ภูมิปัญญาท้องถิ่น " ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา" ขยะจากนาเกลือ สามารถเปลี่ยนสภาพจากขยะ
เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี เพิ่มรายได้ให้ชาวนาเกลือได้อย่างไร
เครดิตบทความ คุณปราณีต เขียววิจิตร
ข้อเขียนนี้ ผู้เขียนได้รับการถ่ายทอดความรู้ จากคุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์ เกษตรกรชาวนาเกลือ
อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ที่ 7 ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้ค้นพบประโยชน์
ของขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา
คุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์
ผู้ค้นพบประโยชน์ของขี้แดดนาเกลือ
ในอดีต ถึงปัจจุบันการทำนาเกลือ เป็นอาชีพและวิถีชีวิตของคนตำบลบางแก้ว ซึ่งจะพบว่า
ก่อนทำนาเกลือของทุกปี จะต้องเตรียมปรับพื้นที่เพื่อจะทำนาเกลือปีต่อไป แต่ต้องประสบกับปัญหา
ของเศษตะกอนดิน ที่แตกระแหงอยู่บนพื้นนาเกลือ ชาวนาเกลือต้องเสียเวลา และแรงงานในการขูด
เศษตะกอนดินดังกล่าวทิ้ง โดยไม่ใช้ประโยชน์ และยังต้องจ้างแรงงานคนเพื่อขนถ่ายไปทิ้ง
ทำให้มีรายจ่ายเพิ่ม เพราะถ้าไม่กำจัดออกไปเมื่อถึงฤดูกาลทำนาเกลือครั้งต่อไป สูบน้ำเค็มเข้าไป
ตะกอนดินดังกล่าวจะเจริญเติบโตมาบังแสงแดด ทำให้ใช้เวลาในการเกิดเกลือช้า และจะปะปนกับเกลือ
ทำให้เกลือมีคุณภาพต่ำทำให้เสียราคา จึงเป็นปัญหาของชาวนาเกลือตำบลบางแก้ว ตลอดมา
ความหมายของคำว่า " ขี้แดดนาเกลือ " คือบรรดาสาหร่าย ตะไคร่น้ำ และจุลินทรีย์เล็ก ๆที่ลอยมากับน้ำทะเล
ที่สูบเข้ามาเพื่อทำนาเกลือ ฤดูกาลทำนาเกลือเริ่มตั้งแต่เดือนเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน
เนื่องจากต้องการพึ่งพาแสงแดดในการแผดเผาน้ำทะเล เพื่อเพิ่มความเค็มจนเกลือตกผลึก
เมื่อเก็บเกี่ยวนาเกลือเสร็จแล้ว จะถึงช่วงพักท้องนา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูฝน จึงทำให้มีน้ำขังในกระทงนา
สาหร่ายเหล่านี้จะเจริญเติบโตขึ้น เมื่อฝนหยุดตกแล้วสาหร่ายเหล่านี้จะแห้ง แตก ระแหงเป็นแผ่น ๆ
มีลักษณะบางกรอบ เมื่อโดนน้ำ จะมีกลิ่นเหม็นเน่า เหมือนหมาตาย ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อว่า "ดินหนังหมา"
คุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์ ประกอบอาชีพทำนาเกลือ ในพื้นที่ 32 ไร่ ต่อจากบิดา มารดา ตุณโตเล่าว่า
หลังจากเรียนจบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์การปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว ได้ทำธุรกิจส่วนตัว
และอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งบิดา มารดา ได้ขอร้องให้กลับบ้านเกิด เพื่อสืบทอดการทำนาเกลือ
คุณโต จึงมีแนวคิดว่า หากไม่กลับมารับช่วงต่อ อาชีพที่ทำมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ก็คงจะหายไป พื้นที่นาเกลือที่มีอยู่
อาจจะกลายเป็นโรงงาน หรือบ้านจัดสรร จึงตัดสินใจกลับมารับช่วงต่อ
คุณโต ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทำนาเกลือ และขี้แดดนาเกลือ ที่มหาวิทยาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่นาเกลือของคุณโต
การกลับมาบ้านเกิดของคุณโต ไม่เพียงเพื่อทำอาชีพนาเกลือไปวัน ๆ เขาต้องการเห็นชาวนาเกลือ
