อยากรู้ว่าจริงๆแล้วผมรู้สึกกับผู้หญิงคนนี้ยังไง?

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ ผมได้สิงอยู่ในบอร์ดพันทิปมาสักระยะหนึ่งแล้ว เห็นหลายๆคนแชร์เรื่องความรักกันมา ขอคำปรึกษาบ้าง ระบายบ้าง วันนี้ผมจะมาขอพื้นที่ตรงนี้แชร์เรื่องความรักที่เกิดขึ้นกับผม เพราะอยากทราบความคิดเห็นที่แตกต่างจากหลายๆคน  สืบเนื่องจากช่วงนี้มีกระทู้เรื่องแต่ง(แต่ไม่บอกคนอ่านว่าแต่งขึ้น)เยอะ ขอยืนยันก่อนเลยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง (ถึงแม้จะไม่ค่อยน่าสนใจก็เถอะ เม่าเหม่อ ) แต่ในบางรายละเอียดอาจจำไม่ได้เป๊ะๆ *****หลังจากอ่านเรื่องราวของผมแล้ว ช่วยตอบผมหน่อยนะครับ ว่าตกลงแล้วผมรู้สึกยังไงกับเธอคนนี้กันแน่ แล้วเธอหล่ะรู้สึกยังไงกับผม*****

      เรื่องเกิดขึ้นตอนผมอยู่ปี1 ในมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคเหนือ ผมได้บังเอิญเจอรุ่นพี่คนหนึ่งในขณะที่กำลังเติมลมยางรถมอเตอร์ไซค์ ผมไม่ได้เห็นเธอครั้งแรก แต่ครั้งนี้ผมกลับชอบเธอแบบบอกไม่ถูก เราได้ทักทายกันแบบรุ่นพี่-รุ่นน้องคณะในวันนั้น และแยกย้ายกัน แต่เรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นอีกจนได้ในวันถัดมา ผมได้ย้ายชมรมไปเข้าชมรมซอฟท์บอล และเธอดันเป็นรุ่นพี่ชมรม พอดีกับที่ผมสนิทกับรุ่นพี่ชมรมอีกคน มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมได้รู้จักเธอ ผมค้นหาเฟสบุ๊คเธอทันทีที่กลับไปถึงหอ (ตอนนั้นเพิ่งเริ่มเล่นเฟสบุ๊คได้ไม่ถึงปี) จนในที่สุดผมก็เจอ และเราก็ได้เริ่มคุยกันตั้งแต่นั้นมา ผมตีเนียนทำเป็นคุยกับเธอโดยไม่ให้เธอรู้ว่าผมจีบ เป็นแบบนั้นอยู่สัก3เดือน ผมจึงบอกกับเธอตรงๆว่าผมชอบเธอ และอยากให้เธอเป็นแฟนผม เธอบอกว่าขอเวลาเธอคิดก่อน ผมก็คิดว่า โอเค ผมไม่รีบร้อนอยู่แล้ว ในระหว่างที่ผมรอคำตอบจากเธอ เราก็มีไปกินข้าว ดูหนัง กันบ้าง และเวลาก็ผ่านไปอีก 6เดือน จนในที่สุดวันที่ผมดีใจมากๆก็มาถึง ในขณะที่ผมออกกำลังกายกับเพื่อนอยู่เธอก็โทรมา แล้วถามว่า "จำที่ตัวเคยถามเค้าได้มั้ย?" ผมพูดตรงๆเลยผมจำไม่ได้ แต่เอาวะ ตามน้ำไปก่อนละกัน "อื้มจำได้" เธอสวนกลับมาว่า "เฮ้ย ยังไม่ได้บอกเลยว่าเรื่องอะไร" เงิบครับ แล้วเธอก็ถามอีกว่า "ตัวยังอยากคุยกับเค้าอยู่มั้ย" ผมก็งงดิ่ อ่าวเฮ้ย นี่มันประโยคบอกเลิกป่าววะ แต่ตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นไรกันนิ "อยากดิ่"ผมตอบไปอย่างรวดเร็วเท่าที่สมองจะคิดทัน "งั้นตกลงเค้าคบกับตัว" หลังจบประโยคนี้ผมเงียบไปนานมาก แบบว่าดีใจมากนั่งยิ้มอยู่คนเดียวจนพี่ที่ฟิตเนสถามว่า "เป็นบ้าป่าว?" หลังจากนั้นมาผมก็คบกับเธอ มีบ้างที่แอบเขว มีคุยกับคนอื่น แต่ก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว ผมก็จะหยุดทุกครั้งที่มันเริ่มจะไปไกล และผมจะสารภาพกับเธอทุกครั้งที่ผมทำผิด เวลาผมออกไปเที่ยวกับเพื่อนตอนกลางคืน เธอก็ไม่เคยโทรจิกโทรตาม มีเพียงแค่ให้โทรหาเธอตอนผมกลับเท่านั้น ถ้าวันไหนผมกลับดึกมาก เธอก็จะส่งsmsมาบอกผมว่าเธอจะนอนแล้วและให้ผมดูแลตัวเองดีๆ ซึ่งผมมองว่าเธอน่ารักมาก นับตั้งแต่เป็นแฟนกัน ผ่านมาประมาณ 6เดือน ช่วงเทอม2ของปี2 ส่วนเธอก็อยู่ปี3 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เธอไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ผมเพราะเธอต้องทำวิจัย ผมเลยแอบน้อยใจนิดๆ ช่วงนั้นยอมรับเลยว่าติดเพื่อนมาก เพื่อนชวนไปไหนก็ไปหมด เพื่อที่จะไม่ได้มีเวลามานั่งคิดมากเรื่องเธอ เธอบอกว่าหลังจากที่ทำวิจัยเสร็จ ก็คงมีเวลาได้เจอกันบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน ผมก็รอเวลานั้นเรื่อยมา (โดยที่มีงอแงบ้าง งี่เง่าบ่อยๆ 55555 เม่าบัลเล่ต์) และแล้วฤดูกาลแห่งการสอบไฟนอลก็พัดผ่านไป เราก็ยังไม่ได้คุยกันเหมือนเคย เพราะเธอยุ่งอยู่กับเรื่องที่จะต้องไปฝึกงานในเทอม1 ปี4ที่กำลังจะมาถึง ส่วนผม ปี3 เทอม1 ก็ยังคงว่างต่อไป เราเริ่มคุยกันน้อยลง หลังจากเธอไปฝึกงานที่ กทม เราอยู่ไกลกัน จะเจอกันก็ลำบาก แถมยังไม่ค่อยมีเวลาคุยกันอีก ผมคิดแค่ว่า ทำไมไม่สละเวลามาคุยกับผมหน่อย สักวันละ5นาทีก็ยังดี นี่เหนื่อยขนาดนั้นเลยหรอ พาลคิดไปไกลว่า เธออาจจะมีคนใหม่ แต่อีกใจที่มันรู้จักเธอดีก็คิดว่าอย่างเธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอก และสุดท้ายผมก็เก็บความรู้สึกที่มีต่อไปไม่ได้ ผมเลยโทรหาเธอและพูดแนวประชดว่า ถ้าคบกันแล้วไม่มีเวลาให้กัน ก็เลิกกันไปเลยไม่ดีกว่าหรอ ผมไม่คิดว่าคำตอบที่ออกมาจะทำร้ายผมได้ "จะเอางั้นใช่มั้ย อืม งั้นก็เลิกกันเลยละกัน" จบประโยคนี้ผมstun ไป10วิ เงิบครับ บอกเลย ทำไรไม่ถูก เธอไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน ก่อนหน้านั้นถึงผมจะงี่เง่า แล้วเคยท้าเธอเลิก แต่เธอก็มักจะใช้เหตุผลมาสยบอารมณ์ผมตลอด เธอมักจะบอกให้ผมใจเย็นลงแล้วค่อยมาเคลียร์กัน ซึ่งก็ได้ผลตลอด เราจบเรื่องที่ทะเลาะกันได้ด้วยดีทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ ผมคิดได้เพียงว่าเธอคงเหลืออดกับการเอาแต่ใจของผมเต็มทนแล้ว คบกันไปผมคิดว่าเธอก็คงจะเหนื่อยกับผมเปล่าๆ เพราะงั้นเลิกก็คงดีที่สุดแล้ว ผมก็ได้แต่เงียบต่อไป ละเธอก็พูดต่อว่า งั้นเค้าไปทำงานต่อละนะ บายๆ ผมอยากจะพูดออกมาว่า เดี๋ยว ผมไม่อยากเลิก อะไรประมาณนั้น แต่ติดstunอยู่ ทำอะไรไม่ได้เลย หลังจากนั้นมา ผมก็ยังติดตามเธอใน FB twitter ig ตลอด ก็เห็นว่าเธอมีความสุขดี ถ้างั้นมันก็ดีแล้วหล่ะ ถ้าชีวิตเธอไม่มีผมแล้วเธอจะมีความสุขขนาดนี้ ก็โอเคละ ผมอยากให้เธอกลับมาแค่ไหนก็ไม่สำคัญแล้ว หลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีใครมาสักระยะ ****ต่อจากนี้จะมีตัวละครเพิ่มขึ้นมา ผมจะขอแทนเธอว่า A และแทนอีกคนที่กำลังจะเจอว่า B**** จนในที่สุดผมก็พบกับน้องในคณะคนหนึ่ง(ซึ่งผมจะแทนว่าB) Bเป็นคนน่ารัก และเข้ากับคนง่าย ผมเห็นแล้วก็ชอบ เราจึงเริ่มคุยกัน ผมกับBก็ไปกินข้าว ดูหนังอะไรกันตามปกติ โดยที่ผมยังคงคิดถึง Aอยู่ตลอด แต่จะมีบางเวลาที่ผมก็ลืมAไป (ถึงตรงนี้ทุกคนคงเริ่มคิดว่าผมไม่ดีแล้ว แต่มันยังไม่จบแค่นี้) และผ่านไปไม่กี่เดือนผมก็คบกับ B และเป็นช่วงที่ ปี4กลับมาจากฝึกงานพอดี ผมจึงมีโอกาสได้พบกับ Aอีกครั้ง เรานัดกันไปกินข้าวและคุยเรื่องต่างๆ ผมยอมรับเลยว่าครั้งนั้นเป็นการเจอกันที่ทำให้หัวใจผมพองโตอีกครั้ง แต่ทำยังไงได้ในเมื่อผมคบกับ Bไปแล้ว ผมบอกกับA ว่าผมคบกับน้องคนหนึ่งอยู่ เธอแสดงความยินดีให้อย่างจริงใจ ผมเลยอดคิดไม่ได้ว่า เธอแสดงความดีใจให้เห็นอย่างปกติ เธอคงไม่คิดอะไรกับผมแล้ว หลังจากนั้นมา ผมกับAก็มีโทรคุยกับ้างบางครั้ง โดยที่Aก็ไม่ค่อยอยากคุยกับผมเท่าไหร่ สาเหตุคงมาจากการที่ผมมีแฟนอยู่แล้วละยังคุยกับเธอต่อไป จนช่วงใกล้จะจบปี3 เป็นช่วงที่ผมทะเลาะกับ Bบ่อยมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าผมไม่ค่อยมีเวลาให้ เพราะต้องทำวิจัยมหาโหด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยไม่เข้าใจว่า  ทำไมA ไม่มีเวลาให้ผมตอนทำวิจัย ตอนนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่ามันโหดจริงๆ และผมก็มีโอกาสได้คุยกับ A ผมบอกกับAว่า ผมอยากจะเลิกกับ B อยากให้Aยังอยู่เคียงข้างผม (ทุกคนคงคิดว่าผมเริ่มเลวขึ้นทุกที แต่อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะครับ) แต่Aก็ขอให้ผมคิดใหม่และทบทวนดีๆ อย่าใช้อารมณ์ตอนโมโหตัดสินเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ไม่นานหลังจากนั้น ผมได้คุยกับรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มของA ผมได้รู้ความจริงว่า Aเจ็บปวดแค่ไหนตอนที่เลิกกับผม Aรู้สึกแย่แค่ไหนที่ผมเปลี่ยนไป บวกกับผมย้อนกลับไปอ่านข้อความเก่าๆของAที่เคยส่งให้ผมตอนเราคบกัน ก่อนหน้านั้นผมเห็นมันเป็นข้อความปกติที่ส่งหากันเฉยๆ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นของล้ำค่าที่สุดสำหรับผม