คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
..จะคิดมาก จะเครียดทำไมล่ะ คุณน้องจ๋า..
พี่ไม่เคยเห็นประโยชน์จากการมานั่งเครียด ให้ความคิดวนเวียนกลับไปกลับมา..สักที..
..แทนที่จะมานั่งกลุ้มนะ .. เอาเวลากลุ้มน่ะ มาหาข้อมูล ข้อเท็จจริง
และใช้สติที่แจ่มใส มาวิเคราะห์ข้อมูล หาทางออกของปัญหา ..ไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ ..
..อย่างแรก ทำความเข้าใจก่อน ..การขอกู้เงิน ..ก็คือการเอาเงินในอนาคตออกมาใช้ ..
มี 2 อย่าง คือ แบบมีหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน .. อันนี้ธนาคารมี "ตัวประกัน" ..ดอกเบี้ยจะถูกหน่อย
..ที่คุณกำลังผ่อนรถอยู่ ..ก็อยู่ในเงื่อนไขนี้ ..คงเข้าใจใช่มั้ยคะ ว่าถ้าไม่มีค่างวดไปส่ง ไฟแนนซ์ก็ยึดรถ
กับแบบที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อบุคคล ซึ่งมักให้สูงสุด 5 เท่าของรายได้ ..
แต่ในเมื่อสถาบันการเงิน รับความเสี่ยงสูง ลูกหนี้ไม่รู้จะเบี้ยวตอนไหน .. เค้าก็คิดดอกเบี้ยค่อนข้างดุ
ยิ่งยอดกู้น้อย ดอกยิ่งแพง .. เพดานดอกเบี้ยไปได้ถึง 28% ต่อปี ..
แต่ตอนนี้เท่าที่ธนาคารโทร.มาชวนพี่เป็นหนี้ ไม่เว้นแต่ละวัน
..ดอกเบี้ยจะอยู่แถวๆ 20 นิดๆ .. ซึ่งนั่นก็แพงอยู่ดี ..
ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีหลักทรัพย์ไปค้ำ ไม่มีญาติพี่น้อง ที่จะช่วยเซ็นค้ำประกันให้ ..ไม่อยากรบกวนเพื่อนฝูงด้วย
..ทางเลือกของคุณ ก็เหลือแค่ สินเชื่อบุคคล ..ดอกเบี้ยมหากาฬนั่นเอง
ซึ่งถ้าได้สูงสุดที่ 5 เท่าของรายได้คุณ ณ ตอนนี้ .. ก็คงได้ระหว่าง 150,000 - 175,000 ..
ขึ้นอยู่กับแบงค์จะพิจารณาค่าอื่นๆ ด้วยมั้ย
..ถ้าพี่จำไม่ผิดนะ ค่างวดสำหรับยอดกู้ 200,000 ระยะเวลา 48 งวด .. อยู่แถวๆ 7,xxx บ. ..
และมักจะมีกำหนดว่าห้ามปิดก่อน 1 ปี
..แต่ก่อนที่จะกระโดดพรวดพราดเข้ากองเพลิงไป .. พี่อยากให้คุณหันกลับมามองสถานะทางการเงินส่วนบุคคลของตัวเองก่อน
..รายรับ ตีไป maximum 35,000 บ.
รายจ่ายล่ะ .. มีค่าเช่าห้องแน่ๆ เพราะคุณตัวคนเดียว ในเมืองหลวง รวมค่าน้ำ ไฟ กี่พัน...ว่าไป
ค่ากิน - ใช้ - ค่าเดินทาง - ค่าน้ำมันรถ ของคุณ ..
ค่างวดรถ ..
เงินที่ต้องส่งให้พ่อแม่ ..
เงินเก็บ - เงินออม - เงินรองรัง ของตัวเอง ...
..รายรับ ลบด้วย รายจ่าย เหลือเท่าไหร่ ? 5,000 ?
