ด้วยกับการแลกกับการขับรถไปส่งที่บ้าน เลี้ยงข้าวบ้าง ว่ากันไป เด็กๆก็น่ารักค่ะ ส่วนใหญ่เป็นวัยมัธยมนี่ค่ะ ก็จะเล่าให้เด็กฟังว่าครูชอบพี่มือเบสคนนี้นะ เรื่องราวเป็นงี้ๆก่อน เด็กก็ชอบเรื่องความรักอยู่แล้ว และเด็กก็รักเรา เรารักใครเค้าก็รักด้วย ต่อนะคะ ...เวลาเด็กเดินเข้าไปเค้าก็จะรู้ละว่าเรามา ก็จะพูดออกไมว่า "ขอบคุณครูสอนภาษาอังกฤษของผมมากนะครับแล้วครูผมอยู่ไหนเนี่ย" เวลาเด็กเดินเอาไปให้เราก็จะแอบอยู่หน้าร้าน ด้อมๆมองๆ ทำตัวพิรุธอยู่เสมอ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่กล้านะ หรือไม่ก็กลัวว่าถ้าเค้าเห็นเราแล้ว เค้าอาจจะไม่อยากเรียนกับเราต่อก็ได้ ในวันที่เค้ามาเล่นดนตรีที่ร้านนี้ ของที่เอาไปให้ก็จะเป็นนมตราหมีบ้างซองผ้าป่าบ้าง จตุคาม ยันตร์กันอันตราย เครื่องลางค์ขนมหวาน แปะก้วย อมยิ้ม อะไรแบบนี้ค่ะ ตลกๆฮาๆ เพราะเวลาที่ไปไหนก็คิดถึงเค้าอยากซื้อของให้ ทุกๆอาทิตย์เราจะแอบขับรถผ่านไปจอดชะโงกดูเค้าตลอด ทำอย่างนี้บ่อยๆ แอบขำตัวเองเหมือนกัน ฮ่าๆ บ้าจริงๆ อายุเท่านี้แล้วยังมาแอบดู แอบมอง เป็นเด็ก 14-15 ไปได้ วัยรุ่นสมัยนี้เค้ากล้ากว่าเรามากมาย ฮ่าๆๆ
เวลาก็ผ่านไปอีกหลายเดือนจนมีอยู่วันนึงเค้าบอกว่า "เราอาจจะต้องเจอหน้ากันเพราะ เค้าจะต้องสอบปลายภาคอาจจะต้องติวตัวต่อตัวเลย" เราก็บอกว่าได้ แต่ในใจตื่นเต้นมากเพราะต้องเจอตัวเป็นๆละหลังจากคุยทางโทรศัพท์ เห็นในเฟสมาตลอด เราก็นัดเค้าในช่วงบ่าย เปนช่วงเวลาที่ไม่มีสอน พอดี คืนก่อนหน้าจะเจอเราตื่นเต้นมาก นอนไม่หลับเลย เลือกชุดตั้งนาน ลดความอ้วนก็ไม่ทัน กังวลจะแต่งตัวแต่งหน้ายังไงดีน้า วุ่นวายไปหมด ขำตัวเองจริงๆ วันรุ่งขึ้น เค้าก็มาค่ะ มาถึงประมาณเที่ยงๆ เรานัดเจอเค้าที่โรงเรียนที่เราสอนเพราะ มันดูไม่น่าเกลียดดี คนอยู่เยอะแยะ แถมเป็นคนที่เรารู้จัก เผื่อตัวมือเบสเองจะได้ไม่มองเราแย่ด้วย ก่อนมาถึงเค้าก็โทรมา เราตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก น้องๆสต๊าฟที่โรงเรียนก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะนี่เป็นการเจอหน้าเป็นครั้งแรก แถมตอนนั้นเราว่า "เราแอบชอบเค้าไปแล้วด้วย" เลยทำตัวไม่ถูก เราอาจจะเคยเห็นเค้าจากการไปแอบดู แต่เค้าไม่เคยเจอเราเลย เค้าอาจจะคิดว่าเราสวยก็ได้ เพราะรูปในเฟสมันก็สวยทุกคน พอเจอก็ทักทาย ไปกินข้าว เค้าคุยเก่งมาก พูดตลอด พูดไม่หยุด ไม่เขินเลย ส่วนเราเขินจะแย่ กินข้าวไม่ลง ตอนที่ได้นั่งข้างเค้า สอนเค้า เราเขินมากๆ เค้าก็ตั้งใจ ปนขี้เกียจ หาวบ้าง ดูโทรศัพท์บ้าง