มีชีวิตที่ดีขึ้น ประกอบกับเป็นคนมีความตั้งใจ ช่างสังเกต วันหนึ่งคุณโตนอนเล่นที่เพิงพักที่นาเกลือ
เห็นต้นแตงโม แตงไทย ขึ้นบริเวณกองขี้แดดนาเกลือ เวลาผ่านไปพบว่าแตงโมมีผลใหญ่ขึ้น มีน้ำหนัก
ผลละ 5-7 กิโลกรัม เนื้อทราย มีรสหวาน คุยกับเพื่อนบ้านที่นำไปใส่ต้นกะเพรา ต้นทับทิม ได้ผลดีเช่นกัน
จึงจุดประกายให้คุณโตเห็นช่องทางที่จะ " เปลี่ยนสภาพจากขยะ เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร"
คุณโต ไม่ได้ทำคนเดียว ได้ไปปรึกษากับนักวิชาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม
เพื่อหาทุนสนับสนุนการศึกษาวิจัย หาประโยชน์ของขี้แดดนาเกลือ จัดเวทีชุมชนหาข้อมูลจากชาวบ้าน
ในครั้งนั้นชาวนาเกลือหลายคนไม่ให้ความสำคัญ ไม่มีใครเชื่อว่า ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา จะมีคุณค่า
แต่คุณโตไม่มีคำว่าท้อใจ ได้นำตัวอย่างขี้แดดนาเกลือไปวิเคราะห์ทางเคมี ที่ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร โดย ผศ.ดร.ณรงค์ ฉิมพาลี ผลการวิเคราะห์พบว่า มีธาตุโพแทสเซี่ยม 2 %
ธาตุฟอสฟอรัส 0.13 % ซึ่งธาตุเหล่านี้ เป็นสารอาหาร ที่ต้นไม้และพืชผลทางการเกษตรต้องการ
ในการเจริญเติบโตทั้งสิ้น ธาตุฟอสฟอรัสจะช่วยเสริม และกระตุ้นการออกดอกติดผล นอกจากนี้ผลการศึกษา
ในลักษณะทางกายภาพพบว่า แม้ขี้แดดนาเกลือ จะมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
ใช้มือบีบก็จะแตกหักได้ง่าย แต่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี เมื่อนำไปใส่ดินจะทำให้ดินร่วนซุย
ทำให้คุณโตมีความหวังมากขึ้นกับสิ่งที่เรียกว่า "ขยะ"
คุณโต ได้เก็บข้อมูลงานวิจัยจากการทดลอง โดยใช้เครือข่ายยุวเกษตรกร และเครือข่าย
มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่น ทดลองใช้กับสวนส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ ของอาจารย์สมทรง แสงตะวัน
เกษตรกร ตำบลบางพรม อำเภอบางคณฑี ครูภูมิปัญญาไทย ด้านเกษตรกรรม ปรากฎว่าส้มโอ
ผลใหญ่ขึ้น ผลสวย มีรสหวาน ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ
เด็กๆ กลุ่มยุวเกษตรกร เข้ารับความรู้จากคุณโต
การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าขี้แดดนาเกลือ จะได้รับการยอมรับในฐานะ " เปลี่ยนจากขยะ
เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี " คุณโตยังได้ทดลองใช้กับพืชผักชนิดอื่น ๆ ทั้งไม้ดอก ไม้ผล และนาข้าว
ซึ่งก็ให้ผลที่น่าพอใจ ทดลองกระทั่งบดเป็นผงผสมอาหารให้ไก่กิน ไก่ก็ติดขนดี หรือเป็นอาหารให้วัวกินก็ได้
ระยะแรก ๆ ของการทดลอง คุณโต ตระเวนแจกขี้แดดนาเกลือให้คนในจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ทดลองใช้
จากปากต่อปาก ชื่อเสียงของขี้แดดนาเกลือ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ แต่เป็นสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติจากกระบวนการ การทำนาเกลือ
แต่หากไม่มีผู้ใดศึกษาค้นคว้าหาประโยชน์ อย่างจริงจัง ก็คงยังเป็นขยะที่ไร้คุณค่า เป็นภาระของชาวนาเกลือ
ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดทิ้ง
หลังการเก็บเกี่ยวนาเกลือ เมื่อถึงหน้าฝน น้ำที่ขังในกระทงนา จะเริ่มแห้งและแตกระแหง
