http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000082436
ล้วงลึกตัวตน 'โค้ชเช-เช ยอง ซอก' หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ในแบบที่ไม่มีสื่อไหนล้วงลึกไปถึง ผ่านการสัมภาษณ์เปิดใจ "แฟนคลับ" ตัวแม่ที่ตามติดโค้ชเชมานานเกือบ 2 ปี โดยเธอคนนี้ถือเป็นคนแรกๆ ที่รู้ว่าโค้ชเชจะกลับไทยเมื่อไร แถมยังสนิทกับภรรยา (จิน อุน ซุก) และลูกชาย (เช ชุน มิน) จนโค้ชเชให้ความไว้วางใจ รวมทั้งยังเป็นแอดมินเพจ 'โค้ชเช แฟนคลับ' ที่มีผู้ติดตามกว่าแสนคน
'แพรวพราว-กมลรัศม์ มงคลทรัพย์กุล' อายุ 23 ปี คือแฟนคลับ 'โค้ชเช' ตัวแม่ ที่จะพาไปรู้จักตัวตนของโค้ชท่านนี้ในแง่มุมต่างๆ ที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้
เปิดใจ "แฟนคลับ" ตัวแม่
"เมื่อวันอาทิตย์ (20 ก.ค.) ไปรับโค้ชเชตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง" คือคำถามแรกที่ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ถามเธอผ่านสายโทรศัพท์
"แพรวไปถึงสนามบินประมาณ 4 ทุ่มอยู่จนประมาณเที่ยงคืนถึงจะได้กลับบ้านค่ะ กว่าจะเข้าถึงตัวโค้ชเชต้องบอกว่ายากมาก เพราะคนเยอะมาก (ลากเสียงยาว) สุดท้ายก็เข้าถึงและได้คุยกับเขาหน่อยนึง เขายิ้มแล้วก็ขอบคุณแพรว เพราะแพรวทำเพจ เป็นแอดมิน โค้ชเช แฟนคลับ ซึ่งเขาจะส่งข้อความ หรือฝากข้อความมาบ่อยๆ เขาก็ขอบคุณที่ช่วยแปล ช่วยทำอะไรตรงนี้ให้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้พอสมควรค่ะ" เธอเริ่มเล่า ก่อนจะย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการเป็นแฟนคลับคนสนิทอย่างละเอียด
"แพรวได้รู้จักกับหยิน-สริตา ผ่องศรี เจ้าของเหรียญทองเทควันโดกวางโจวเกมส์ เอเชียนเกมส์ 2010 มาก่อน เพราะอยู่คณะเดียวกัน ตามมาด้วยเล็ก-ชนาธิป ซ้อนขำ ซึ่งเล็กเป็นนักเทควันโดหญิงชาวไทย และได้เข้าร่วมแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ส่วนโค้ชเชก็ได้ยินชื่อมาบ้างค่ะ แต่พอได้เจอกันบ่อยตามงานต่างๆ ทำให้แพรวกับโค้ชเชเริ่มสนิทจนค่อยๆ ชื่นชมในความเป็นโค้ช และความเป็นกันเองของเขา
แรกๆ ยอมรับว่าเกร็งมาก ไม่กล้าคุย แต่พอได้คุยก็เป็นกันเองดีค่ะ ทว่าลึกๆ ก็ยังเกร็งๆ อยู่ค่ะ (หัวเราะ) เพราะด้วยความที่เขาเป็นรุ่นใหญ่ด้วยไงค่ะ ถึงตอนนี้ ตามโค้ชเชมาประมาณ 2 ปีแล้ว ได้เห็นมุมน่ารักๆ ของโค้ชเชมากขึ้น ส่วนตัวมีโอกาสสนิทกับทั้งภรรยาและลูกชายของเขาด้วย ต้องบอกว่า น่ารักกันทั้งบ้านเลยค่ะ ความสนิทตอนนี้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโค้ชเชไปแล้วค่ะ" เธอเล่า และเผยให้ฟังต่อไปว่า
