อาจจะช้าและล้าลังไปนิดนะคับ พอดีว่าเป็นสมาชิกใหม่ เพิ่งยืนยันตัวตนเสร็จ ไม่คิดว่าจะยุ่งยากอย่างนี้ 555+
อันนี้อย่าว่าสปอยเลยนะคับ พอดีเห็นว่าหนังลาโรงไปแล้ว และผมก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่แผ่นจะออกมาซะที อยากดูอีกมากๆ
ลองฟังดูสักนิดนะคับ
ปกติเวลาดูหนังแต่ละเรื่องจบ ก็จะเกิดความรู้สึกแค่เพียงว่า เฮ้ย!! สนุกอ่ะ สนุกเนอะ สนุกดี บางเรื่องสนุกมากหน่อยก็ปลื้มไปหลายวัน แต่ไม่เคยที่จะเก็บเอามาแสดงทัศนะเลยอย่างที่บางคนอาจจะเรียกว่า “วิจารณ์” หนัง แต่ในที่นี้ไม่อยากใช้คำว่าวิจารณ์เพราะฟังดูเป็นแง่ลบไปหน่อย จึงอยากใช้คำว่าแสดงทัศนะแทน
ความคิดเห็นส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้และจบลงด้วยจุดอ่อนของมาเลฟิเซนต์ คือ “การแพ้โลหะ” โลหะเป็นอันตรายต่อนางฟ้า ซึ่งอาจถือเป็นจุดเริ่มเรื่องก็ได้ เนื่องจากความรักของมาเลฟิเซนต์เกิดขึ้นเพราะประทับใจที่สเตฟานลงทุนถอดแหวนโลหะอันเป็นสมบัติเพียงไม่กี่ชิ้นที่เขามีเพียงเพื่อให้ได้สัมผัสมือกับมาเลฟิเซนต์ ความประทับใจแรกพบนี้เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีทีละน้อยในทุกเวลาที่พบกันจนก่อตัวเป็นความรักที่ยั่งยืน
และจุดอ่อนนี้เองที่ราชาสเตฟานนำมาใช้หาวิธีในการกำจัดมาเลฟิเซนต์ด้วยการสร้างตาข่ายโลหะจับตัวมาเลฟิเซนต์ จนทำให้มาเลฟิเซนต์พลาดท่าเสียทีจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด (ดูถึงตอนนี้ผมกลัวมาก กลัวว่ามาเลฟิเซนต์จะตาย ผมไม่ยอมจริงๆ ด้วย) และที่ผมบอกว่าความประทับใจของมาเลฟิเซนต์ที่มีต่อสเตฟานค่อยๆ ก่อตัวจนกลายเป็นความรักที่ยั่งยืน ผมว่าผมพูดไม่ผิดนะครับ เพราะถึงแม้มาเลฟิเซนต์จะแค้นราชาสเตฟานเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังรักสเตฟานอยู่ เห็นได้ในฉากที่มาเลฟิเซนต์ยืนไว้อาลัยให้กับราชาสเตฟานในตอนสุดท้ายของเรื่อง และอีกเหตุผลนึงที่ยืนยันได้ถึงความรักที่มาเลฟิเซนต์มีต่อสเตฟานก็คือมาเลฟิเซนต์รักเจ้าหญิงออโรร่าเสมือนกับเป็นลูกของตัวเอง
เรื่องนี้มีความสมบูรณ์มากในแง่ของการจับเอาเรื่องราวต่างๆ มาเชื่อมโยงให้เกิดความมีเหตุมีผล และนำเสนอเรื่องราวอีกด้านหนึ่งที่ไม่เคยถูกกล่าวถึงมาเชื่อมโยงกับฉบับการ์ตูนดิสนีย์โดยไม่ทำให้ต้นฉบับเพี้ยนไป (ยกเว้นตอนท้ายเรื่องที่มาเลฟิเซนต์ไม่ตายเท่านั้น) เริ่มตั้งแต่การที่ถูกหักหลังทำให้เชื่อใจจนถูกขโมยปีกไป อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้มาเลฟิเซนต์แค้นเคืองและบุกไปที่วังเพื่อแก้แค้นโดยการสาปพระธิดาน้อย