วินัย
กรกฎาคม 21, 2014 Posted by วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
http://www.thaivi.org/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%a2/
นอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว มีอีกประเทศหนึ่งที่ดิฉันให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือประเทศเยอรมนีค่ะ ดิฉันสนใจมากจนกระทั่งตัดสินใจเลือกเรียนสายศิลปะ และเลือกเรียนภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่สาม
เมื่อเราเรียนภาษาต่างประเทศ นอกจากเราจะเรียนภาษาแล้ว เรายังต้องเรียนถึงวัฒนธรรมและความรู้สึกนึกคิดของเจ้าของภาษาด้วย ดิฉันชื่นชมคนเยอรมันมากในฐานะที่มีวินัยยอดเยี่ยม ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่เห็นเยอรมนีครองแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่สี่
ได้อ่านข้อความในเฟซบุ้คส่วนตัวของ ดร. ชฎามาศ ธุวะเศษฐกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. เกี่ยวกับการสำรวจอุปนิสัยของคนเยอรมันโดยบีบีซี เพื่อหาคำตอบว่า ทำไมเยอรมันจึงเป็นประเทศเดียวในโลกที่เป็นประเทศอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ 19 ข้อ และได้หาข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
1.ระดับหนี้สินต่อครัวเรือนของคนเยอรมันอยู่ในระดับต่ำมากที่สุดในยุโรป ชาวบ้านทั่วไปนิยมจ่ายเงินสดมากกว่าบัตรเครดิต ขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็ไม่ชอบที่จะมีหนี้เกินตัว
2.ธนาคารไม่อนุมัติบัตรเครดิตให้กันง่ายๆ ในขณะที่ชาวเยอรมันก็ไม่ต้องการได้บัตรเครดิตง่ายๆเช่นกัน
3.คนเยอรมันสามารถออมเงินได้ 10%ของเงินเดือนแทบทุกคน
4.ผู้คนส่วนใหญ่มีเงินฝากในธนาคารเป็นกอบเป็นกำ ทำให้ระบบการหมุนเวียนของเงินกู้กับเงินฝากสมดุลกันได้ดี
5.คนเยอรมันไม่นิยมเอาบ้านหรือรถยนต์ไปจำนองเพื่อนำเงินมาทำธุรกิจ เพราะถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียทรัพย์สินที่มีอยู่
6.คนเยอรมันใช้เวลาทำงานต่อสัปดาห์น้อยกว่าคนในหลายชาติทั่วโลก (ทำงานเฉลี่ยปีละ 1,413 ชั่วโมง) แต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า โดยคิดเป็นรายได้ของประเทศวัดโดยจีดีพี เท่ากับ 55.3 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,800 บาทต่อชั่วโมงทำงาน
7.การทำงานล่วงเวลาถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากการให้เวลากับครอบครัวหลังเลิกงานถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
8.เวลาแปดชั่วโมงต่อวัน คนเยอรมันทำงานอย่างจริงจังในเวลางาน ไม่เสียเวลาไปกับการพูดคุยเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับงาน เป็นที่รู้กันว่าอีเมลล์ส่วนตัว Facebook และโทรศัพท์มือถือ ไม่ควรใช้ในชั่วโมงทำงาน
9.นักข่าวอังกฤษที่ไปทำงานในโรงงาน Faber & Castel ที่เยอรมนี ถูกต่อว่าจากเพื่อนร่วมงาน ทันทีที่หยิบโทรศัพท์ เพื่อต้องการส่ง SMS แค่ครั้งเดียว
10.ชีวิตในที่ทำงานเขาจริงจังกันมาก ไม่มีการพูดคุย นินทา ไม่อยากรู้อยากเห็นว่า ใครเป็นแฟนกับใคร ใครเลิกกับใคร ใครจะไปออกเดทกับใคร ไม่แม้แต่จะเล่าเรื่องละครทีวีที่ดูเมื่อคืน เลิกงานแล้วจะไปไหน จะไปทานดินเนอร์กับใคร ก็ไม่มีการคุยกัน
11.การมาทำงานสายจะถูกมองว่าเป็นคนไม่รักษาสัญญา จะมาสายสามนาทีหรือสามสิบนาที ก็ถือว่าเป็นคนไม่มีคุณภาพ เพราะขาดความเคารพต่อตนเองและองค์กร
12.สองในสามของคุณแม่มือใหม่จะไม่ทำงานนอกบ้าน การบอกว่าเป็นแม่บ้าน (Housewife) ในประเทศอื่นๆอาจจะทำให้รู้สึกเขินอายเหมือนกับว่าตนเองไม่มีงานทำ แต่ที่นี่มีแต่ความภูมิใจหากจะได้เป็น Housewife
13.รัฐบาลให้สวัสดิการดี กับคุณแม่ที่ต้องออกจากงาน ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้แม่ได้เลี้ยงดูลูกด้วยตนเอง การให้เวลากับลูกถือเป็นสิ่งสำคัญ
14.ในวันอาทิตย์ ร้านรวงทั่วไปตามแหล่ง shopping จะปิดเงียบ เพื่อให้ผู้คนส่วนใหญ่มีเวลาอยู่กับครอบครัว เมื่อสถาบันครอบครัวแข็งแรง ประเทศชาติก็จะแข็งแรง
15.ในยามยากของเศรษฐกิจ บริษัทส่วนใหญ่ไม่ใช้วิธี lay off (เลิกจ้าง) พนักงาน ไม่นิยมการปลดคนงานออกแบบกะทันหันเพื่อความอยู่รอดของบริษัท
16.อาจจะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปเสียแล้วที่บริษัทจะเป็นห่วงความอยู่รอดของพนักงานก่อน เพื่อที่จะได้ช่วยกันประคองให้บริษัทอยู่รอด
17.พนักงานยินดีที่จะถูกลดรายได้อย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อให้ทุกคนอยู่ได้และบริษัทอยู่รอด สิ่งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงการรักพวกพ้อง รักองค์กร และรักชาติในที่สุด
18.ฟุตบอลทีมชาติของเยอรมนีจะไม่ค่อยมีดาวเด่นที่โด่งดังระดับโลก แต่ก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 สมัย ด้วยทักษะการเล่นอย่างเป็นทีมเวิร์คมากกว่าความสำเร็จจากความสามารถเฉพาะบุคคล
19.การใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประหยัด จริงจังในหน้าที่ มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบสูง รักครอบครัว รักพวกพ้อง รักชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปนิสัยขั้นพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ในเยอรมนีได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา
คนเยอรมันผ่านความยากลำบากหลังสงครามโลกสองครั้ง ประเทศถูกแบ่งเป็นสองซีก ต้องสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ต้องชดใช้หนี้อันเกิดจากความสูญเสียในสงครามในฐานะผู้แพ้ และต้องกัดฟันแบกรับภาระในการดูแลซีกที่อ่อนแอกว่าเมื่อประเทศถูกรวมเป็นประเทศเดียวอีกครั้ง จนสามารถกลับขึ้นมาผงาดในฐานะมหาอำนาจอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ทางสงคราม
สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาเพียง 40 ปี หากคนเยอรมันไม่มี “วินัย”
ดิฉันเชื่อว่า หากทำการวิจัยผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา นักกีฬา นักแสดง ศิลปิน หรือนักธุรกิจ ในโลกนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทุกคนต้องมี คือ “การมีวินัย”
“วินัย” เป็นเรื่องที่ต้องฝึก ต้องใช้ความอดทน “วินัย” มีความหมายรวมไปถึงการมีวินัยต่อตนเอง คือการควบคุมตัวเองได้บังคับตัวเองให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบหรือฝืนใจได้ เพื่อหวังผลสำเร็จในอนาคต
สัปดาห์หน้า ดิฉันจะเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองในการฝึกวินัยค่ะ
https://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