เมื่อแห้งจะแตกระแหงเป็นแผ่นบางๆ ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
นี่คือขยะที่ชาวนาเกลือต้องกำจัดก่อนถึงฤดูกาลทำนาเกลือครั้งต่อไป
มีลักษณะแห้ง บางกรอบ เมื่อโดนน้ำ จะมีกลิ่นเหม็นเน่า เหมือนหมาตาย
กษาจากสถานที่จริง นาเกลือ ของคุณโต
ปัจจุบัน ชาวนาเกลือ จะเก็บขี้แดดนาเกลือขายได้ปีละครั้ง โดยปริมาณขี้แดดนาเกลือที่เกิดขึ้น ในแต่ละปี
ในเนื้อที่นา 1 ไร่ จะเกิดขี้แดดนาเกลือประมาณ 500-1,000 กิโลกรัม เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ขี้แดดนาเกลือ
หรือดินหนังหมา ที่เคยเป็นขยะสร้างความรำคาญใจให้ชาวนาเกลือ ก็กลับกลายเป็นปุ๋ยชั้นดี ที่สร้างรายได้เพิ่ม
ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาขนทิ้ง ทั้งยังนำไปใช้ทดแทนสารเคมี เพื่อช่วยรักษาสภาพแวดล้อมที่ดี
ให้กับพืชสวนไร่นาในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย
ขี้แดดนาเกลือบรรจุกระสอบเกลือ เตรียมจำหน่าย
หากท่านผู้อ่านสนใจเรื่อง ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา นอกเหนือจากข้อเขียนนี้
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์ โทรศัพท์ 08-1856-2673
และหากต้องการศึกษาดูงานสวนส้มโอพันธ์ขาวใหญ่ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม
ติดต่อที่ อาจารย์สมทรง แสงตะวัน โทรศัพท์ 034-761-985 , 08-9829-7100
อ้างอิงบทความจากเว็บไซต์
http://rattanakosin.org/community/saltfarm.html
นวตกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น แปลงขยะ (จากนาเกลือ) เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี "" ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา"
ภูมิปัญญาท้องถิ่น " ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา" ขยะจากนาเกลือ สามารถเปลี่ยนสภาพจากขยะ
เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี เพิ่มรายได้ให้ชาวนาเกลือได้อย่างไร
เครดิตบทความ คุณปราณีต เขียววิจิตร
ข้อเขียนนี้ ผู้เขียนได้รับการถ่ายทอดความรู้ จากคุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์ เกษตรกรชาวนาเกลือ
อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ที่ 7 ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้ค้นพบประโยชน์
ของขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา
คุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์
ผู้ค้นพบประโยชน์ของขี้แดดนาเกลือ
ในอดีต ถึงปัจจุบันการทำนาเกลือ เป็นอาชีพและวิถีชีวิตของคนตำบลบางแก้ว ซึ่งจะพบว่า
ก่อนทำนาเกลือของทุกปี จะต้องเตรียมปรับพื้นที่เพื่อจะทำนาเกลือปีต่อไป แต่ต้องประสบกับปัญหา
ของเศษตะกอนดิน ที่แตกระแหงอยู่บนพื้นนาเกลือ ชาวนาเกลือต้องเสียเวลา และแรงงานในการขูด
เศษตะกอนดินดังกล่าวทิ้ง โดยไม่ใช้ประโยชน์ และยังต้องจ้างแรงงานคนเพื่อขนถ่ายไปทิ้ง
ทำให้มีรายจ่ายเพิ่ม เพราะถ้าไม่กำจัดออกไปเมื่อถึงฤดูกาลทำนาเกลือครั้งต่อไป สูบน้ำเค็มเข้าไป
ตะกอนดินดังกล่าวจะเจริญเติบโตมาบังแสงแดด ทำให้ใช้เวลาในการเกิดเกลือช้า และจะปะปนกับเกลือ
ทำให้เกลือมีคุณภาพต่ำทำให้เสียราคา จึงเป็นปัญหาของชาวนาเกลือตำบลบางแก้ว ตลอดมา