"ปกติในวงของแฟนคลับ จะได้ยินมาเยอะจากพี่ๆ นักกีฬาว่าโค้ชเชดุ แรกๆ ที่เข้าไปหนูก็กลัวนะ แถมลึกๆ ก็เกรงใจเขาด้วย แต่ในมุมของหนู เท่าที่รู้จักกันมา 2 ปี โค้ชเชใจดีมาก ไม่ดุเลยค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวของบางคนด้วยว่า เข้าไปหายังไง เพราะคนที่เข้ามาหาเขาส่วนใหญ่ก็จะเกรงใจเขาทุกคน เพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง"
ดุนอก นุ่มใน นี่แหละ 'โค้ชเช'
ถามว่าเคยถูก 'โค้ชเช' ดุบ้างไหม เธอยอมรับว่า เคย แต่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น
"เคยโดนดุไหม (นิ่งคิด) เคยเรื่องเดียวค่ะ ดุในเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นประเด็นสักเท่าไร คือหนูจะสนิทกับลูกชายโค้ชเชมาก เวลาซื้อของเล่นก็จะซื้อให้เยอะ พอเขาเห็นว่าเราซื้อของเล่นให้ลูกเขาเยอะ เขาก็จะดุว่า ซื้ออะไรมาเยอะแยะ ซื้อมาทำไม เปลืองอย่างโน่นอย่างนี้ (ทำน้ำเสียงดุๆ) แต่การดุของเขาจะออกแนวสุภาพๆ น่ารักๆ นะคะ ไม่ได้ดุแบบว่าจริงจัง หรือดุให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไรขึ้นมา"
แม้ภายนอกจะดูดุในสายตาใครหลายคน แต่ถ้ารู้จักโค้ชท่านนี้ดีแล้วจะสัมผัสได้ถึงความน่ารัก และความห่วงใย โดยเฉพาะความห่วงใยที่มีต่อแฟนคลับทุกคน
"อย่างตัวแพรวเอง เคยตามโค้ชเชไปเกาหลี หนูไปคนเดียว ลงที่สนามบินอินชอน แต่การแข่งขันจัดขึ้นที่ซูวอน ซึ่งเป็นต่างจังหวัดของเกาหลี ก่อนไปหนูก็จองที่พักไว้เรียบร้อย ไปถึงสนามบินก็วางแผนว่าจะนั่งรถไฟไปเอง ซึ่งไม่ได้ไปกับนักกีฬา แม้จะมาเที่ยวบินเดียวกันก็ตาม แต่โค้ชเชก็มารับที่สนามบินแล้วก็บอกเราว่า เนี่ย เขาจองที่พักไว้ให้แล้วนะ
ส่วนที่พักที่แพรวจองเอาไว้ เขาก็โทร.ไปยกเลิก แล้วก็บอกแพรวว่า เดี๋ยวขึ้นรถไปนอนที่เดียวกันกับนักกีฬา แล้วก็ฝากให้ดูแลกันและกัน อย่างนักกีฬาผู้ชายเขาก็ฝากให้ดูแลแพรว เพราะแพรวเป็นผู้หญิงคนเดียว ส่วนแพรวเขาก็ฝากให้ดูแลน้องๆ นักกีฬาด้วย โดยเฉพาะเรื่องภาษา เพราะหนูก็พอพูดภาษาเกาหลีได้ หลังจากแข่งขันเสร็จ โค้ชเชก็จะมีพาไปเที่ยว พาไปกินข้าวตลอด ซึ่งหนูก็ต้องขอบคุณเขาที่ดูแลเราเป็นอย่างดี" แพรวเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อตัวโค้ชเช