วินัย by วิวรรณ
กรกฎาคม 21, 2014 Posted by วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
http://www.thaivi.org/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%a2/
นอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว มีอีกประเทศหนึ่งที่ดิฉันให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือประเทศเยอรมนีค่ะ ดิฉันสนใจมากจนกระทั่งตัดสินใจเลือกเรียนสายศิลปะ และเลือกเรียนภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่สาม
เมื่อเราเรียนภาษาต่างประเทศ นอกจากเราจะเรียนภาษาแล้ว เรายังต้องเรียนถึงวัฒนธรรมและความรู้สึกนึกคิดของเจ้าของภาษาด้วย ดิฉันชื่นชมคนเยอรมันมากในฐานะที่มีวินัยยอดเยี่ยม ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่เห็นเยอรมนีครองแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่สี่
ได้อ่านข้อความในเฟซบุ้คส่วนตัวของ ดร. ชฎามาศ ธุวะเศษฐกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. เกี่ยวกับการสำรวจอุปนิสัยของคนเยอรมันโดยบีบีซี เพื่อหาคำตอบว่า ทำไมเยอรมันจึงเป็นประเทศเดียวในโลกที่เป็นประเทศอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ 19 ข้อ และได้หาข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
1.ระดับหนี้สินต่อครัวเรือนของคนเยอรมันอยู่ในระดับต่ำมากที่สุดในยุโรป ชาวบ้านทั่วไปนิยมจ่ายเงินสดมากกว่าบัตรเครดิต ขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็ไม่ชอบที่จะมีหนี้เกินตัว
2.ธนาคารไม่อนุมัติบัตรเครดิตให้กันง่ายๆ ในขณะที่ชาวเยอรมันก็ไม่ต้องการได้บัตรเครดิตง่ายๆเช่นกัน
3.คนเยอรมันสามารถออมเงินได้ 10%ของเงินเดือนแทบทุกคน
4.ผู้คนส่วนใหญ่มีเงินฝากในธนาคารเป็นกอบเป็นกำ ทำให้ระบบการหมุนเวียนของเงินกู้กับเงินฝากสมดุลกันได้ดี
5.คนเยอรมันไม่นิยมเอาบ้านหรือรถยนต์ไปจำนองเพื่อนำเงินมาทำธุรกิจ เพราะถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียทรัพย์สินที่มีอยู่
6.คนเยอรมันใช้เวลาทำงานต่อสัปดาห์น้อยกว่าคนในหลายชาติทั่วโลก (ทำงานเฉลี่ยปีละ 1,413 ชั่วโมง) แต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า โดยคิดเป็นรายได้ของประเทศวัดโดยจีดีพี เท่ากับ 55.3 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,800 บาทต่อชั่วโมงทำงาน
7.การทำงานล่วงเวลาถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากการให้เวลากับครอบครัวหลังเลิกงานถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
8.เวลาแปดชั่วโมงต่อวัน คนเยอรมันทำงานอย่างจริงจังในเวลางาน ไม่เสียเวลาไปกับการพูดคุยเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับงาน เป็นที่รู้กันว่าอีเมลล์ส่วนตัว Facebook และโทรศัพท์มือถือ ไม่ควรใช้ในชั่วโมงทำงาน
9.นักข่าวอังกฤษที่ไปทำงานในโรงงาน Faber & Castel ที่เยอรมนี ถูกต่อว่าจากเพื่อนร่วมงาน ทันทีที่หยิบโทรศัพท์ เพื่อต้องการส่ง SMS แค่ครั้งเดียว
10.ชีวิตในที่ทำงานเขาจริงจังกันมาก ไม่มีการพูดคุย นินทา ไม่อยากรู้อยากเห็นว่า ใครเป็นแฟนกับใคร ใครเลิกกับใคร ใครจะไปออกเดทกับใคร ไม่แม้แต่จะเล่าเรื่องละครทีวีที่ดูเมื่อคืน เลิกงานแล้วจะไปไหน จะไปทานดินเนอร์กับใคร ก็ไม่มีการคุยกัน