บุตรอันเป็นที่รักของราชาสเตฟาน (ในวันที่ถูกตัดปีกไป มาเลฟิเซนต์เจ็บปวดมากจนเดินเหมือนเดิมไม่ไหว ได้เสกกิ่งไม้ที่หยิบขึ้นมาได้ให้เป็นไม้เท้าคอยค้ำยันเวลาเดิน และได้ช่วยชีวิตอีกาที่กำลังจะถูกตีตายให้รอดพ้นจากความตาย และกลายมาเป็นบริวารคอยรับใช้ กลายมาเป็นคาแร็คเตอร์ของมาเลฟิเซนต์ที่เราได้เห็นกันในฉบับการ์ตูนที่ต้องถือไม้เท้าและมีบริวารเป็นนกอีกา)
แล้วทำไมต้องสาปให้เจ้าหญิงถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มแทงในวันเกิดครบรอบอายุ 16 ปี เดิมทีมาเลฟิเซนต์ไม่ได้มีไอเดียว่าเจ้าหญิงจะต้องถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มแทง แต่พอดีในขณะนั้นเหลือบไปเห็นเข็มปั่นด้ายพอดี และเหตุที่ต้องโดนในวันเกิดครบรอบอายุ 16 ปี ก็เพราะในวันเกิดครบรอบอายุ 16 ปีของมาเลฟิเซนต์นั้น สเตฟานได้ให้ของขวัญเป็นจุมพิตจากรักแท้ มาเลฟิเซนต์จึงได้ให้วิธีแก้คำสาปไว้ว่า เจ้าหญิงจะฟื้นขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อได้รับจุมพิตจากรักแท้เท่านั้น ซึ่งมาเลฟิเซนต์เชื่อว่ารักแท้ไม่มีอยู่จริง จึงได้ให้วิธีแก้ซึ่งดูเหมือนไม่ใช่วิธีแก้เพื่อทบทวนความทรงจำให้แก่ราชาสเตฟานที่เคยทำกับตัวเองไว้ในอดีต
หลังจากนั้น มาเลฟิเซนต์ก็ได้เฝ้าดูการเจริญเติบโตของเจ้าหญิง ซึ่งก็เปรียบเสมือนตัวแทนของชายที่ตัวเองรัก หลายครั้งที่มาเลฟิเซนต์คอยช่วยเหลือเจ้าหญิงไม่ให้ได้รับอันตราย และยังส่งบริวารมาคอยเลี้ยงดูเพราะนางฟ้าทั้ง 3 นั้นไม่สามารถพึ่งพาได้ หากปล่อยให้นางฟ้าทั้ง 3 เลี้ยงดูเจ้าหญิงเอง เจ้าหญิงคงไม่ได้โตมาจนถึงอายุ 16 ปีแน่ๆ สาเหตุที่มาเลฟิเซนต์ต้องคอยช่วยเหลือเจ้าหญิงในยามได้รับอันตราย ก็คงเพราะไม่อาจขัดขืนความเมตตาที่มีอยู่ในตัวเองได้ เพราะมาเลฟิเซนต์คือนางฟ้า หาใช่ปีศาจชั่วร้ายไม่ อีกอย่างหนึ่งมาเลฟิเซนต์เองเป็นคนสาปว่า “เจ้าหญิงจะเติบโตมาเป็นหญิงที่สะสวยน่ารักเป็นที่รักแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น แต่...” โดยคงลืมนึกถึงตัวเองไปว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้พบเห็นเจ้าหญิงเช่นกัน
ในฉากหนึ่งที่มาเลฟิเซนต์แอบมองดูเจ้าหญิงว่า จะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ในดินแดนมัวร์ เมื่อเจ้าหญิงรู้ตัวว่าถูกแอบมองก็ได้ขอให้ออกมาและบอกว่าอย่ากลัวไปเลย มาเลฟิเซนต์แอบหัวเราะเพราะมันช่างเหมือนกับตอนที่มาเลฟิเซนต์บอกแก่สเตฟานในตอนเด็ก วันที่สเตฟานขโมยหินล้ำค่าในดินแดนมัวร์ไป มาเลฟิเซนต์เองก็เคยบอกแก่สเตฟานเช่นนั้น และเมื่อได้เล่าถึงปีกของตัวเองที่โดนขโมยไป มาเลฟิเซนต์ก็รู้สึกสะเทือนใจจนควบคุมน้ำเสียงไว้ไม่อยู่ เจ้าหญิงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นจึงกุมมือของมาเลฟิเซนต์ไว้ ทำให้มาเลฟิเซนต์สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของเจ้าหญิง
การได้อยู่ใกล้ชิดคอยดูแลกันทำให้มาเลฟิเซนต์ไม่อาจสะกดความรักของตัวเองที่มีต่อเจ้าหญิงได้อีก จึงพยายามถอนคำสาปที่ตัวเองได้สาปไว้ แต่ไม่เป็นผลเพราะมาเลฟิเซนต์เองได้สาปกำกับไว้อีกชั้นหนึ่งว่าคำสาปนั้นจะคงอยู่ตลอดไปและไม่มีสิ่งใดจะมาลบล้างได้ ถึงกระนั้น ในวันเกิดอายุครบ 16 ปีของเจ้าหญิงซึ่งคำสาปจะต้องเป็นจริง มาเลฟิเซนต์ก็พยายามหาทางช่วยอย่างสุดกำลัง ด้วยการนำเจ้าชายฟิลิปส์เข้าไปในวังเพื่อให้ช่วยแก้คำสาปของตัวเอง แต่...คนที่เพิ่งได้พบกันแค่ครั้งเดียวจะเกิดเป็น “ความรักที่แท้จริง” ได้อย่างไร จุมพิตของเจ้าชายจึงไม่อาจช่วยให้เจ้าหญิงฟื้นจากนิทราได้
มาเลฟิเซนต์เสียใจมาก จึงได้ให้คำสัญญากับร่างที่หลับใหลของเจ้าหญิงไว้ว่า จากนี้ไปตราบใดที่ตัวเองยังอยู่จะไม่ปล่อยให้มีภยันตรายใดๆ เข้ามาทำร้ายเจ้าหญิงได้อีก และได้ก้มจูบหน้าผากเจ้าหญิงดุจแม่ที่เอ็นดูลูก ความรักนี้เองที่เป็นความรักที่แท้จริง เจ้าหญิงจึงได้ตื่นจากนิทรา และจะพากันไปอยู่ที่มัวร์ ดินแดนที่มีแต่ความสุขตลอดไป แต่ก็ยังมีอุปสรรคอยู่เมื่อราชาสเตฟานรอคอยที่จะกำจัดมาเลฟิเซนต์โดยใช้ตาข่ายโลหะที่ผมได้พูดถึงในตอนต้น เมื่อมาเลฟิเซนต์พลาดท่า จึงได้เสกให้อีกาบริวารของตัวเองกลายเป็นมังกร ซึ่งก็ตรงกับต้นฉบับการ์ตูนที่มีมังกรพ่นไฟด้วย เพียงแต่มังกรนั้นคือบริวาร ไม่ใช่ตัวมาเลฟิเซนต์เอง และเป็นการต่อสู้กับเหล่าทหารของราชาสเตฟาน ไม่ใช่การต่อสู้กับเจ้าชายฟิลิปส์
ขณะที่มาเลฟิเซนต์กำลังเสียทีก็ยังเป็นห่วงเจ้าหญิง จึงได้ตะโกนให้เจ้าหญิงหนีไป เจ้าหญิงหนีไปจนเจอห้องห้องหนึ่งที่มีตู้เก็บรักษาปีกของมาเลฟิเซนต์ไว้ เจ้าหญิงนึกขึ้นมาได้ถึงสิ่งที่มาเลฟิเซนต์เคยเล่าให้ฟังว่าปีกของมาเลฟิเซนต์นั้นสีดำใหญ่แข็งแรง จึงได้ทำลายตู้นั้น และปีกคู่นั้นของมาเลฟิเซนต์ก็ได้บินกลับไปหาเจ้าของและช่วยมาเลฟิเซนต์ได้อย่างทันท่วงที
หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ ผมเชื่ออย่างมากว่าหลายๆ คนจะรักในตัวละครมาเลฟิเซนต์นี้ และอาจย้อนกลับไปดูฉบับการ์ตูนด้วยความรู้สึกอีกแบบหนึ่งที่มีต่อมาเลฟิเซนต์ เธอไม่ใช่นางฟ้าใจร้ายอย่างที่เราเคยเข้าใจในอดีต และเราก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมนางฟ้าองค์นี้จึงต้องสาปเจ้าหญิงแสนสวยด้วย...