มาถึงประเด็นที่ไม่ถามไม่ได้ ตามติด 'โค้ชเช' แบบนี้ ภรรยาของเขามีอาการหึงหวงบ้างไหม เรื่องนี้ เธอชี้แจงว่า "ขึ้นอยู่กับการวางตัวของคนที่มาตามด้วยค่ะ แต่ภรรยาเขาจะเป็นคนที่ภูมิใจในตัวโค้ชเชมาก เธอมักจะเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่า เวลาไปไหนมีแต่คนมาขอลายเซ็น หรือมาขอถ่ายรูป อย่างวันที่กลับมาไทย หนูก็เข้าไปคุยกับเธอก่อน ซึ่งเธอก็จะเล่าว่า ขากลับมามีคนไทยบนเครื่องเยอะมาก เดินมาขอลายเซ็นโค้ชเชกันเต็มไปหมดเลย"
ด้วยความวางตัวดี เธอจึงเข้ากันได้ดีกับภรรยาและลูกของเขา ทุกวันนี้นอกจากจะตามให้กำลังใจโค้ชเชแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาไทยให้ภรรยาของเขาด้วย
"ที่สนใจภาษาเกาหลี ไม่ใช่เพราะว่าต้องการจะสื่อสารกับโค้ชเชเป็นหลัก เพราะโค้ชเขาก็พูดภาษาไทยได้ แต่เป็นการเรียนและแลกเปลี่ยนกับภรรยาเขามากกว่าค่ะ อย่างตอนนี้ก็สอนภาษาไทยให้ภรรยาเขา เวลาพูดภาษาเกาหลีมาเราก็จะสอนภาษาไทย จากนั้นก็สลับกันสอนค่ะ"
รักที่สุดของโค้ชเช คือ 'ครอบครัว'
ลึกลงไปถึงบทบาทคุณพ่อ และสามีของโค้ชเช ในฐานะแฟนคลับคนสนิท แพรวเล่าให้ฟังจากความใกล้ชิดว่า ครอบครัวคือที่หนึ่งของโค้ชเช
"เวลาจะทำอะไรเขาจะนึกถึงครอบครัวก่อนเสมอ หรือจะบอกว่า คิดถึงอยู่ตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ เขาเคยบอกว่า เขาเสียใจที่ดูแลครอบครัวได้ไม่เท่าทีมชาติ เวลาเขาจะไปแข่งต่างประเทศเขาก็จะรู้ว่าหนูสนิทกับครอบครัวของเขา เขาก็จะคอยบอกอยู่ตลอดเวลาว่า ฝากครอบครัวผมด้วย ถ้าเกิดมีอะไรให้บอกผมด้วย ซึ่งเขาจะถามอยู่ตลอดเวลาว่า ครอบครัวผมเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม หนูก็ต้องคอยเล่นกับน้องแล้วก็ส่งรูปให้เขาดูตลอด หรือเวลาใครไม่สบายก็บอกให้หนูพาไปหมอ หรือช่วยดูแลคนในครอบครัวของเขาด้วย"
ส่วนตัวเธอเองนั้น โค้ชเช เปรียบเสมือนพ่ออีกคนที่คอยสอน และสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง
"อายุของเขาคงพี่ชายไม่ได้แล้วค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ 41 ปีแล้ว เหมือนเป็นพ่ออีกคนของหนูมากกว่า มีอะไรจะปรึกษากันได้ตลอด อย่างตอนที่เรียนจบใหม่ๆ แล้วกำลังมองหาสถานที่ทำงาน โค้ชเชก็ช่วยทุกอย่าง พยายามหางานให้ตลอด แถมยังอนุญาตให้เป็นคนรับรองในใบสมัครงานด้วย พอได้งานแล้ว เขาก็จะคอยถามตลอดว่า ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