ความหมายของคำว่า " ขี้แดดนาเกลือ " คือบรรดาสาหร่าย ตะไคร่น้ำ และจุลินทรีย์เล็ก ๆที่ลอยมากับน้ำทะเล
ที่สูบเข้ามาเพื่อทำนาเกลือ ฤดูกาลทำนาเกลือเริ่มตั้งแต่เดือนเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน
เนื่องจากต้องการพึ่งพาแสงแดดในการแผดเผาน้ำทะเล เพื่อเพิ่มความเค็มจนเกลือตกผลึก
เมื่อเก็บเกี่ยวนาเกลือเสร็จแล้ว จะถึงช่วงพักท้องนา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูฝน จึงทำให้มีน้ำขังในกระทงนา
สาหร่ายเหล่านี้จะเจริญเติบโตขึ้น เมื่อฝนหยุดตกแล้วสาหร่ายเหล่านี้จะแห้ง แตก ระแหงเป็นแผ่น ๆ
มีลักษณะบางกรอบ เมื่อโดนน้ำ จะมีกลิ่นเหม็นเน่า เหมือนหมาตาย ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อว่า "ดินหนังหมา"
คุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์ ประกอบอาชีพทำนาเกลือ ในพื้นที่ 32 ไร่ ต่อจากบิดา มารดา ตุณโตเล่าว่า
หลังจากเรียนจบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์การปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว ได้ทำธุรกิจส่วนตัว
และอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งบิดา มารดา ได้ขอร้องให้กลับบ้านเกิด เพื่อสืบทอดการทำนาเกลือ
คุณโต จึงมีแนวคิดว่า หากไม่กลับมารับช่วงต่อ อาชีพที่ทำมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ก็คงจะหายไป พื้นที่นาเกลือที่มีอยู่
อาจจะกลายเป็นโรงงาน หรือบ้านจัดสรร จึงตัดสินใจกลับมารับช่วงต่อ
คุณโต ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทำนาเกลือ และขี้แดดนาเกลือ ที่มหาวิทยาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่นาเกลือของคุณโต
การกลับมาบ้านเกิดของคุณโต ไม่เพียงเพื่อทำอาชีพนาเกลือไปวัน ๆ เขาต้องการเห็นชาวนาเกลือ
มีชีวิตที่ดีขึ้น ประกอบกับเป็นคนมีความตั้งใจ ช่างสังเกต วันหนึ่งคุณโตนอนเล่นที่เพิงพักที่นาเกลือ
เห็นต้นแตงโม แตงไทย ขึ้นบริเวณกองขี้แดดนาเกลือ เวลาผ่านไปพบว่าแตงโมมีผลใหญ่ขึ้น มีน้ำหนัก
ผลละ 5-7 กิโลกรัม เนื้อทราย มีรสหวาน คุยกับเพื่อนบ้านที่นำไปใส่ต้นกะเพรา ต้นทับทิม ได้ผลดีเช่นกัน
จึงจุดประกายให้คุณโตเห็นช่องทางที่จะ " เปลี่ยนสภาพจากขยะ เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร"
คุณโต ไม่ได้ทำคนเดียว ได้ไปปรึกษากับนักวิชาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม
เพื่อหาทุนสนับสนุนการศึกษาวิจัย หาประโยชน์ของขี้แดดนาเกลือ จัดเวทีชุมชนหาข้อมูลจากชาวบ้าน
ในครั้งนั้นชาวนาเกลือหลายคนไม่ให้ความสำคัญ ไม่มีใครเชื่อว่า ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา จะมีคุณค่า
แต่คุณโตไม่มีคำว่าท้อใจ ได้นำตัวอย่างขี้แดดนาเกลือไปวิเคราะห์ทางเคมี ที่ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร โดย ผศ.ดร.ณรงค์ ฉิมพาลี ผลการวิเคราะห์พบว่า มีธาตุโพแทสเซี่ยม 2 %
ธาตุฟอสฟอรัส 0.13 % ซึ่งธาตุเหล่านี้ เป็นสารอาหาร ที่ต้นไม้และพืชผลทางการเกษตรต้องการ
ในการเจริญเติบโตทั้งสิ้น ธาตุฟอสฟอรัสจะช่วยเสริม และกระตุ้นการออกดอกติดผล นอกจากนี้ผลการศึกษา
ในลักษณะทางกายภาพพบว่า แม้ขี้แดดนาเกลือ จะมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