ฮ่าๆๆ ก็เข้าใจว่ามันไม่ใช่ทางเค้าเนอะ สอนไปจนเย็นก็ได้เวลาต้องทำงานละ เด็กๆมาเต็มโรงเรียน มีเด็กที่สนิทส่วนหนึ่งรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เราชอบคนนี้ เพราะถ้าใครสนิทเราก็จะเล่าให้ฟัง เราก็เลยชวนเค้าเข้าไปเรียนในห้องใหญ่ที่เราสอนประจำ เค้าก็ยินดีเข้าไปนั่งด้วย วันนั้นเด็กๆเรียบร้อยน่ารักมาก แลดูจัดฉากสุดๆ ให้ความร่วมมือมากๆ เค้าอยู่จนโรงเรียนเกือบเลิกแล้วก็กลับไป พอกลับไปเรากับเด็กๆและสต๊าฟก็มาคุยกัน ทุกคนพูดเปนเสียงเดียวกันว่าเค้าน่ารัก ดูอัธยาศัยดี ไม่มีลุคนักดนตรีกลางคืนโหดๆเลย เราประทับใจในวันแรกที่ได้เจอมาก เค้าทำตัวธรรมชาติกับเรา คุยกับเราเปนเพื่อนคนนึง (เพราะเค้าไม่ได้คิดอะไร) พอดึกๆเค้าก็โทรมาขอบคุณที่ช่วยติวให้เค้าแล้วก็บอกว่าสนุกมากที่ได้เข้าไปเรียนในห้องกับเด็กๆ เราดีใจที่เค้าโทรมา อย่างน้อยก็มีน้ำใจดี เและให้ความเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เค้าบอกว่าอยากเรียนต่ออีกเพราะภาษาอังกฤษสำคัญ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเรียนไปเรื่อยๆ แต่เราคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้และไม่อยากคาดหวังเพราะเค้าเองงานยุ่งมาก ดูเป็นคนธุระเยอะ ดูแลครอบครัว เพื่อนฝูงมากมาย กิจกรรมเยอะมาก เอาเป็นว่าแล้วแต่เค้า เราก็ไม่ได้ติดต่อพูดคุยเท่าไหร่ อาจจะมีไลน์คุยบ้าง กดไลค์ทางเฟสปกติ จนถึงวันที่เค้าสอบเค้าก็โทรมาบอก สอบเสร็จก็โทรมาเล่า และในวันที่เค้ารู้เกรดเค้าก็ส่งข้อความมาบอก ว่าได้ C+ เป็น C+ ตัวแรกในชีวิต เราดีใจไปกับเค้าด้วย ยังคิดว่าถ้ามาเรียนมากกว่านี้อาจจะได้ B เวลาไปไหนเรามักจะซื้อของไปฝากเค้าและให้เด็กเอาไปให้เหมือนเดิม เพราะยังอายอยู่ ร้านนี้เป็นกึ่ง outdoor แถมติดถนน มันเลยเดินไปได้ แอบดูได้ เวลาผ่านเลยมาข้ามปีเราก็ชอบเค้ามาตลอดแต่เราก็ไม่เข้าไปก้าวก่าย เค้าก็ให้ความเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้มั้ยว่าเราคิดยังไงแต่จากการกระทำของเราเค้าก็น่าจะรู้อยู่บ้าง เราพยายามไม่ตื๊อไม่คุย ไม่ทักทายเค้าไม่มาก เพราะด้วยอายุเท่านี้ จะใจกล้ารุกผู้ชายจนเกินงามมันก็คงไม่ดี เราคิดว่ามีเค้าเป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้ยังดีกว่าเค้ากลัวเราและวิ่งหนีไป เราได้คุยกันน้อยลง เพียงแต่ติดตามกันในเฟสเพราะไม่มีบทเรียนอะไรจะเรียนกันละ เค้าเองดูยุ่งกับกิจกรรมของเค้า แต่เวลาเรามีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถ หรือเรื่องเครียดจากที่ทำงานเค้าก็โทรมาให้กำลังที่ดีเสมอ พอผ่านมาปี 57 เราคิดแผนทำกิจกรรม ให้นักเรียนร้องเพลงภาษาอังกฤษแล้วเชิญเค้ามาเล่นดนตรีให้เค้า เค้าตอบตกลงด้วยดีค่ะ เราจัดในห้องเรียนเล็กๆของเรากับเด็กเกือบยี่สิบคน ร้องเพลง love story -taylor swift กับเพลง love somebody-maroon 5 วันนั้นเป็ฯวันี่ประทับใจมากค่ะสนุกมาก เราพยายามซ้อมร้องกับเด็กๆให้ออกมาดีจะได้ไม่เสียหน้าเสียเวลานักดนตรี เด็กๆให้ความร่วมมือดีมาก มีความสุขกัยทุกคนโดยเฉพาะคุณครูที่แฮปปี้ที่สุด เราร้องเพลงด้วยกัน ในช่วงก่อนที่เค้าจะมาเล่นดนตรีให้ที่โรงเรียน เค้าก็จะโทรมาหาตอนกลางคืนคุยกันเรื่องเพลงที่จะร้อง มีอยู่คืนก่อนหน้าที่เราประทับใจมาก ตอนคุยกับเค้า เค้าก็ตีกลองที่เรียกว่า คาจอง ไปด้วยส่วนเราก็ร้องไปด้วย มันโรแมนติกมากเลยค่ะ อยากจะย้อนเวลามาอีกจัง หลังจากวันนั้นเด็กๆก็ไปแอดเฟสบุคเค้าเต็มเลย เค้าเองก็มีแฟนคลับเพิ่ม เด็กๆเชียร์กันมากเพราะเค้าน่ารัก เป็นคนดี ว่างๆเค้าก็แวะมาเยี่ยมเรากับเด็กๆที้โรงเรียนบ้าง เราเองก็ไม่รู้นะคะว่าเค้ามีแฟนมั้ย เดาว่าก็น่าจะมีคนที่คุยๆอยู่บ้าง เพราะเค้าเปนคนเฟรนลี่ คุยเก่ง หน่าตาดี ใครๆที่ไหนก็ชอบ ส่วนเราเองก็ได้แต่ชอบไปเท่าที่ชอบได้ เพราะมาถึงอายุเท่านี้ผ่านความรักมามาก ถ้าใครที่จะเข้ามาเป็นแฟนก็ขอให้เป็นคนดีและเป็นคนสุดท้ายจริงๆค่ะ ถ้าจะเรียกใครว่าแฟนก็คงเป็นคนที่มองไปข้างหน้าด้วยกันได้ คนที่เค้าต้องการเราเท่าๆกับที่เราต้องการเค้า เรื่องยังไม่จบนะคะ ยังมีต่อ ...ติดตามต่อไปนะคะ
วีรกรรมรัก Puppy Love ของคุณครูสอนภาษาอังกฤษ กับหนุ่มนักดนตรี
ด้วยความที่น้องคนนั้นชอบมากๆเลยให้เราช่วย เราก็เลยขอทิชชู่และปากกาเด็กเสิร์ฟ เขียนขอเพลงไป แล้วเขียนว่า "ปล. มือเบสน่ารักจังเลยค่ะ" พอเด็กเสิร์ฟเอาไปให้เค้าก็แซวๆออกไมค์ว่าขอบคุณครับและก็เล่นเพลงที่เราขอไปเพลงเดียว พอใกล้ๆจะกลับประมาณเที่ยงคืน ไอ้น้องที่ไปกับเราบอกว่าอยากรู้จักมือเบสคนนี้มาก ทำไงดี จะให้เบอร์ดีมั้ย เราก็บอกว่า อย่าให้เบอร์ดีกว่าเค้าไม่โทรมาหรอก ให้เฟสบุคดีกว่าเซฟกว่าเยอะ น้องก็บอกว่างั้นก็ลองเขียนเฟสบุคของเราไป แต่น้องจะให้เบอร์ไปแล้วดูว่าเค้าจะทำไง เราก็เลยขอกระดาษเด็กเสิร์ฟมาอีกแล้วเขียนชื่อเฟสบุค พร้อมเขียนว่า "ถึงมือเบส แอดเฟสบุคมาด้วยนะคะ อยากรู้จักค่ะ ปล.