อย่างงานที่ทำอยู่นี้ ตอนแรกที่บอกชื่อบริษัทไป เขาก็บอกว่า ผมรู้จักๆ เดี๋ยวผมติดต่อให้เอามั้ย หนูก็ขอให้เขาเป็นคนรับรองให้อย่างเดียว เพราะอยากลองทำด้วยตัวเอง สุดท้ายก็ได้ทำงานที่ บริษัท CJ IMC (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทของเกาหลี นำเข้าและส่งออกสินค้าค่ะ" แพรวเผย และเล่าให้ฟังต่อไปอีกว่า
"หรืออย่างงานรับปริญญาหนู ตอนแรกโค้ชเชเขาก็จะไป แต่วันนั้นฝนตกพอดีแล้วเขาก็ออกมา เขาโทร.หาตั้งแต่เช้าว่า อยากจะไปนะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปทันหรือเปล่า สุดท้ายเขาก็มาไม่ทัน พอตกเย็น หนูออกจากหอประชุมหนูก็ได้คุยกับเขา ตอนนั้นมีงานของที่สมาคมเทควันโค หนูไปช่วยเป็นล่ามให้กับเยาวชนโอลิมปิกจากทั่วโลก เขาก็มาหาที่โรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เพื่อมาแสดงความยินดีแล้วก็ถ่ายรูปร่วมกันค่ะ"
จากใจ 'แฟนคลับ' ถึง 'โค้ชเช'
ปิดท้ายกันที่การเปิดใจถึงกรณีข่าวที่เกิดขึ้น แพรวสารภาพว่า ไม่เคยทำให้ความรัก และความเชื่อมั่นในตัวโค้ชเชลดน้อยถอยลงไปเลย
"คือหนูมั่นใจในตัวโค้ชอยู่แล้วค่ะว่าเขาเป็นคนอย่างไร ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเขาเป็นคนที่ทำอะไรแล้วมีเหตุผลเสมอ ตอนทราบข่าวหนูก็คุยกับเขาตลอด หนูก็ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เล่าให้ฟังมาบ้าง แล้วตอนโพสต์มาบอกว่า เขาจะไม่กลับไทย ตอนนั้นก็เสียขวัญไปพอสมควรเหมือนกัน ตั้งสติอยู่พักหนึ่งก็พยายามนึกถึงคำพูดของเขาว่า เขาอยู่ที่ประเทศไทย ก็เพราะนักกีฬานะ
หนูก็เลยติดต่อกับพี่นักกีฬาทีมชาติรุ่นเก่าๆ ให้ช่วยเขียนความรู้สึกให้กำลังใจโค้ชกันหน่อยได้ไหม พี่ๆ เขาก็เขียนส่งกันมาเยอะ อารมณ์นักกีฬา หลายคนจะค่อนข้างขี้อาย ไม่กล้าทำซึ้งออกสื่อ หนูก็จะแคปเจอร์หน้าจอแล้วก็เขียนแปลเป็นภาษาเกาหลีส่งให้โค้ชเช
ตอนที่นั่งแปล ได้นั่งอ่านความรู้สึกของพี่ๆ เขา หนูนี่น้ำตาไหลเยอะเหมือนกันนะ ได้เห็นมุมที่โค้ชทำอะไรหลายๆ อย่างให้นักกีฬาแต่ละคน กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมายิ่งมีแต่เรื่องดีๆ เหมือนรักโค้ชเชเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำค่ะ" เธอเผยความรู้สึก พร้อมกับฝากข้อความทิ้งท้ายไปถึงโค้ชเชว่า
"มีคนเป็นกำลังใจให้โค้ชเยอะ แล้วก็หลายอย่างได้บอกโค้ชไปหมดแล้ว คือได้คุยกันตลอด (เสียงสั่น) โค้ชก็เหมือนพ่อคนหนึ่งของหนู ดีใจที่โค้ชกลับมา อยากให้โค้ชสู้ต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ขอให้สู้ต่อ เพราะหลายๆ คน รวมถึงตัวหนูที่เชื่อมั่นในตัวโค้ชและก็เป็นกำลังใจให้ตลอดค่ะ"
เรื่องโดย ASTVผู้จัดการ Live