ผมเห็นความจริงที่ว่า เธอไม่เคยทำตัวเหินห่างจากผม เธอไม่เคยรำคาญผม เธอไม่เคยคิดจะเลิกกับผม แต่ทั้งหมด มันเกิดจากตัวผมเอง ผมมันเด็ก ผมมันงี่เง่า ผมมันไร้สาระและเอาแต่ใจ ชอบคิดมาก ชอบคิดไปเองตลอด ผมจึงตัดสินใจว่าผมจะทำตามใจตัวเอง ผมจะกลับไปคบกับเธอให้ได้ และเรื่องเลวร้ายก็ได้เกิดขึ้น ผมจับได้ว่า Bมีคนอื่น ซึ่งผมก็ตะหงิดๆมาสักพักแล้ว Bยอมรับว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนั้นผมไม่สน ผมคิดเพียงแต่ว่า "เฮ้ย งี้ก็เลิกเลยละกัน จะได้กลับไปหาA" ผมคิดแบบนั้นจริงๆ (ทุกคนจะด่าจะว่าอะไรผมก็ได้ T^T) หลังจากที่เลิกกับ B ผมก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กลับไปคบกับ Aอีกครั้ง ผมบอกAว่า ผมขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ผมจะไม่เป็นเหมือนก่อน ผมจะไม่งี่เง่า ผมจะไม่นอกใจ และหลายๆอย่างที่ผมพยายามสรรหามาโน้มน้าวA โดยที่ผมไม่รูว่าผมจะทำได้จริงหรือไม่ Aตอบตกลง  ว่าจะให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของผม ผมดีใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ผมก็โทรหาเธอ ไปเจอเธอตามปกติ เหมือนที่เคยทำตอนคบกัน    แต่แล้ว.. B กลับมา พร้อมกับขอโอกาส เช่นเดียวกับที่ผมขอโอกาส A สุดท้ายผมใจอ่อน และกลับไปคบกับB โดยที่เมื่อAรู้เรื่อง เธอคงผิดหวังในตัวผมมาก แม้เธอจะไม่เคยแสดงอารมณ์โมโหให้ผมเห็น เธอจะดูเป็นผู้ใหญ่อยู่เสมอ แต่ในตอนนั้นเธอได้อัพสเตตัสเฟสบุ๊ค ซึ่งปกติ ไม่เคยอัพอะไรประเภทนี้เลย เธอบอกว่าเธอผิดหวังกับคนๆหนึ่งมาก เธอไม่อยากจะเห็นหน้าคนๆนั้นอีก เธอเข็ดกับความรัก เธอไม่คุยกับผมเลยนับแต่นั้นมา จนกระทั่งผ่านไปหลายเดือน ผมก็รวบรวมความกล้าโทรหาเธออีกครั้ง (ในตอนนั้นผมก็ยังคบกับBอยู่) ผมได้ยินเสียงที่เรียบเฉย ไร้ความรู้สึกของเธอ ผมเสียใจมากที่มันเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่อยู่ข้างๆผมคือ B ไม่ใช่ A  (Aเคยบอกว่าให้ดูแลคนที่อยู่ข้างๆให้ดีที่สุด ไม่ว่าสุดท้ายคนๆนั้นจะเป็นAหรือB) Bรู้เรื่องที่ผมคุยกับAเข้า BพาลโมโหAเป็นอย่างมาก ตรงนี้ผมก็เข้าใจได้ว่าไม่มีใครหรอกที่อยากให้แฟนตัวเองคุยกับแฟนเก่า ผมยอมรับผิด ซึ่งเรื่องของผมกับ Bกำลังจะจบลงด้วยการทะเลาะกันแทบทุกวัน เหตุผลคือ ผมอยู่ในช่วงฝึกงาน และผมก็เลือกฝึกที่ กทม ซึ่งก็ทำให้เราไกลกัน ผมไม่ค่อยได้โทรหา B เพราะผังเวลาชีวิตของผมเปลี่ยนไปอย่างมาก ปกติผมเป็นคนเฉื่อยชาอยู่แล้ว ละมาอยู่ในกทม รู้สึกลำบาก ปรับตัวแทบไม่ทัน