แสดงทัศนะภาพยนตร์ Maleficent
อันนี้อย่าว่าสปอยเลยนะคับ พอดีเห็นว่าหนังลาโรงไปแล้ว และผมก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่แผ่นจะออกมาซะที อยากดูอีกมากๆ
ลองฟังดูสักนิดนะคับ
ปกติเวลาดูหนังแต่ละเรื่องจบ ก็จะเกิดความรู้สึกแค่เพียงว่า เฮ้ย!! สนุกอ่ะ สนุกเนอะ สนุกดี บางเรื่องสนุกมากหน่อยก็ปลื้มไปหลายวัน แต่ไม่เคยที่จะเก็บเอามาแสดงทัศนะเลยอย่างที่บางคนอาจจะเรียกว่า “วิจารณ์” หนัง แต่ในที่นี้ไม่อยากใช้คำว่าวิจารณ์เพราะฟังดูเป็นแง่ลบไปหน่อย จึงอยากใช้คำว่าแสดงทัศนะแทน
ความคิดเห็นส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้และจบลงด้วยจุดอ่อนของมาเลฟิเซนต์ คือ “การแพ้โลหะ” โลหะเป็นอันตรายต่อนางฟ้า ซึ่งอาจถือเป็นจุดเริ่มเรื่องก็ได้ เนื่องจากความรักของมาเลฟิเซนต์เกิดขึ้นเพราะประทับใจที่สเตฟานลงทุนถอดแหวนโลหะอันเป็นสมบัติเพียงไม่กี่ชิ้นที่เขามีเพียงเพื่อให้ได้สัมผัสมือกับมาเลฟิเซนต์ ความประทับใจแรกพบนี้เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีทีละน้อยในทุกเวลาที่พบกันจนก่อตัวเป็นความรักที่ยั่งยืน
และจุดอ่อนนี้เองที่ราชาสเตฟานนำมาใช้หาวิธีในการกำจัดมาเลฟิเซนต์ด้วยการสร้างตาข่ายโลหะจับตัวมาเลฟิเซนต์ จนทำให้มาเลฟิเซนต์พลาดท่าเสียทีจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด (ดูถึงตอนนี้ผมกลัวมาก กลัวว่ามาเลฟิเซนต์จะตาย ผมไม่ยอมจริงๆ ด้วย) และที่ผมบอกว่าความประทับใจของมาเลฟิเซนต์ที่มีต่อสเตฟานค่อยๆ ก่อตัวจนกลายเป็นความรักที่ยั่งยืน ผมว่าผมพูดไม่ผิดนะครับ เพราะถึงแม้มาเลฟิเซนต์จะแค้นราชาสเตฟานเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังรักสเตฟานอยู่ เห็นได้ในฉากที่มาเลฟิเซนต์ยืนไว้อาลัยให้กับราชาสเตฟานในตอนสุดท้ายของเรื่อง และอีกเหตุผลนึงที่ยืนยันได้ถึงความรักที่มาเลฟิเซนต์มีต่อสเตฟานก็คือมาเลฟิเซนต์รักเจ้าหญิงออโรร่าเสมือนกับเป็นลูกของตัวเอง
เรื่องนี้มีความสมบูรณ์มากในแง่ของการจับเอาเรื่องราวต่างๆ มาเชื่อมโยงให้เกิดความมีเหตุมีผล และนำเสนอเรื่องราวอีกด้านหนึ่งที่ไม่เคยถูกกล่าวถึงมาเชื่อมโยงกับฉบับการ์ตูนดิสนีย์โดยไม่ทำให้ต้นฉบับเพี้ยนไป (ยกเว้นตอนท้ายเรื่องที่มาเลฟิเซนต์ไม่ตายเท่านั้น) เริ่มตั้งแต่การที่ถูกหักหลังทำให้เชื่อใจจนถูกขโมยปีกไป อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้มาเลฟิเซนต์แค้นเคืองและบุกไปที่วังเพื่อแก้แค้นโดยการสาปพระธิดาน้อย บุตรอันเป็นที่รักของราชาสเตฟาน (ในวันที่ถูกตัดปีกไป มาเลฟิเซนต์เจ็บปวดมากจนเดินเหมือนเดิมไม่ไหว ได้เสกกิ่งไม้ที่หยิบขึ้นมาได้ให้เป็นไม้เท้าคอยค้ำยันเวลาเดิน และได้ช่วยชีวิตอีกาที่กำลังจะถูกตีตายให้รอดพ้นจากความตาย และกลายมาเป็นบริวารคอยรับใช้ กลายมาเป็นคาแร็คเตอร์ของมาเลฟิเซนต์ที่เราได้เห็นกันในฉบับการ์ตูนที่ต้องถือไม้เท้าและมีบริวารเป็นนกอีกา)
