หนังของ เบร็ต แรตเนอร์ ฉบับนี้สนุกมากกว่า The Legend of Hercules ของ เรนนี่ ฮาร์ลิน ที่ชิงออกมาฉายตัดหน้าเมื่อหลายเดือนก่อนอยู่หลายขุมทีเดียว เรียกว่าดีกว่าในทุกมิติ ทั้งในส่วนของงานโปรดักชั่น เรื่องราว และงาน 3D
เบร็ต แรตเนอร์ ตีความตำนาน เฮอร์คิวลีส เสียใหม่ ด้วยการโยงเข้ากับเรื่องของ Propaganda (โฆษณาชวนเชื่อ) ได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นการนำเสนอตำนานของเทพเจ้ากรีกร่างยักษ์บักหลั่นรายนี้ออกมาในมุมที่ยึดติดกับความเป็นไปได้ โดยที่เรื่องของอภินิหารต่างๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อที่มีความจริงอีกแบบหนึ่งอยู่ในฉากหลัง
เราจึงได้เห็น เฮอร์คิวลีส ในแบบที่มีเลือดมีเนื้อแบบมนุษย์ปุถุชน และชื่อเสียงในความเก่งกาจของเขาไม่ได้สร้างขึ้นมาเพียงลำพัง หากแต่มีพลพรรคที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่เป็นกำแพงเหล็กคอยช่วยเหลือ รวมถึงยังมีนักเล่าเรื่องที่เป็นเหมือนกระบอกเสียง (พีอาร์) คอยทำหน้าที่โพนทะนากิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ให้น่าเกรงขามมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
โดยรวมแล้วเป็นไอเดียในการตีความใหม่ที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อย และก็ไม่ได้ทำลายโครงเรื่องดั้งเดิมให้เสียหาย เพราะหนังยังคงปิดท้ายด้วยการหยอดประเด็นเรื่องความเชื่อ ความศรัทธา ในตำนานแทรกกลับเข้ามาอยู่ดี จัดเป็นงานที่มาเพื่อความบันเทิงล้วนๆ และก็ตอบสนองคนดูได้เต็มอิ่มในจุดนั้น ไม่ผิดหวัง ตั้งแต่ต้นจนจบหนังมีเส้นเรื่องที่หักเห ยอกย้อน มีความกระฉับกระเฉงอยู่ในตัว เช่นเดียวกับฉากแอ็คชั่นที่มีความกระชับ ไม่เยิ่นเย้อพิรี้พิไร ไม่เว่อร์จนเหลือรับ แต่ถ้าจะมองหาอะไรที่มากกว่านั้น อะไรที่จับจิตจับใจเป็นพิเศษ..คงไม่มี
คะแนน 3/5 ดาว
อ่านรีวิว และข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518
(รีวิว) Hercules (2014) : ทุกตำนานล้วนมีหลังฉาก
หนังของ เบร็ต แรตเนอร์ ฉบับนี้สนุกมากกว่า The Legend of Hercules ของ เรนนี่ ฮาร์ลิน ที่ชิงออกมาฉายตัดหน้าเมื่อหลายเดือนก่อนอยู่หลายขุมทีเดียว เรียกว่าดีกว่าในทุกมิติ ทั้งในส่วนของงานโปรดักชั่น เรื่องราว และงาน 3D
เบร็ต แรตเนอร์ ตีความตำนาน เฮอร์คิวลีส เสียใหม่ ด้วยการโยงเข้ากับเรื่องของ Propaganda (โฆษณาชวนเชื่อ) ได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นการนำเสนอตำนานของเทพเจ้ากรีกร่างยักษ์บักหลั่นรายนี้ออกมาในมุมที่ยึดติดกับความเป็นไปได้ โดยที่เรื่องของอภินิหารต่างๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อที่มีความจริงอีกแบบหนึ่งอยู่ในฉากหลัง
เราจึงได้เห็น เฮอร์คิวลีส ในแบบที่มีเลือดมีเนื้อแบบมนุษย์ปุถุชน และชื่อเสียงในความเก่งกาจของเขาไม่ได้สร้างขึ้นมาเพียงลำพัง หากแต่มีพลพรรคที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่เป็นกำแพงเหล็กคอยช่วยเหลือ รวมถึงยังมีนักเล่าเรื่องที่เป็นเหมือนกระบอกเสียง (พีอาร์) คอยทำหน้าที่โพนทะนากิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ให้น่าเกรงขามมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
โดยรวมแล้วเป็นไอเดียในการตีความใหม่ที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อย และก็ไม่ได้ทำลายโครงเรื่องดั้งเดิมให้เสียหาย เพราะหนังยังคงปิดท้ายด้วยการหยอดประเด็นเรื่องความเชื่อ ความศรัทธา ในตำนานแทรกกลับเข้ามาอยู่ดี จัดเป็นงานที่มาเพื่อความบันเทิงล้วนๆ และก็ตอบสนองคนดูได้เต็มอิ่มในจุดนั้น ไม่ผิดหวัง ตั้งแต่ต้นจนจบหนังมีเส้นเรื่องที่หักเห ยอกย้อน มีความกระฉับกระเฉงอยู่ในตัว เช่นเดียวกับฉากแอ็คชั่นที่มีความกระชับ ไม่เยิ่นเย้อพิรี้พิไร ไม่เว่อร์จนเหลือรับ แต่ถ้าจะมองหาอะไรที่มากกว่านั้น อะไรที่จับจิตจับใจเป็นพิเศษ..คงไม่มี
คะแนน 3/5 ดาว
อ่านรีวิว และข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518