ล้วงตัวตน "โค้ชเช" ผ่านการเปิดใจ "แฟนคลับ" ตัวแม่
ล้วงลึกตัวตน 'โค้ชเช-เช ยอง ซอก' หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ในแบบที่ไม่มีสื่อไหนล้วงลึกไปถึง ผ่านการสัมภาษณ์เปิดใจ "แฟนคลับ" ตัวแม่ที่ตามติดโค้ชเชมานานเกือบ 2 ปี โดยเธอคนนี้ถือเป็นคนแรกๆ ที่รู้ว่าโค้ชเชจะกลับไทยเมื่อไร แถมยังสนิทกับภรรยา (จิน อุน ซุก) และลูกชาย (เช ชุน มิน) จนโค้ชเชให้ความไว้วางใจ รวมทั้งยังเป็นแอดมินเพจ 'โค้ชเช แฟนคลับ' ที่มีผู้ติดตามกว่าแสนคน
'แพรวพราว-กมลรัศม์ มงคลทรัพย์กุล' อายุ 23 ปี คือแฟนคลับ 'โค้ชเช' ตัวแม่ ที่จะพาไปรู้จักตัวตนของโค้ชท่านนี้ในแง่มุมต่างๆ ที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้
เปิดใจ "แฟนคลับ" ตัวแม่
"เมื่อวันอาทิตย์ (20 ก.ค.) ไปรับโค้ชเชตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง" คือคำถามแรกที่ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ถามเธอผ่านสายโทรศัพท์
"แพรวไปถึงสนามบินประมาณ 4 ทุ่มอยู่จนประมาณเที่ยงคืนถึงจะได้กลับบ้านค่ะ กว่าจะเข้าถึงตัวโค้ชเชต้องบอกว่ายากมาก เพราะคนเยอะมาก (ลากเสียงยาว) สุดท้ายก็เข้าถึงและได้คุยกับเขาหน่อยนึง เขายิ้มแล้วก็ขอบคุณแพรว เพราะแพรวทำเพจ เป็นแอดมิน โค้ชเช แฟนคลับ ซึ่งเขาจะส่งข้อความ หรือฝากข้อความมาบ่อยๆ เขาก็ขอบคุณที่ช่วยแปล ช่วยทำอะไรตรงนี้ให้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้พอสมควรค่ะ" เธอเริ่มเล่า ก่อนจะย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการเป็นแฟนคลับคนสนิทอย่างละเอียด
"แพรวได้รู้จักกับหยิน-สริตา ผ่องศรี เจ้าของเหรียญทองเทควันโดกวางโจวเกมส์ เอเชียนเกมส์ 2010 มาก่อน เพราะอยู่คณะเดียวกัน ตามมาด้วยเล็ก-ชนาธิป ซ้อนขำ ซึ่งเล็กเป็นนักเทควันโดหญิงชาวไทย และได้เข้าร่วมแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ส่วนโค้ชเชก็ได้ยินชื่อมาบ้างค่ะ แต่พอได้เจอกันบ่อยตามงานต่างๆ ทำให้แพรวกับโค้ชเชเริ่มสนิทจนค่อยๆ ชื่นชมในความเป็นโค้ช และความเป็นกันเองของเขา
แรกๆ ยอมรับว่าเกร็งมาก ไม่กล้าคุย แต่พอได้คุยก็เป็นกันเองดีค่ะ ทว่าลึกๆ ก็ยังเกร็งๆ อยู่ค่ะ (หัวเราะ) เพราะด้วยความที่เขาเป็นรุ่นใหญ่ด้วยไงค่ะ ถึงตอนนี้ ตามโค้ชเชมาประมาณ 2 ปีแล้ว ได้เห็นมุมน่ารักๆ ของโค้ชเชมากขึ้น ส่วนตัวมีโอกาสสนิทกับทั้งภรรยาและลูกชายของเขาด้วย ต้องบอกว่า น่ารักกันทั้งบ้านเลยค่ะ ความสนิทตอนนี้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโค้ชเชไปแล้วค่ะ" เธอเล่า และเผยให้ฟังต่อไปว่า