และเมื่อพิจารณาแล้ว มันตึงมือไปมั้ย
..ถ้ามีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น ระหว่างยังเป็นหนี้นี้อยู่ล่ะ ..มันจะเกินกำลังความสามารถไปมั้ย ..
คิดดีๆ คิดใน worst case ..อย่ามองโลกสวยงามเกินไป เพราะดอกเบี้ยมันไม่มีความปราณี
ถ้า..พิจารณาแล้ว ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาดี ที่จะหาหนี้ก้อนใหญ่มาแบก..
ก็บอกพ่อแม่ไปตามความจริงค่ะ ..
..พี่ในฐานะที่เป็น "แม่ของลูก" และก็ยังเป็น "ลูกของแม่" "ลูกสะใภ้ของแม่สามี" .. พี่เข้าใจความรู้สึกของทั้งลูก และแม่..
ในความเป็นลูก เราย่อมอยากเห็นพ่อแม่..ที่เหนื่อยมานาน ได้สุขสบายบ้าง ..
..แต่เราเองต้องดูตัวเองก่อนด้วยว่า มีความสามารถในการแบกรับภาระนั้นได้แค่ไหน ..
อย่าทำตัวเป็น "เตี้ยอุ้มค่อม" .. มันจะพากันล้มหมด ..
ถ้ายังไม่สามารถ ..อย่าเพิ่งรีบร้อนรนก่อหนี้ก่อสิน จนล้นพ้นตัว ..
..หากบ้านท่านก็ยังไม่ได้จะพังถล่มลงมา ..หรือจะมีอะไรที่เป็นอันตรายกับท่าน
แค่มันไม่สวยแล้ว เก่าแล้ว .. ขอให้พัก project จะ renovate ไว้ก่อน
อาจจะขอให้รอโบนัสออกก่อน
หรือเปลี่ยนเฉพาะที่จำเป็น ..อย่าเพิ่งจัดหนัก จัดเต็มค่ะ ..
..ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
พี่ไม่เคยเห็นประโยชน์จากการมานั่งเครียด ให้ความคิดวนเวียนกลับไปกลับมา..สักที..
..แทนที่จะมานั่งกลุ้มนะ .. เอาเวลากลุ้มน่ะ มาหาข้อมูล ข้อเท็จจริง
และใช้สติที่แจ่มใส มาวิเคราะห์ข้อมูล หาทางออกของปัญหา ..ไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ ..
..อย่างแรก ทำความเข้าใจก่อน ..การขอกู้เงิน ..ก็คือการเอาเงินในอนาคตออกมาใช้ ..
มี 2 อย่าง คือ แบบมีหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน .. อันนี้ธนาคารมี "ตัวประกัน" ..ดอกเบี้ยจะถูกหน่อย
..ที่คุณกำลังผ่อนรถอยู่ ..ก็อยู่ในเงื่อนไขนี้ ..คงเข้าใจใช่มั้ยคะ ว่าถ้าไม่มีค่างวดไปส่ง ไฟแนนซ์ก็ยึดรถ
กับแบบที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อบุคคล ซึ่งมักให้สูงสุด 5 เท่าของรายได้ ..
แต่ในเมื่อสถาบันการเงิน รับความเสี่ยงสูง ลูกหนี้ไม่รู้จะเบี้ยวตอนไหน .. เค้าก็คิดดอกเบี้ยค่อนข้างดุ
ยิ่งยอดกู้น้อย ดอกยิ่งแพง .. เพดานดอกเบี้ยไปได้ถึง 28% ต่อปี ..
แต่ตอนนี้เท่าที่ธนาคารโทร.มาชวนพี่เป็นหนี้ ไม่เว้นแต่ละวัน
..ดอกเบี้ยจะอยู่แถวๆ 20 นิดๆ .. ซึ่งนั่นก็แพงอยู่ดี ..
ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีหลักทรัพย์ไปค้ำ ไม่มีญาติพี่น้อง ที่จะช่วยเซ็นค้ำประกันให้ ..ไม่อยากรบกวนเพื่อนฝูงด้วย
..ทางเลือกของคุณ ก็เหลือแค่ สินเชื่อบุคคล ..ดอกเบี้ยมหากาฬนั่นเอง
ซึ่งถ้าได้สูงสุดที่ 5 เท่าของรายได้คุณ ณ ตอนนี้ .. ก็คงได้ระหว่าง 150,000 - 175,000 ..
ขึ้นอยู่กับแบงค์จะพิจารณาค่าอื่นๆ ด้วยมั้ย
..ถ้าพี่จำไม่ผิดนะ ค่างวดสำหรับยอดกู้ 200,000 ระยะเวลา 48 งวด .. อยู่แถวๆ 7,xxx บ. ..
และมักจะมีกำหนดว่าห้ามปิดก่อน 1 ปี
..แต่ก่อนที่จะกระโดดพรวดพราดเข้ากองเพลิงไป .. พี่อยากให้คุณหันกลับมามองสถานะทางการเงินส่วนบุคคลของตัวเองก่อน
..รายรับ ตีไป maximum 35,000 บ.
รายจ่ายล่ะ .. มีค่าเช่าห้องแน่ๆ เพราะคุณตัวคนเดียว ในเมืองหลวง รวมค่าน้ำ ไฟ กี่พัน...ว่าไป
ค่ากิน - ใช้ - ค่าเดินทาง - ค่าน้ำมันรถ ของคุณ ..
ค่างวดรถ ..
เงินที่ต้องส่งให้พ่อแม่ ..
เงินเก็บ - เงินออม - เงินรองรัง ของตัวเอง ...
..รายรับ ลบด้วย รายจ่าย เหลือเท่าไหร่ ? 5,000 ?
และเมื่อพิจารณาแล้ว มันตึงมือไปมั้ย
..ถ้ามีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น ระหว่างยังเป็นหนี้นี้อยู่ล่ะ ..มันจะเกินกำลังความสามารถไปมั้ย ..
คิดดีๆ คิดใน worst case ..อย่ามองโลกสวยงามเกินไป เพราะดอกเบี้ยมันไม่มีความปราณี
ถ้า..พิจารณาแล้ว ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาดี ที่จะหาหนี้ก้อนใหญ่มาแบก..
ก็บอกพ่อแม่ไปตามความจริงค่ะ ..
..พี่ในฐานะที่เป็น "แม่ของลูก" และก็ยังเป็น "ลูกของแม่" "ลูกสะใภ้ของแม่สามี" .. พี่เข้าใจความรู้สึกของทั้งลูก และแม่..
ในความเป็นลูก เราย่อมอยากเห็นพ่อแม่..ที่เหนื่อยมานาน ได้สุขสบายบ้าง ..
..แต่เราเองต้องดูตัวเองก่อนด้วยว่า มีความสามารถในการแบกรับภาระนั้นได้แค่ไหน ..
อย่าทำตัวเป็น "เตี้ยอุ้มค่อม" .. มันจะพากันล้มหมด ..
ถ้ายังไม่สามารถ ..อย่าเพิ่งรีบร้อนรนก่อหนี้ก่อสิน จนล้นพ้นตัว ..
..หากบ้านท่านก็ยังไม่ได้จะพังถล่มลงมา ..หรือจะมีอะไรที่เป็นอันตรายกับท่าน
แค่มันไม่สวยแล้ว เก่าแล้ว .. ขอให้พัก project จะ renovate ไว้ก่อน
อาจจะขอให้รอโบนัสออกก่อน
หรือเปลี่ยนเฉพาะที่จำเป็น ..อย่าเพิ่งจัดหนัก จัดเต็มค่ะ ..
..ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อยากกู้เงินต่อเติมบ้านให้พ่อกับแม่ คิดมาก เครียด ปวดหัว