แล้วทำไมต้องสาปให้เจ้าหญิงถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มแทงในวันเกิดครบรอบอายุ 16 ปี เดิมทีมาเลฟิเซนต์ไม่ได้มีไอเดียว่าเจ้าหญิงจะต้องถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มแทง แต่พอดีในขณะนั้นเหลือบไปเห็นเข็มปั่นด้ายพอดี และเหตุที่ต้องโดนในวันเกิดครบรอบอายุ 16 ปี ก็เพราะในวันเกิดครบรอบอายุ 16 ปีของมาเลฟิเซนต์นั้น สเตฟานได้ให้ของขวัญเป็นจุมพิตจากรักแท้ มาเลฟิเซนต์จึงได้ให้วิธีแก้คำสาปไว้ว่า เจ้าหญิงจะฟื้นขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อได้รับจุมพิตจากรักแท้เท่านั้น ซึ่งมาเลฟิเซนต์เชื่อว่ารักแท้ไม่มีอยู่จริง จึงได้ให้วิธีแก้ซึ่งดูเหมือนไม่ใช่วิธีแก้เพื่อทบทวนความทรงจำให้แก่ราชาสเตฟานที่เคยทำกับตัวเองไว้ในอดีต
หลังจากนั้น มาเลฟิเซนต์ก็ได้เฝ้าดูการเจริญเติบโตของเจ้าหญิง ซึ่งก็เปรียบเสมือนตัวแทนของชายที่ตัวเองรัก หลายครั้งที่มาเลฟิเซนต์คอยช่วยเหลือเจ้าหญิงไม่ให้ได้รับอันตราย และยังส่งบริวารมาคอยเลี้ยงดูเพราะนางฟ้าทั้ง 3 นั้นไม่สามารถพึ่งพาได้ หากปล่อยให้นางฟ้าทั้ง 3 เลี้ยงดูเจ้าหญิงเอง เจ้าหญิงคงไม่ได้โตมาจนถึงอายุ 16 ปีแน่ๆ สาเหตุที่มาเลฟิเซนต์ต้องคอยช่วยเหลือเจ้าหญิงในยามได้รับอันตราย ก็คงเพราะไม่อาจขัดขืนความเมตตาที่มีอยู่ในตัวเองได้ เพราะมาเลฟิเซนต์คือนางฟ้า หาใช่ปีศาจชั่วร้ายไม่ อีกอย่างหนึ่งมาเลฟิเซนต์เองเป็นคนสาปว่า “เจ้าหญิงจะเติบโตมาเป็นหญิงที่สะสวยน่ารักเป็นที่รักแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น แต่...” โดยคงลืมนึกถึงตัวเองไปว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้พบเห็นเจ้าหญิงเช่นกัน
ในฉากหนึ่งที่มาเลฟิเซนต์แอบมองดูเจ้าหญิงว่า จะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ในดินแดนมัวร์ เมื่อเจ้าหญิงรู้ตัวว่าถูกแอบมองก็ได้ขอให้ออกมาและบอกว่าอย่ากลัวไปเลย มาเลฟิเซนต์แอบหัวเราะเพราะมันช่างเหมือนกับตอนที่มาเลฟิเซนต์บอกแก่สเตฟานในตอนเด็ก วันที่สเตฟานขโมยหินล้ำค่าในดินแดนมัวร์ไป มาเลฟิเซนต์เองก็เคยบอกแก่สเตฟานเช่นนั้น และเมื่อได้เล่าถึงปีกของตัวเองที่โดนขโมยไป มาเลฟิเซนต์ก็รู้สึกสะเทือนใจจนควบคุมน้ำเสียงไว้ไม่อยู่ เจ้าหญิงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นจึงกุมมือของมาเลฟิเซนต์ไว้ ทำให้มาเลฟิเซนต์สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของเจ้าหญิง