บวกกับต้องขับรถไปทำงานเองทุกวัน ทุกเช้าผมต้องเจอรถติดประมาณ2ชั่วโมงทุกวัน พักเที่ยงผมก็ต้องรีบกินรีบกลับ พอตอนเย็นยิ่งลำบากใหญ่ จากออฟฟิศไปบ้านผม 25กม. แถมรถยังติดโคตรรรร ออกจากออฟฟิศ5โมงครึ่ง ถึงบ้านประมาณ2ทุ่ม พอกลับมาถึงผมก็ต้องกินข้าว(ที่ซื้อจาก7เกือบทุกวัน เพราะรีบหนีรถติดกลัมา7แถวบ้าน) อาบน้ำ และนอนเพื่อที่จะตื่นเช้าไหว ยอมรับว่าพลังงานหมดจริงๆ เม่าตาสว่าง  แม้งานจะไม่หนัก แต่การเดินทางนี่ลำบากมาก (แต่หลังๆผมเริ่มศึกษาเส้นทางมากขึ้น และหาทางลัดเลาะไปจนทำเวลาได้ดีขึ้น นางพญาเม่า ) และสุดท้ายผมทนแรงกดดันจาก B ที่ท้าผมเลิกทุกวันไม่ไหว ผมเลยตกลงเลิกไป ผมนั่งมองย้อนว่า เหตุการณ์มันคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นกับ Aเลย เพียงแต่สลับที่กัน แต่ช่วงนั้นผมไม่มีเวลามานั่งคิดมากเรื่องนี้ เอาจริงๆแทบไม่รู้สึกhurt ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน(ฝึกงาน)ต่อไป จนผมได้กลับมาคุยกับ Aอีกครั้ง และได้รู้ว่า ที่ทำงานเราใกล้กัน (จริงๆก็ไม่ใกล้มากหรอก แต่ผมมโนว่าใกล้กันมาก) ผมจึงเริ่มนัด Aบ่อยๆ Aก็ถามว่า ผมกับ Bเป็นไงบ้าง ผมก็บอกว่าผมเลิกกับBแล้ว ไม่ได้คุยกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ความรู้สึกดีๆแบบเดิมกลับมาหาผมอีกครั้ง  และมีช่วงหนึ่งผมกลับบ้าน ทางภาคเหนือ และได้เจอB เราคุยกันปกติ แต่เหมือนBจะยังรู้สึกดีกับผมอยู่ และผมก็ยอมรับว่า พอคุยกันแล้วผมก็รู้สึกดีกับ B แต่Bก็บอกว่า Bคบกับคนอื่นแล้วนะ ให้ผมไม่ต้องห่วง ผมก็ อ่าว จริงดิ ไวมากเลยอะ  ละเราก็คุยกันแบบพี่น้อง จนกระทั่งวันหนึ่ง B เมา และโทรมาหาผม บอกให้ผมกลับไปคบกับB ผมก็บอกเธอว่า อ่าว ก็มีแฟนแล้วไม่ใช่หรอ เธอบอกว่า เธอโกหก เธอแต่งเรื่องขึ้น เพื่อให้ผมสบายใจ ผมก็เกิดความสงสารB ผมเลยบอกว่า งั้นเราก็คุยๆกันดูๆกันไปละกันนะ และช่วงนั้นเราก็มีงอนมีง้อกันบ้าง จนในที่สุดผมก็บอกกับ Bว่า จริงๆแล้วผมยังลืมAไม่ได้ เพราะงั้นเราเป็นแค่พี่น้องกันเถอะ Bไม่ยอมและบอกให้ผมไปเจอBให้ได้ในคืนนั้น พอดีตอนนั้นผมอยู่บ้านที่จ.xxx (ผมจะกลับบ้านที่จ.xxxทุกสองอาทิตย์)
ผมก็ไปเจอเธอ เธอก็พยายามง้อผม แต่เธอดันหยิบมือถือผมขึ้นมาและเปิดไปเจอข้อความที่ผมส่งกับA เธอถึงกับโยนมือถือผมทิ้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมกลับกลายเป็นฝ่ายง้อเธอคืน ไม่ยอมให้เธอไป จนในที่สุดเธอก็ยอม แต่คืนนั้นเอง เป็นคืนที่ผมช็อคมาก   ***** ต่อ คห.ต่อไปนะครับ ที่จะเต็มแล้วบวกกับเรื่องเริ่มตื่นเต้น 5555 *****

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่