ใช้มือบีบก็จะแตกหักได้ง่าย แต่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี เมื่อนำไปใส่ดินจะทำให้ดินร่วนซุย
ทำให้คุณโตมีความหวังมากขึ้นกับสิ่งที่เรียกว่า "ขยะ"
คุณโต ได้เก็บข้อมูลงานวิจัยจากการทดลอง โดยใช้เครือข่ายยุวเกษตรกร และเครือข่าย
มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่น ทดลองใช้กับสวนส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ ของอาจารย์สมทรง แสงตะวัน
เกษตรกร ตำบลบางพรม อำเภอบางคณฑี ครูภูมิปัญญาไทย ด้านเกษตรกรรม ปรากฎว่าส้มโอ
ผลใหญ่ขึ้น ผลสวย มีรสหวาน ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ
เด็กๆ กลุ่มยุวเกษตรกร เข้ารับความรู้จากคุณโต
การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าขี้แดดนาเกลือ จะได้รับการยอมรับในฐานะ " เปลี่ยนจากขยะ
เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี " คุณโตยังได้ทดลองใช้กับพืชผักชนิดอื่น ๆ ทั้งไม้ดอก ไม้ผล และนาข้าว
ซึ่งก็ให้ผลที่น่าพอใจ ทดลองกระทั่งบดเป็นผงผสมอาหารให้ไก่กิน ไก่ก็ติดขนดี หรือเป็นอาหารให้วัวกินก็ได้
ระยะแรก ๆ ของการทดลอง คุณโต ตระเวนแจกขี้แดดนาเกลือให้คนในจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ทดลองใช้
จากปากต่อปาก ชื่อเสียงของขี้แดดนาเกลือ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ แต่เป็นสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติจากกระบวนการ การทำนาเกลือ
แต่หากไม่มีผู้ใดศึกษาค้นคว้าหาประโยชน์ อย่างจริงจัง ก็คงยังเป็นขยะที่ไร้คุณค่า เป็นภาระของชาวนาเกลือ
ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดทิ้ง
หลังการเก็บเกี่ยวนาเกลือ เมื่อถึงหน้าฝน น้ำที่ขังในกระทงนา จะเริ่มแห้งและแตกระแหง
เมื่อแห้งจะแตกระแหงเป็นแผ่นบางๆ ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
นี่คือขยะที่ชาวนาเกลือต้องกำจัดก่อนถึงฤดูกาลทำนาเกลือครั้งต่อไป
มีลักษณะแห้ง บางกรอบ เมื่อโดนน้ำ จะมีกลิ่นเหม็นเน่า เหมือนหมาตาย
กษาจากสถานที่จริง นาเกลือ ของคุณโต
ปัจจุบัน ชาวนาเกลือ จะเก็บขี้แดดนาเกลือขายได้ปีละครั้ง โดยปริมาณขี้แดดนาเกลือที่เกิดขึ้น ในแต่ละปี
ในเนื้อที่นา 1 ไร่ จะเกิดขี้แดดนาเกลือประมาณ 500-1,000 กิโลกรัม เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ขี้แดดนาเกลือ
หรือดินหนังหมา ที่เคยเป็นขยะสร้างความรำคาญใจให้ชาวนาเกลือ ก็กลับกลายเป็นปุ๋ยชั้นดี ที่สร้างรายได้เพิ่ม
ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาขนทิ้ง ทั้งยังนำไปใช้ทดแทนสารเคมี เพื่อช่วยรักษาสภาพแวดล้อมที่ดี
ให้กับพืชสวนไร่นาในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย
ขี้แดดนาเกลือบรรจุกระสอบเกลือ เตรียมจำหน่าย
หากท่านผู้อ่านสนใจเรื่อง ขี้แดดนาเกลือ หรือดินหนังหมา นอกเหนือจากข้อเขียนนี้
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณบุญปลอด (โต) เจริญฤทธิ์ โทรศัพท์ 08-1856-2673
และหากต้องการศึกษาดูงานสวนส้มโอพันธ์ขาวใหญ่ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม
ติดต่อที่ อาจารย์สมทรง แสงตะวัน โทรศัพท์ 034-761-985 , 08-9829-7100
อ้างอิงบทความจากเว็บไซต์ http://rattanakosin.org/community/saltfarm.html