การได้อยู่ใกล้ชิดคอยดูแลกันทำให้มาเลฟิเซนต์ไม่อาจสะกดความรักของตัวเองที่มีต่อเจ้าหญิงได้อีก จึงพยายามถอนคำสาปที่ตัวเองได้สาปไว้ แต่ไม่เป็นผลเพราะมาเลฟิเซนต์เองได้สาปกำกับไว้อีกชั้นหนึ่งว่าคำสาปนั้นจะคงอยู่ตลอดไปและไม่มีสิ่งใดจะมาลบล้างได้ ถึงกระนั้น ในวันเกิดอายุครบ 16 ปีของเจ้าหญิงซึ่งคำสาปจะต้องเป็นจริง มาเลฟิเซนต์ก็พยายามหาทางช่วยอย่างสุดกำลัง ด้วยการนำเจ้าชายฟิลิปส์เข้าไปในวังเพื่อให้ช่วยแก้คำสาปของตัวเอง แต่...คนที่เพิ่งได้พบกันแค่ครั้งเดียวจะเกิดเป็น “ความรักที่แท้จริง” ได้อย่างไร จุมพิตของเจ้าชายจึงไม่อาจช่วยให้เจ้าหญิงฟื้นจากนิทราได้
มาเลฟิเซนต์เสียใจมาก จึงได้ให้คำสัญญากับร่างที่หลับใหลของเจ้าหญิงไว้ว่า จากนี้ไปตราบใดที่ตัวเองยังอยู่จะไม่ปล่อยให้มีภยันตรายใดๆ เข้ามาทำร้ายเจ้าหญิงได้อีก และได้ก้มจูบหน้าผากเจ้าหญิงดุจแม่ที่เอ็นดูลูก ความรักนี้เองที่เป็นความรักที่แท้จริง เจ้าหญิงจึงได้ตื่นจากนิทรา และจะพากันไปอยู่ที่มัวร์ ดินแดนที่มีแต่ความสุขตลอดไป แต่ก็ยังมีอุปสรรคอยู่เมื่อราชาสเตฟานรอคอยที่จะกำจัดมาเลฟิเซนต์โดยใช้ตาข่ายโลหะที่ผมได้พูดถึงในตอนต้น เมื่อมาเลฟิเซนต์พลาดท่า จึงได้เสกให้อีกาบริวารของตัวเองกลายเป็นมังกร ซึ่งก็ตรงกับต้นฉบับการ์ตูนที่มีมังกรพ่นไฟด้วย เพียงแต่มังกรนั้นคือบริวาร ไม่ใช่ตัวมาเลฟิเซนต์เอง และเป็นการต่อสู้กับเหล่าทหารของราชาสเตฟาน ไม่ใช่การต่อสู้กับเจ้าชายฟิลิปส์
ขณะที่มาเลฟิเซนต์กำลังเสียทีก็ยังเป็นห่วงเจ้าหญิง จึงได้ตะโกนให้เจ้าหญิงหนีไป เจ้าหญิงหนีไปจนเจอห้องห้องหนึ่งที่มีตู้เก็บรักษาปีกของมาเลฟิเซนต์ไว้ เจ้าหญิงนึกขึ้นมาได้ถึงสิ่งที่มาเลฟิเซนต์เคยเล่าให้ฟังว่าปีกของมาเลฟิเซนต์นั้นสีดำใหญ่แข็งแรง จึงได้ทำลายตู้นั้น และปีกคู่นั้นของมาเลฟิเซนต์ก็ได้บินกลับไปหาเจ้าของและช่วยมาเลฟิเซนต์ได้อย่างทันท่วงที
หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ ผมเชื่ออย่างมากว่าหลายๆ คนจะรักในตัวละครมาเลฟิเซนต์นี้ และอาจย้อนกลับไปดูฉบับการ์ตูนด้วยความรู้สึกอีกแบบหนึ่งที่มีต่อมาเลฟิเซนต์ เธอไม่ใช่นางฟ้าใจร้ายอย่างที่เราเคยเข้าใจในอดีต และเราก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมนางฟ้าองค์นี้จึงต้องสาปเจ้าหญิงแสนสวยด้วย...