"ปกติในวงของแฟนคลับ จะได้ยินมาเยอะจากพี่ๆ นักกีฬาว่าโค้ชเชดุ แรกๆ ที่เข้าไปหนูก็กลัวนะ แถมลึกๆ ก็เกรงใจเขาด้วย แต่ในมุมของหนู เท่าที่รู้จักกันมา 2 ปี โค้ชเชใจดีมาก ไม่ดุเลยค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวของบางคนด้วยว่า เข้าไปหายังไง เพราะคนที่เข้ามาหาเขาส่วนใหญ่ก็จะเกรงใจเขาทุกคน เพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง"
ดุนอก นุ่มใน นี่แหละ 'โค้ชเช'
ถามว่าเคยถูก 'โค้ชเช' ดุบ้างไหม เธอยอมรับว่า เคย แต่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น
"เคยโดนดุไหม (นิ่งคิด) เคยเรื่องเดียวค่ะ ดุในเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นประเด็นสักเท่าไร คือหนูจะสนิทกับลูกชายโค้ชเชมาก เวลาซื้อของเล่นก็จะซื้อให้เยอะ พอเขาเห็นว่าเราซื้อของเล่นให้ลูกเขาเยอะ เขาก็จะดุว่า ซื้ออะไรมาเยอะแยะ ซื้อมาทำไม เปลืองอย่างโน่นอย่างนี้ (ทำน้ำเสียงดุๆ) แต่การดุของเขาจะออกแนวสุภาพๆ น่ารักๆ นะคะ ไม่ได้ดุแบบว่าจริงจัง หรือดุให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไรขึ้นมา"
แม้ภายนอกจะดูดุในสายตาใครหลายคน แต่ถ้ารู้จักโค้ชท่านนี้ดีแล้วจะสัมผัสได้ถึงความน่ารัก และความห่วงใย โดยเฉพาะความห่วงใยที่มีต่อแฟนคลับทุกคน
"อย่างตัวแพรวเอง เคยตามโค้ชเชไปเกาหลี หนูไปคนเดียว ลงที่สนามบินอินชอน แต่การแข่งขันจัดขึ้นที่ซูวอน ซึ่งเป็นต่างจังหวัดของเกาหลี ก่อนไปหนูก็จองที่พักไว้เรียบร้อย ไปถึงสนามบินก็วางแผนว่าจะนั่งรถไฟไปเอง ซึ่งไม่ได้ไปกับนักกีฬา แม้จะมาเที่ยวบินเดียวกันก็ตาม แต่โค้ชเชก็มารับที่สนามบินแล้วก็บอกเราว่า เนี่ย เขาจองที่พักไว้ให้แล้วนะ
ส่วนที่พักที่แพรวจองเอาไว้ เขาก็โทร.ไปยกเลิก แล้วก็บอกแพรวว่า เดี๋ยวขึ้นรถไปนอนที่เดียวกันกับนักกีฬา แล้วก็ฝากให้ดูแลกันและกัน อย่างนักกีฬาผู้ชายเขาก็ฝากให้ดูแลแพรว เพราะแพรวเป็นผู้หญิงคนเดียว ส่วนแพรวเขาก็ฝากให้ดูแลน้องๆ นักกีฬาด้วย โดยเฉพาะเรื่องภาษา เพราะหนูก็พอพูดภาษาเกาหลีได้ หลังจากแข่งขันเสร็จ โค้ชเชก็จะมีพาไปเที่ยว พาไปกินข้าวตลอด ซึ่งหนูก็ต้องขอบคุณเขาที่ดูแลเราเป็นอย่างดี" แพรวเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อตัวโค้ชเช