มือเบสน่ารักค่ะ" พร้อมแนบนามบัตรของน้องคนนั้น ให้ไปเราก็กลับบ้านนอน โดยไม่คิดอะไร เพราะตอนนั้นเราเองก็มีคนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว คืนนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ค่ะ เพราะวันจันทร์สักประมาณ 11 โมงกว่าๆ(จำไม่ได้ว่ากี่โมงแน่ แต่รู้ว่าสายมาก) ก็มีคนแอดเฟสมา เราก็กดดรับทันทีโดยไม่คิดอะไรเลย 555 คนนั้นเป็นมือเบสจริงๆ จากนั้นเค้าก็ส่งข้อความมาทางเฟสว่า "สวัสดี เราแอดแล้วนะครับ" คุยไปนิดหน่อย ก็เข้าไปดูเฟส ไปดูรูป เค้าก็ดูเป็นคนดีมีกิจกรรมชอบขับมอไซบิ๊กไบค์ เป็นคนตลก รักเด็ก รักครอบครัว มีเพื่อนเยอะแยะ เหมือนคนทั่วไป เราไม่ได้คุยกับเค้ามากเพราะตอนนั้นไม่ได้ชอบ เค้าเองก็คุยน้อย อีกวันเราก็เอาเฟสให้น้องคนที่ไปด้วย ก็ส่งข้อความไปบอกมือเบสว่า "จริงๆเพื่อนเราชอบเธอ รับแอดเพื่อนเราด้วยนะ" "เค้าก็โอเค เราก็ปล่อยให้เค้าคุยกันไป ก็ดูอยู่ห่างๆ กดไลค์เฟสบุคกันไปตามประสาไม่ได้พูดคุยทักทายอะไร เวลาผ่านไปหลายเดือนเราก็ไม่รู้คิดอะไร อยู่ดีๆก็ทักมือเบสไปในข้อความเฟสบุคว่า ยังมาเล่นดนตรีร้านที่เราไปเจอเค้าครั้วแรกอยู่มั้ย เค้าก็บอกว่า ยังเล่นอยู่ เค้าไม่คุยเยอะ เราก็เลยบอกว่าจะไม่รบกวนละนะ เค้าดันบอก "ขี้อยู่" 55555 เค้าเป็นคนตลกค่ะ พูดจาตรงๆ กวนๆ เราเองก็ไม่ได้คิดชอบอะไรเค้า เพราะคิดว่า อาชีพนักดนตรีกลางคืน มันอยู่กับคนละแนวกับเราเลย ทำงานกลางคืน คงเจ้าชู้ เมาเหล้า สูบบุหรี่ อะไรงี้ วันนั้นก็ชวนเค้าคุยสนุกๆไปถามเรื่องเติมลมยางรถไปเรื่อยๆ เค้าก็ตอบมา จนเค้าถามว่า "เธอเป็นครูสอนภาษาใช่มั้ย เราอยากเรียน เธอช่วยสอนเราหน่อย สอนทางออนไลน์นี่แหละ ฟรีนะ" เราก็บอกว่าได้สิ เพราะตอนนั้นเราก็คิดว่า สอนแบบไม่เจอตัวก็ดีไม่เหนื่อย เราก็ให้เบอร์ให้ไลน์กัน ก็ตกลงกันว่าจะสอนทางไลน์ เราไปคิดการบ้านส่งให้เค้า เค้าก็จะส่งกลับมา ประมาณนั้น มือเบสคนนี้เค้าเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนตอนเป็นวัยรุ่นเกเรไม่ยอมเรียน พอแก่ตัวมาเลยต้องมาลงเรียน ม.ราม เอาปริญญา และตอนนี้ก็จะจบแล้ว ติดตรงภาษาอังกฤษนี่แหละ สอบผ่านมาตลอดแต่ได้ D อยากจะได้ดีกว่านี้ อ่อ ต้องบอกก่อนนะคะว่า เค้าก็อายุ 30 ละตอนนั้นเพียงแต่นางหน้าเด็กมาก
เรื่องราวก็ดำเนินไป เราก็เขียนบทเรียนในไอโฟนเช่นวันนี้จะสอน verb to be แล้วก็แต่งประโยคภาษาไทย 10 ประโยค ให้ค้าไปแต่งมาเป็นภาษาอังกฤษส่งมา เวลาส่งการบ้านเค้าจะโทรมา เราก็จะตรวจไปด้วยสอนไปด้วย เค้าก็จะเขียนลงสมุดแล้วถ่ายรูปมา แต่ด้วยที่เค้ายุ่งมาก งานเยอะ ก็จะได้คุยกะเค้าอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ส่งช้าบ้าง เค้ามักจะโทรมาดึก ๆตี 1-2 ตี 3 บ้าง ตามเวลาเลิกงาน