11.การมาทำงานสายจะถูกมองว่าเป็นคนไม่รักษาสัญญา จะมาสายสามนาทีหรือสามสิบนาที ก็ถือว่าเป็นคนไม่มีคุณภาพ เพราะขาดความเคารพต่อตนเองและองค์กร
12.สองในสามของคุณแม่มือใหม่จะไม่ทำงานนอกบ้าน การบอกว่าเป็นแม่บ้าน (Housewife) ในประเทศอื่นๆอาจจะทำให้รู้สึกเขินอายเหมือนกับว่าตนเองไม่มีงานทำ แต่ที่นี่มีแต่ความภูมิใจหากจะได้เป็น Housewife
13.รัฐบาลให้สวัสดิการดี กับคุณแม่ที่ต้องออกจากงาน ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้แม่ได้เลี้ยงดูลูกด้วยตนเอง การให้เวลากับลูกถือเป็นสิ่งสำคัญ
14.ในวันอาทิตย์ ร้านรวงทั่วไปตามแหล่ง shopping จะปิดเงียบ เพื่อให้ผู้คนส่วนใหญ่มีเวลาอยู่กับครอบครัว เมื่อสถาบันครอบครัวแข็งแรง ประเทศชาติก็จะแข็งแรง
15.ในยามยากของเศรษฐกิจ บริษัทส่วนใหญ่ไม่ใช้วิธี lay off (เลิกจ้าง) พนักงาน ไม่นิยมการปลดคนงานออกแบบกะทันหันเพื่อความอยู่รอดของบริษัท
16.อาจจะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปเสียแล้วที่บริษัทจะเป็นห่วงความอยู่รอดของพนักงานก่อน เพื่อที่จะได้ช่วยกันประคองให้บริษัทอยู่รอด
17.พนักงานยินดีที่จะถูกลดรายได้อย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อให้ทุกคนอยู่ได้และบริษัทอยู่รอด สิ่งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงการรักพวกพ้อง รักองค์กร และรักชาติในที่สุด
18.ฟุตบอลทีมชาติของเยอรมนีจะไม่ค่อยมีดาวเด่นที่โด่งดังระดับโลก แต่ก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 สมัย ด้วยทักษะการเล่นอย่างเป็นทีมเวิร์คมากกว่าความสำเร็จจากความสามารถเฉพาะบุคคล
19.การใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประหยัด จริงจังในหน้าที่ มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบสูง รักครอบครัว รักพวกพ้อง รักชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปนิสัยขั้นพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ในเยอรมนีได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา
คนเยอรมันผ่านความยากลำบากหลังสงครามโลกสองครั้ง ประเทศถูกแบ่งเป็นสองซีก ต้องสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ต้องชดใช้หนี้อันเกิดจากความสูญเสียในสงครามในฐานะผู้แพ้ และต้องกัดฟันแบกรับภาระในการดูแลซีกที่อ่อนแอกว่าเมื่อประเทศถูกรวมเป็นประเทศเดียวอีกครั้ง จนสามารถกลับขึ้นมาผงาดในฐานะมหาอำนาจอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ทางสงคราม
สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาเพียง 40 ปี หากคนเยอรมันไม่มี “วินัย”
ดิฉันเชื่อว่า หากทำการวิจัยผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา นักกีฬา นักแสดง ศิลปิน หรือนักธุรกิจ ในโลกนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทุกคนต้องมี คือ “การมีวินัย”
“วินัย” เป็นเรื่องที่ต้องฝึก ต้องใช้ความอดทน “วินัย” มีความหมายรวมไปถึงการมีวินัยต่อตนเอง คือการควบคุมตัวเองได้บังคับตัวเองให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบหรือฝืนใจได้ เพื่อหวังผลสำเร็จในอนาคต
สัปดาห์หน้า ดิฉันจะเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองในการฝึกวินัยค่ะ
https://www.facebook.com/PookHoonKinPhol