มาถึงประเด็นที่ไม่ถามไม่ได้ ตามติด 'โค้ชเช' แบบนี้ ภรรยาของเขามีอาการหึงหวงบ้างไหม เรื่องนี้ เธอชี้แจงว่า "ขึ้นอยู่กับการวางตัวของคนที่มาตามด้วยค่ะ แต่ภรรยาเขาจะเป็นคนที่ภูมิใจในตัวโค้ชเชมาก เธอมักจะเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่า เวลาไปไหนมีแต่คนมาขอลายเซ็น หรือมาขอถ่ายรูป อย่างวันที่กลับมาไทย หนูก็เข้าไปคุยกับเธอก่อน ซึ่งเธอก็จะเล่าว่า ขากลับมามีคนไทยบนเครื่องเยอะมาก เดินมาขอลายเซ็นโค้ชเชกันเต็มไปหมดเลย"
ด้วยความวางตัวดี เธอจึงเข้ากันได้ดีกับภรรยาและลูกของเขา ทุกวันนี้นอกจากจะตามให้กำลังใจโค้ชเชแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาไทยให้ภรรยาของเขาด้วย
"ที่สนใจภาษาเกาหลี ไม่ใช่เพราะว่าต้องการจะสื่อสารกับโค้ชเชเป็นหลัก เพราะโค้ชเขาก็พูดภาษาไทยได้ แต่เป็นการเรียนและแลกเปลี่ยนกับภรรยาเขามากกว่าค่ะ อย่างตอนนี้ก็สอนภาษาไทยให้ภรรยาเขา เวลาพูดภาษาเกาหลีมาเราก็จะสอนภาษาไทย จากนั้นก็สลับกันสอนค่ะ"
รักที่สุดของโค้ชเช คือ 'ครอบครัว'
ลึกลงไปถึงบทบาทคุณพ่อ และสามีของโค้ชเช ในฐานะแฟนคลับคนสนิท แพรวเล่าให้ฟังจากความใกล้ชิดว่า ครอบครัวคือที่หนึ่งของโค้ชเช
"เวลาจะทำอะไรเขาจะนึกถึงครอบครัวก่อนเสมอ หรือจะบอกว่า คิดถึงอยู่ตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ เขาเคยบอกว่า เขาเสียใจที่ดูแลครอบครัวได้ไม่เท่าทีมชาติ เวลาเขาจะไปแข่งต่างประเทศเขาก็จะรู้ว่าหนูสนิทกับครอบครัวของเขา เขาก็จะคอยบอกอยู่ตลอดเวลาว่า ฝากครอบครัวผมด้วย ถ้าเกิดมีอะไรให้บอกผมด้วย ซึ่งเขาจะถามอยู่ตลอดเวลาว่า ครอบครัวผมเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม หนูก็ต้องคอยเล่นกับน้องแล้วก็ส่งรูปให้เขาดูตลอด หรือเวลาใครไม่สบายก็บอกให้หนูพาไปหมอ หรือช่วยดูแลคนในครอบครัวของเขาด้วย"
ส่วนตัวเธอเองนั้น โค้ชเช เปรียบเสมือนพ่ออีกคนที่คอยสอน และสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง
"อายุของเขาคงพี่ชายไม่ได้แล้วค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ 41 ปีแล้ว เหมือนเป็นพ่ออีกคนของหนูมากกว่า มีอะไรจะปรึกษากันได้ตลอด อย่างตอนที่เรียนจบใหม่ๆ แล้วกำลังมองหาสถานที่ทำงาน โค้ชเชก็ช่วยทุกอย่าง พยายามหางานให้ตลอด แถมยังอนุญาตให้เป็นคนรับรองในใบสมัครงานด้วย พอได้งานแล้ว เขาก็จะคอยถามตลอดว่า ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง
อย่างงานที่ทำอยู่นี้ ตอนแรกที่บอกชื่อบริษัทไป เขาก็บอกว่า ผมรู้จักๆ เดี๋ยวผมติดต่อให้เอามั้ย หนูก็ขอให้เขาเป็นคนรับรองให้อย่างเดียว เพราะอยากลองทำด้วยตัวเอง สุดท้ายก็ได้ทำงานที่ บริษัท CJ IMC (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทของเกาหลี นำเข้าและส่งออกสินค้าค่ะ" แพรวเผย และเล่าให้ฟังต่อไปอีกว่า
"หรืออย่างงานรับปริญญาหนู ตอนแรกโค้ชเชเขาก็จะไป แต่วันนั้นฝนตกพอดีแล้วเขาก็ออกมา เขาโทร.หาตั้งแต่เช้าว่า อยากจะไปนะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปทันหรือเปล่า สุดท้ายเขาก็มาไม่ทัน พอตกเย็น หนูออกจากหอประชุมหนูก็ได้คุยกับเขา ตอนนั้นมีงานของที่สมาคมเทควันโค หนูไปช่วยเป็นล่ามให้กับเยาวชนโอลิมปิกจากทั่วโลก เขาก็มาหาที่โรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เพื่อมาแสดงความยินดีแล้วก็ถ่ายรูปร่วมกันค่ะ"
จากใจ 'แฟนคลับ' ถึง 'โค้ชเช'
ปิดท้ายกันที่การเปิดใจถึงกรณีข่าวที่เกิดขึ้น แพรวสารภาพว่า ไม่เคยทำให้ความรัก และความเชื่อมั่นในตัวโค้ชเชลดน้อยถอยลงไปเลย
"คือหนูมั่นใจในตัวโค้ชอยู่แล้วค่ะว่าเขาเป็นคนอย่างไร ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเขาเป็นคนที่ทำอะไรแล้วมีเหตุผลเสมอ ตอนทราบข่าวหนูก็คุยกับเขาตลอด หนูก็ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เล่าให้ฟังมาบ้าง แล้วตอนโพสต์มาบอกว่า เขาจะไม่กลับไทย ตอนนั้นก็เสียขวัญไปพอสมควรเหมือนกัน ตั้งสติอยู่พักหนึ่งก็พยายามนึกถึงคำพูดของเขาว่า เขาอยู่ที่ประเทศไทย ก็เพราะนักกีฬานะ
หนูก็เลยติดต่อกับพี่นักกีฬาทีมชาติรุ่นเก่าๆ ให้ช่วยเขียนความรู้สึกให้กำลังใจโค้ชกันหน่อยได้ไหม พี่ๆ เขาก็เขียนส่งกันมาเยอะ อารมณ์นักกีฬา หลายคนจะค่อนข้างขี้อาย ไม่กล้าทำซึ้งออกสื่อ หนูก็จะแคปเจอร์หน้าจอแล้วก็เขียนแปลเป็นภาษาเกาหลีส่งให้โค้ชเช
ตอนที่นั่งแปล ได้นั่งอ่านความรู้สึกของพี่ๆ เขา หนูนี่น้ำตาไหลเยอะเหมือนกันนะ ได้เห็นมุมที่โค้ชทำอะไรหลายๆ อย่างให้นักกีฬาแต่ละคน กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมายิ่งมีแต่เรื่องดีๆ เหมือนรักโค้ชเชเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำค่ะ" เธอเผยความรู้สึก พร้อมกับฝากข้อความทิ้งท้ายไปถึงโค้ชเชว่า
"มีคนเป็นกำลังใจให้โค้ชเยอะ แล้วก็หลายอย่างได้บอกโค้ชไปหมดแล้ว คือได้คุยกันตลอด (เสียงสั่น) โค้ชก็เหมือนพ่อคนหนึ่งของหนู ดีใจที่โค้ชกลับมา อยากให้โค้ชสู้ต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ขอให้สู้ต่อ เพราะหลายๆ คน รวมถึงตัวหนูที่เชื่อมั่นในตัวโค้ชและก็เป็นกำลังใจให้ตลอดค่ะ"
เรื่องโดย ASTVผู้จัดการ Live