เราก็เป็นครูที่ดีรอรับโทรศัพท์เสมอ เค้าเป็นฉลาดหัวไว ตอบได้ตลอด บางคืนโทรมาคุยเล่นก็มี เราก็ลองถามเรื่องส่วนตัวเค้าก็เล่าตรงๆ ค่อนข้างเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา เค้าไม่มีท่าทีจีบเราเพราะก็เห็นหน้าในเฟสแล้ว เราเองไม่ใช่คนสวยเลยนะคะ ธรรมดาๆมากๆ เรื่องราวก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมา เราเองก็เริ่มจะรู้สึกแปลกๆในหัวใจตัวเองแล้ว พอเราคุยกับเค้าสอนไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ร้านที่เค้าเล่นดนตรีอยู่ใกล้ๆที่พักเรา เวลาสอนหนังสือเสร็จเราก็จะไปแอบดูเค้าที่หน้าร้าน บางวันเราก็ซื้อขนมไปให้เค้า แต่เราอายค่ะ เราไม่สวยด้วย ทีเรื่องอื่นไม่อายนะ จริงๆเราเป็นคนมั่นใจในตัวเองกล้าแสดงออกก็เพราะเราเป็นครูเนอะ ไปเที่ยวเมืองนอกคนเดียวได้ แต่เรื่องนี้กลับป๊อดมากๆ ฮ่าๆ เวลาเราอยากเอาของไปให้ เราจะให้นักเรียนที่มาเรียนกับเราเดินเอาของไปให้หน้าเวที ด้วยกับการแลกกับการขับรถไปส่งที่บ้าน เลี้ยงข้าวบ้าง ว่ากันไป เด็กๆก็น่ารักค่ะ ส่วนใหญ่เป็นวัยมัธยมนี่ค่ะ ก็จะเล่าให้เด็กฟังว่าครูชอบพี่มือเบสคนนี้นะ เรื่องราวเป็นงี้ๆก่อน เด็กก็ชอบเรื่องความรักอยู่แล้ว และเด็กก็รักเรา เรารักใครเค้าก็รักด้วย ต่อนะคะ ...เวลาเด็กเดินเข้าไปเค้าก็จะรู้ละว่าเรามา ก็จะพูดออกไมว่า "ขอบคุณครูสอนภาษาอังกฤษของผมมากนะครับแล้วครูผมอยู่ไหนเนี่ย" เวลาเด็กเดินเอาไปให้เราก็จะแอบอยู่หน้าร้าน ด้อมๆมองๆ ทำตัวพิรุธอยู่เสมอ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่กล้านะ หรือไม่ก็กลัวว่าถ้าเค้าเห็นเราแล้ว เค้าอาจจะไม่อยากเรียนกับเราต่อก็ได้ ในวันที่เค้ามาเล่นดนตรีที่ร้านนี้ ของที่เอาไปให้ก็จะเป็นนมตราหมีบ้างซองผ้าป่าบ้าง จตุคาม ยันตร์กันอันตราย เครื่องลางค์ขนมหวาน แปะก้วย อมยิ้ม อะไรแบบนี้ค่ะ ตลกๆฮาๆ เพราะเวลาที่ไปไหนก็คิดถึงเค้าอยากซื้อของให้ ทุกๆอาทิตย์เราจะแอบขับรถผ่านไปจอดชะโงกดูเค้าตลอด ทำอย่างนี้บ่อยๆ แอบขำตัวเองเหมือนกัน ฮ่าๆ บ้าจริงๆ อายุเท่านี้แล้วยังมาแอบดู แอบมอง เป็นเด็ก 14-15 ไปได้ วัยรุ่นสมัยนี้เค้ากล้ากว่าเรามากมาย ฮ่าๆๆ
เวลาก็ผ่านไปอีกหลายเดือนจนมีอยู่วันนึงเค้าบอกว่า "เราอาจจะต้องเจอหน้ากันเพราะ เค้าจะต้องสอบปลายภาคอาจจะต้องติวตัวต่อตัวเลย" เราก็บอกว่าได้ แต่ในใจตื่นเต้นมากเพราะต้องเจอตัวเป็นๆละหลังจากคุยทางโทรศัพท์ เห็นในเฟสมาตลอด เราก็นัดเค้าในช่วงบ่าย เปนช่วงเวลาที่ไม่มีสอน พอดี คืนก่อนหน้าจะเจอเราตื่นเต้นมาก นอนไม่หลับเลย เลือกชุดตั้งนาน ลดความอ้วนก็ไม่ทัน กังวลจะแต่งตัวแต่งหน้ายังไงดีน้า วุ่นวายไปหมด ขำตัวเองจริงๆ วันรุ่งขึ้น เค้าก็มาค่ะ มาถึงประมาณเที่ยงๆ เรานัดเจอเค้าที่โรงเรียนที่เราสอนเพราะ มันดูไม่น่าเกลียดดี คนอยู่เยอะแยะ แถมเป็นคนที่เรารู้จัก เผื่อตัวมือเบสเองจะได้ไม่มองเราแย่ด้วย ก่อนมาถึงเค้าก็โทรมา เราตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก น้องๆสต๊าฟที่โรงเรียนก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะนี่เป็นการเจอหน้าเป็นครั้งแรก แถมตอนนั้นเราว่า "เราแอบชอบเค้าไปแล้วด้วย" เลยทำตัวไม่ถูก เราอาจจะเคยเห็นเค้าจากการไปแอบดู แต่เค้าไม่เคยเจอเราเลย เค้าอาจจะคิดว่าเราสวยก็ได้ เพราะรูปในเฟสมันก็สวยทุกคน พอเจอก็ทักทาย ไปกินข้าว เค้าคุยเก่งมาก พูดตลอด พูดไม่หยุด ไม่เขินเลย ส่วนเราเขินจะแย่ กินข้าวไม่ลง ตอนที่ได้นั่งข้างเค้า สอนเค้า เราเขินมากๆ เค้าก็ตั้งใจ ปนขี้เกียจ หาวบ้าง ดูโทรศัพท์บ้าง ฮ่าๆๆ ก็เข้าใจว่ามันไม่ใช่ทางเค้าเนอะ สอนไปจนเย็นก็ได้เวลาต้องทำงานละ เด็กๆมาเต็มโรงเรียน มีเด็กที่สนิทส่วนหนึ่งรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เราชอบคนนี้ เพราะถ้าใครสนิทเราก็จะเล่าให้ฟัง เราก็เลยชวนเค้าเข้าไปเรียนในห้องใหญ่ที่เราสอนประจำ เค้าก็ยินดีเข้าไปนั่งด้วย วันนั้นเด็กๆเรียบร้อยน่ารักมาก แลดูจัดฉากสุดๆ ให้ความร่วมมือมากๆ เค้าอยู่จนโรงเรียนเกือบเลิกแล้วก็กลับไป พอกลับไปเรากับเด็กๆและสต๊าฟก็มาคุยกัน ทุกคนพูดเปนเสียงเดียวกันว่าเค้าน่ารัก ดูอัธยาศัยดี ไม่มีลุคนักดนตรีกลางคืนโหดๆเลย เราประทับใจในวันแรกที่ได้เจอมาก เค้าทำตัวธรรมชาติกับเรา คุยกับเราเปนเพื่อนคนนึง (เพราะเค้าไม่ได้คิดอะไร) พอดึกๆเค้าก็โทรมาขอบคุณที่ช่วยติวให้เค้าแล้วก็บอกว่าสนุกมากที่ได้เข้าไปเรียนในห้องกับเด็กๆ เราดีใจที่เค้าโทรมา อย่างน้อยก็มีน้ำใจดี เและให้ความเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เค้าบอกว่าอยากเรียนต่ออีกเพราะภาษาอังกฤษสำคัญ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเรียนไปเรื่อยๆ แต่เราคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้และไม่อยากคาดหวังเพราะเค้าเองงานยุ่งมาก ดูเป็นคนธุระเยอะ ดูแลครอบครัว เพื่อนฝูงมากมาย กิจกรรมเยอะมาก เอาเป็นว่าแล้วแต่เค้า เราก็ไม่ได้ติดต่อพูดคุยเท่าไหร่ อาจจะมีไลน์คุยบ้าง กดไลค์ทางเฟสปกติ จนถึงวันที่เค้าสอบเค้าก็โทรมาบอก สอบเสร็จก็โทรมาเล่า และในวันที่เค้ารู้เกรดเค้าก็ส่งข้อความมาบอก ว่าได้ C+ เป็น C+ ตัวแรกในชีวิต เราดีใจไปกับเค้าด้วย ยังคิดว่าถ้ามาเรียนมากกว่านี้อาจจะได้ B เวลาไปไหนเรามักจะซื้อของไปฝากเค้าและให้เด็กเอาไปให้เหมือนเดิม เพราะยังอายอยู่ ร้านนี้เป็นกึ่ง outdoor แถมติดถนน มันเลยเดินไปได้ แอบดูได้ เวลาผ่านเลยมาข้ามปีเราก็ชอบเค้ามาตลอดแต่เราก็ไม่เข้าไปก้าวก่าย เค้าก็ให้ความเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้มั้ยว่าเราคิดยังไงแต่จากการกระทำของเราเค้าก็น่าจะรู้อยู่บ้าง เราพยายามไม่ตื๊อไม่คุย ไม่ทักทายเค้าไม่มาก เพราะด้วยอายุเท่านี้ จะใจกล้ารุกผู้ชายจนเกินงามมันก็คงไม่ดี เราคิดว่ามีเค้าเป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้ยังดีกว่าเค้ากลัวเราและวิ่งหนีไป เราได้คุยกันน้อยลง เพียงแต่ติดตามกันในเฟสเพราะไม่มีบทเรียนอะไรจะเรียนกันละ เค้าเองดูยุ่งกับกิจกรรมของเค้า แต่เวลาเรามีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถ หรือเรื่องเครียดจากที่ทำงานเค้าก็โทรมาให้กำลังที่ดีเสมอ พอผ่านมาปี 57 เราคิดแผนทำกิจกรรม ให้นักเรียนร้องเพลงภาษาอังกฤษแล้วเชิญเค้ามาเล่นดนตรีให้เค้า เค้าตอบตกลงด้วยดีค่ะ เราจัดในห้องเรียนเล็กๆของเรากับเด็กเกือบยี่สิบคน ร้องเพลง love story -taylor swift กับเพลง love somebody-maroon 5 วันนั้นเป็ฯวันี่ประทับใจมากค่ะสนุกมาก เราพยายามซ้อมร้องกับเด็กๆให้ออกมาดีจะได้ไม่เสียหน้าเสียเวลานักดนตรี เด็กๆให้ความร่วมมือดีมาก มีความสุขกัยทุกคนโดยเฉพาะคุณครูที่แฮปปี้ที่สุด เราร้องเพลงด้วยกัน ในช่วงก่อนที่เค้าจะมาเล่นดนตรีให้ที่โรงเรียน เค้าก็จะโทรมาหาตอนกลางคืนคุยกันเรื่องเพลงที่จะร้อง มีอยู่คืนก่อนหน้าที่เราประทับใจมาก ตอนคุยกับเค้า เค้าก็ตีกลองที่เรียกว่า คาจอง ไปด้วยส่วนเราก็ร้องไปด้วย มันโรแมนติกมากเลยค่ะ อยากจะย้อนเวลามาอีกจัง หลังจากวันนั้นเด็กๆก็ไปแอดเฟสบุคเค้าเต็มเลย เค้าเองก็มีแฟนคลับเพิ่ม เด็กๆเชียร์กันมากเพราะเค้าน่ารัก เป็นคนดี ว่างๆเค้าก็แวะมาเยี่ยมเรากับเด็กๆที้โรงเรียนบ้าง เราเองก็ไม่รู้นะคะว่าเค้ามีแฟนมั้ย เดาว่าก็น่าจะมีคนที่คุยๆอยู่บ้าง เพราะเค้าเปนคนเฟรนลี่ คุยเก่ง หน่าตาดี ใครๆที่ไหนก็ชอบ ส่วนเราเองก็ได้แต่ชอบไปเท่าที่ชอบได้ เพราะมาถึงอายุเท่านี้ผ่านความรักมามาก ถ้าใครที่จะเข้ามาเป็นแฟนก็ขอให้เป็นคนดีและเป็นคนสุดท้ายจริงๆค่ะ ถ้าจะเรียกใครว่าแฟนก็คงเป็นคนที่มองไปข้างหน้าด้วยกันได้ คนที่เค้าต้องการเราเท่าๆกับที่เราต้องการเค้า เรื่องยังไม่จบนะคะ ยังมีต่อ ...ติดตามต่อไปนะคะ